เฉียวเหวยอีเฝ้าดูถังหยวนเป่าขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จึงละสายตากลับมา
ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถามซ่งหยวนว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ เธอก็เห็นรถที่จอดอยู่ในความมืดอยู่ไม่ไกลขับรถตรงมาและหยุดลงตรงหน้าพวกเขา
หลานซวี่เปิดประตูรถและลงมา มอบแฟ้มเอกสารให้กับเฉียวเหวยอีและกระซิบว่า “คุณผู้หญิง มีนี้มีเอกสารหลายฉบับที่คุณต้องเซ็นมันทันที”
เฉียวเหวยอีไม่รู้ว่ามันคืออะไร เธอเปิดแฟ้มเอกสารและพบว่ามันเป็นใบทะเบียนบ้าน
ทะเบียนบ้านของเธอถูกย้ายจากคฤหาสน์ตระกูลเฉียวไปยังคฤหาสน์ตี้หวงอีเฮ่า
หลานซวี่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงการลงนามรับรองของเฉียวเหวยอีเท่านั้น
ไม่กี่วันมานี้เธองานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาทานอาหาร หลานซวี่จึงไม่กล้ามารบกวนเวลาของเธอ
เฉียวเหวยอีจ้องไปที่คำว่าคฤหาสน์ตี้หวงอีเฮ่าครู่หนึ่ง
“ซูหรูเยียนว่ายังไงบ้าง ?” เฉียวเหวยอีเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลานซวี่
“คุณชายบอกว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณซูแม้แต่น้อย เธอจึงพูดอะไรไม่ได้ครับ” หลานซวี่ตอบไปตามคำพูดของลี่เย่ถิง
“ฉันไม่เซ็น” เฉียวเหวยอีตอบด้วยรอยยิ้ม
ถ้าเธอย้ายทะเบียนบ้านของเธอไปที่นั่น ตอนแยกจากกันมันจะคลุมเครือมากกว่าเดิม
“คุณชายบอกว่าถ้าคุณปฏิเสธที่จะเซ็น ก็จ้องขึ้นไปเซ็นบนรถแทนครับ” หลานซวี่ก้มศีรษะลงและกระซิบเบา ๆ
“เขากลับมาแล้วเหรอ ?” เฉียวเหวยอีหันมองรถ
“ใช่ครับ”
เมื่อเฉียวเหวยอีเปิดประตูและขึ้นรถก็เห็นลี่เย่ถิงยังคงอยู่ในที่ประชุม
เธอเคยชินกับเขาที่ทำงานตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงปิดประตูเบา ๆ และนั่งข้างเขา พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่สามารถเซ็นสิ่งนี้ได้ในวันนี้
ลี่เย่ถิงเหลือบมองไปที่แฟ้มเอกสารที่เธอวางอยู่บนที่นั่ง เธอไม่เต็มใจที่จะเชื่อฟังตามที่คาดไว้
เฉียวเหวยอีนั่งอยู่ในรถครู่หนึ่ง เห็นข้อความจากซูหรูเยียนเมื่อหน้าจอโทรศัพท์ของลี่เย่ถิง
เธอบังเอิญเห็นสองประโยค “เย่ถิง คืนนี้คุณจะมาไหม ?”
“คุณจะมาเมื่อไหร่ ? ฉันจะรอคุณนะ”
ลี่เย่ถิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เธอมองออกไปทันที ในใจรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะงานยุ่งมากแต่ก็ยังนัดหมายกับหล่อน เธอควรจะรีบกลับไปที่กองถ่ายเพราะมันจะดีสำหรับทุกคน
ดูเหมือนหลานซวี่จะขับรถไปทางตะวันออกของเมือง ไม่ใช่ทางไปคฤหาสน์ตระกูลฟู่หรือคฤหาสน์ตี้หวงอีเฮ่า
“ฉันเหนื่อย” เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกระซิบบอกลี่เย่ถิงที่อยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเล็กน้อย ตอนนี้เธออยากกลับไปนอนพักผ่อน แม้แต่การลบเครื่องสำอางก็ยังลำบาก เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการพาเธอไปที่ไหน
ลี่เย่ถิงดูเหมือนจะไม่ฟังเธอ เฉียวเหวยอีรู้สึกรำคาญเล็กน้อยและระดับเสียงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “ฉันจะนอน”
เธอจงใจสร้างปัญหา
ลี่เย่ถิงลืมตาขึ้นและเหลือบมองเธอ ชี้ไปที่หูฟังของเขา และถามอย่างแผ่วเบาว่า “กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าฉันอยู่กับเธอหรือไง ?”
“…”
“เราจะไปถึงที่นั่นในอีกยี่สิบนาที ลาก่อน”
สิ่งที่เฉียวเหวยอีต้องการทำก็คือปาคอมพิวเตอร์ของเขาลงพื้น กระโดดออกจากรถแล้วเรียกแท็กซี่กลับไปที่กองถ่าย
อย่าว่าแต่ยี่สิบนาทีเลย เธอไม่อยากรอสักนาทีเดียว เธอรู้สึกปวดหลังมาก
เมื่อเห็นเธอใจร้อน ลี่เย่ถิงก็หยิบบางสิ่งจากด้านข้างออกมา และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “มานี่สิ”
เฉียวเหวยอีทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
ลำพังแค่นั่งเฉย ๆ เธอก็รู้สึกปวดหลังมากจนแทบทนไม่ไหว เธอหันหลังให้ลี่เย่ถิงพลางพิงเบาะนั่งราวกับนอนลงไป
เหนื่อยเหลือเกิน
ลี่เย่ถิงเหลือบมองดูเอวที่เรียวบางและอ่อนนุ่มของเธอ