คืนนั้น
หร่วนซือซือทิ้งตัวนอนลงบนเตียง เธอพลิกตัวไปมาอยู่หลายรอบแต่ก็นอนไม่หลับ ไม่นึกเลยว่าห้าปีที่แล้วตัวเธอเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แต่ตอนนั้นที่เธอพึ่งจะตื่นขึ้นมา เรื่องที่ซ่งเย้อันเล่าให้เธอฟังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตู้เยี่ยเองบอกว่าเมื่อเขารีบรุดไปถึง ก็เห็นอวี้อี่มั่วนอนหมดสติอยู่บนชายหาดคนเดียว ส่วนซ่งเย้อันก็บอกว่าเห็นเธอนอนหมดสติอยู่บนชายหาดคนเดียว ไม่มีอวี้อี่มั่วเลย
แต่ถ้าหากอวี้อี่มั่วเป็นคนช่วยชีวิตเธอจริงๆ เขาและเธอต้องนอนหมดสติอยู่บนชายหาดด้วยกันสิ เมื่อเป็นแบบนี้ เรื่องที่เธอได้ยินมา คงมีใครคนใดคนหนึ่งกำลังโกหกเธออย่างแน่นอน
เมื่อช่างน้ำหนักดูแล้ว ตู้เยี่ยไม่มีความจำเป็นที่ต้องโกหกเธอเลย แต่ซ่งเย้อันล่ะ? เขาจะโกหกเธอหรือเปล่า?
เมื่อคิดไปคิดมา ทุกอย่างก็ยิ่งคลุมเครือ ในที่สุดเธอก็แพ้ให้กับความง่วง นอนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ตื่นขึ้นวันถัดมา แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้อง อากาศดีมาก ราวกับว่าฝนฟ้าพายุที่กระหน่ำเมื่อคืนนี้ไม่เป็นเรื่องจริง
หร่วนซือซือตื่นค่อนข้างสาย เธอบิดขี้เกียจแล้วก็รีบไปอาบน้ำอาบท่า ลงชั้นล่างไปทานอาหารเช้า ก็บังเอิญเจอกับคุณนายใหญ่ที่ถือบัวรถน้ำกำลังจะไปรดน้ำดอกไม้
เมื่อคุณนายใหญ่เห็นเธอ ก็เลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม : “หลับสบายดีหรือเปล่า? เมื่อวานออกไปกับอวี้อี่มั่วทั้งวัน เหนื่อยไม่เป็นท่าเลยล่ะสิ?”
เมื่อหร่วนซือซือนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ก็รู้สึกเย็นวาบทั้งแผ่นหลัง เธอยิ้มขึ้นเจื่อนๆ พร้อมกับตอบกลับไปว่า : “เมื่อวานกลับมาค่อนข้างดึก ก็เลยนอนตื่นสายหน่อยค่ะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เธอกับอวี้อี่มั่วก็ควรจะทำความคุ้นเคยกันให้มาก เพื่อปลูกฝังความสัมพันธ์ที่ดี……”
คุณนายใหญ่ยังไม่ทันที่จะพูดจบ แต่หร่วนซือซือก็เดาความหมายของเธอออก เธอจะรีบเปลี่ยนเรื่อง : “คุณยายคะ ดูเหมือนว่าโจ๊กจะเย็นแล้ว หนูรีบไปทานอาหารเช้าก่อนดีกว่า”
คุณนายใหญ่จึงยอมปล่อยเธอไป : “ดีดีดี เธอรีบไปทานข้าวก่อน”
หร่วนซือซือนั่งลงที่โต๊ะ เธอทานโจ๊กพลางดูข้อความในมือถือ เมื่อวานเป็นเพราะมือถือของเธอแบตหมด และเธอเองก็ไม่ค่อยได้ดูเลย มือถือก็ดับไป ตอนนี้จึงเพิ่งว่างดูข้อความที่เธอยังไม่ได้อ่าน
บนวีแชท คุณนายหลิวส่งข้อความให้เธอหลายข้อความ สายวิดีโอคอลอีกสองสาย โทรมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่เธอไม่ได้รับสาย
“ซือซือ จัดการเรื่องของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วรึยัง? จะได้กลับมาเมื่อไหร่? สองเด็กบ่นคิดถึงเธอทุกวัน คิดถึงจนไม่เป็นอันจะกินข้าว”
เมื่อเธอได้อ่านข้อความของคุณนายหลิวแล้ว หร่วนซือซือก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจ จะว่าไปแล้ว เธอเองไม่ได้เจอหน้าเซินเซินและซาซามาหลายวันแล้ว รู้สึกหัวใจมันเบาหวิวแปลกๆ
เธอจึงตอบกลับข้อความคุณนายหลิวว่า : “แม่คะ หนูจัดการเรื่องทางนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะกลับไปเร็วๆนี้ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”
เมื่อส่งข้อความไปแล้ว เธอก็รู้สึกว่าส่งข้อความดูเหมือนจะแข็งทื่อเกินไปหรือเปล่านะ เธอกำลังลังเลว่าจะวิดีโอคอลไปดีหรือเปล่า จู่ๆก็ได้ยินเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น
เธอเงยหน้าขึ้น มองผ่านกระจกหน้าต่างไปยังทิศทางประตูใหญ่ จู่ๆรู้สึกกังวลใจแปลกๆ
เพราะคฤหาสน์หลังนี้เป็นที่ส่วนตัวของซูอวี้เฉิง ที่อยู่เป็นความลับ และค่อนข้างปลอดภัย ในตอนแรกซูอวี้เฉิงพาอวี้อี่มั่วมาพักที่นี่ชั่วคราว ก็เพื่อความปลอดภัยของอวี้อี่มั่ว เธอที่พักอยู่ที่นี่หลายวันแล้วก็รู้สึกว่าที่นี่ปลอดภัยและเงียบสงบ นอกจากคนของอวี้อี่มั่วและซูอวี้เฉินแล้ว ปกติก็ไม่มีแขกมาเลย
เพราะงั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านครั้งนี้ จึงทำให้เธอสังหรณ์ใจแปลกๆ
คฤหาสน์หยางมีคนใช้ไม่มาก เมื่อได้ยินเสียงกริ่งแล้ว คุณป้าที่ทำกับข้าวก็รีบวิ่งไปดูที่หน้าประตู เปิดช่องประตูเล็กที่ประตูเหล็ก พูดกับคนที่อยู่ข้างนอกอยู่สองสามประโยค
คุณนายใหญ่ที่กำลังจัดดอกไม้อยู่ที่สวน ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า : “ใครมา?”
คุณน้าตอบกลับว่า : “เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อายุไม่มาก มาถึงก็พูดว่าจะเจอหน้าอวี้อี่มั่ว ดิฉันไม่ได้ยินคุณผู้ชายสั่งไว้ว่าวันนี้จะมีแขก ดิฉันก็เลยบอกกับเธอไปว่าเธอมาผิดที่แล้ว”
เมื่อพูดจบ ก็มีเสียงทุบประตูเล็กดังลั่นจากหน้าประตู จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง : “พี่มั่ว! นี่ฉันเอง! ฉันคือหว่านเอ๋อ!”
“พี่มั่ว ฉันตั้งใจมาหาพี่โดยเฉพาะ! พี่เปิดประตูหน่อย! ให้ฉันได้เจอหน้าพี่สักครั้ง”
“……”
หร่วนซือซือและคุณนายใหญ่ต่างพากันตกใจกับเสียงนั้น หร่วนซือซือรีบลุกขึ้น เดินไปที่ประตู ก็เจอเข้ากับคุณนายใหญ่
น้ำเสียงนี้ เธอเดาออกได้เลยทันที เป็นเสียงของคนอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเย่หว่านเอ๋อ
คุณนายใหญ่เองก็เดาออก จึงพูดขึ้นอย่างโมโหว่า : “อี่มั่วหย่ากับเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอยังจะมาหาเขาอีก!”
หร่วนซือซือสุดลมหายใจเข้า กำลังจะสั่งให้คุณป้าขึ้นไปแจ้งเรื่องนี้กับอวี้อี่มั่ว แต่จู่ๆตู้เยี่ยก็เข็นอวี้อี่มั่วออกมาจากตัวบ้าน
“พี่มั่ว! นี่ฉันเอง! ฉันคือหว่านเอ๋อ!”
“ฉันแค่อยากจะเจอหน้าพี่สักครั้ง แค่อยากจะดูว่าพี่สบายดีหรือเปล่า ได้เจอหน้าพี่แล้วฉันก็จะกลับไปทันที”
“……”
เสียงตะโกนดังจากหน้าประตูไม่หยุด ดูๆแล้วหากไม่มีใครตอบรับ เย่หว่านเอ๋อคงจะตะโกนไม่หยุดแน่ๆ
หลังจากที่อวี้อี่มั่วออกมาแล้ว เขาเองก็ได้ยินเสียงของเย่หว่านเอ๋อ เขาขมวดคิ้วแน่น และไม่ได้พูดอะไรออกมา
คุณนายใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆรู้สึกทนต่อไปไม่ไหว จึงพูดกับอวี้อี่มั่วด้วยความโมโห : “อี่มั่ว เธอคนนั้นรู้ที่อยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
พวกเขาต้องการให้ที่นี่เป็นความลับและปลอดภัยแน่นหนา แต่เย่หว่านเอ๋อกลับมาหาเขาที่นี่ จึงทำให้ทุกคนพลอยเป็นกังวลใจถึงวันข้างหน้า
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว หยิบมือถือขึ้นมา ก็เห็นข้อความของซูอวี้เฉิงที่ส่งมาให้เขาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
“ตาอวี้ เย้หว่านเอ๋อตามตื๊อฉันมาหลายวันแล้ว เธอถามหาข่าวคราวของนายทุกวัน วันนี้เธอไปกินเหล้าที่บาร์แต่เช้า เมาจนล้มแล้วล้มอีก ฉันเลยทนไม่ไหว ก็เลยบอกที่อยู่ที่นี่ให้กับเธอไป เธอบอกว่าแค่เธอไม่เห็นหน้านายเธอก็จะกลับไปทันที ฉันเลยอยากจะบอกนายล่วงหน้า ให้นายได้เตรียมตัวไว้หน่อย……”
ลงท้ายด้วยอิโมติคอนช่วยไม่ได้หนึ่งตัว
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น แล้วเก็บมือถือลง
นึกไว้ไม่มีผิด ผลงานของซูอวี้เฉิง
เวลานั่นเอง เสียงทุกประตูและเสียงตะโกนก็เบาลง จนทุกคนนึกว่าเย่หว่านเอ๋อกลับไปแล้ว จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง”ปังๆๆ” ครั้งแล้วครั้งเล่า
ครั้งนี้ได้ยินชัดว่าไม่ใช่เสียงที่ใช้มือทุบ แต่เป็นเครื่องมืออะไรบางอย่าง ที่ทุบดังขึ้นเรื่อยๆไม่หยุด
คุณนายใหญ่เองก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา จึงรีบหันไปหาอวี้อี่มั่ว : “อี่มั่ว รีบคิดหาวิธีดูหน่อย ปล่อยให้เคาะแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่อง?”
อวี้อี่มั่วสีหน้าเครียดขรึมขึ้นมา หันไปสั่งกับตู้เยี่ยว่า : “ไปเปิดประตู”
คุณนายใหญ่จึงรีบพูดขึ้นว่า : “เธอยังจะไปเจอหน้าผู้หญิงคนนั้นอีกเหรอ?”
อวี้อี่มั่วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ในเมื่อเธออยากจะเจอผมสักครั้ง ผมก็จะทำตามคำขอของเธอ”
ตู้เยี่ยรีบเดินผ่านสวนหย่อม ไปที่หน้าประตูใหญ่ พร้อมกับเปิดประตูออก
เวลานั้นเอง เสียงตะโกนเสียงทุบประตูก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงที่รีบร้อนของเย่หว่านเอ๋อ: “พี่มั่วล่ะ! เขาอยู่ไหน!”
ประตูเปิดออกได้เพียงนิดเดียว เย่หว่านเอ๋อก็พุ่งเข้ามาทันที เธอเดินผ่านตู้เยี่ยไป สายตาสาดส่องมองไปทั่ว วินาทีที่เธอเห็นหน้าของอวี้อี่มั่ว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นดีใจขึ้นมาทันที
“พี่มั่ว!” เธอวิ่งไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น แต่แล้ว เธอวิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เมื่อเห็นเขาที่นั่งอยู่บนรถเข็น เธอก็อึ้งพร้อมกับหยุดไป สีหน้าดีใจบนใบหน้าของเธอเมื่อครู่นี้ เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที