ร่างกายที่เพิ่งดีขึ้นกลับถูกบีบจนเกิดรอยขึ้นอีกครั้ง
เป้าหมายของเขาประสบความสำเร็จ และเป้าหมายของการลงนามในข้อตกลงกับเธอเพื่อทรมานเธอได้สำเร็จ
เธอกลัวลี่เย่ถิง ต่อไปเธอจะไม่ต่อต้านเขาอีก เขาจะทำทุกอย่างที่เขาต้องการขอเพียงแค่เขามีความสุขและรู้สึกพอใจ
รอเวลาที่เขารู้สึกเบื่อ ถึงเวลานั้นเขาก็คงจะปล่อยเธอไปสินะ ?
…
ชั้นล่างของสำนักงานใหญ่ wlกรุ๊ป
ลี่เย่ถิงอุ้มเฉียวเหวยอีซึ่งถูกห่อด้วยชุดสูทขนาดใหญ่ของเขาออกจากรถ
และบอลลูนก็ค่อยๆ ลอยอยู่เหนือหัวของเขา
ลูกน้องด้านข้างมองหน้ากัน แม้ว่าลี่เย่ถิงจะปกปิดใบหน้าหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเธอไม่ใช่เฉียวอีเหริน
ประธานของพวกเขาเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ? ขอเฉียวอีเหรินแต่งงานแต่กลับอุ้มผู้หญิงอีกคน ?
เมื่อรู้ว่าลี่จื่อจิ้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ลี่เย่ถิงก็ตรงไปยังไปที่ห้องทำงานชั้นบนสุดโดยมีเฉียวเหวยอีในอ้อมแขนของเขา
ห้องทำงานของเขาอยู่ชั้นบนสุด และไม่มีใครกล้าเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา
เมื่อเขาวางเฉียวเหวยอีลง ทั้งสองมองหน้ากัน เฉียวเหวยอี ก็จ้องไปที่มือของเขาบนตักของเธอและถามเขาด้วยเสียงต่ำว่า “คุณช่วยเอาเสื้อผ้าให้ฉันหน่อยได้ไหม ?”
“วันนี้เธออยู่ที่นี่ รอฉันเลิกงาน” ลี่เย่ถิงตอบเสียงเบา “นี่คือห้องรับรองส่วนตัวของฉัน เธออยากทำอะไรก็ได้ ต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกฉัน”
พูดจบก็ปล่อยมือจากเฉียวเหวยอี
เขารู้ว่าเฉียวเหวยอีไม่อยากถูกเขาสัมผัสในตอนนี้ แต่วันนี้เธอจำเป็นต้องอยู่ที่นี่
เฉียวเหวยอีไม่กล้าพูดอะไร
ลี่เย่ถิงมองหน้าและพูดว่า “ยกเว้นซุ่ยซุ่ยกับคุณป้าทำความสะอาดก็ไม่มีใครเคยมาที่ห้องรับรองเลย”
หลังจากนั้น เขาลุกขึ้น ออกจากห้องรับรอง และช่วยเธอปิดประตู
เฉียวเหวยอีสูดหายใจเข้าลึกๆ หันศีรษะแล้วมองไปรอบๆ
รสนิยมของลี่เย่ถิงยังเหมือนเดิมตลอด ทั้งห้องมีแค่สามสี นั่นคือสีดำ ขาว เทา ไม่ใหญ่โต มีห้องน้ำอยู่ข้างๆ มีเสื้อผ้าหลายชุดแขวนอยู่ในตู้รวมถึงเสื้อผ้าของซุ่ยซุ่ย อาจจะเป็นเพราะบางครั้งเขาทำงานยุ่งจนเกินไปจนต้องนอนค้างที่นี่
เธอลุกไปเข้าห้องน้ำดูในห้องน้ำ พบว่ามีผ้าเช็ดตัวพับเก็บอย่างเรียบร้อยซึ่งน่าจะเพิ่งซักเสร็จ
เฉียวเหวยอีก้มศีรษะลงมองดูเสื้อผ้าที่ลี่เย่ถิงฉีกจนขาด หากจู่ๆ ก็มีคนเข้ามาเห็นเธอแบบนี้คงไม่ดีแน่
เธอพิจารณาแล้วหยิบเสื้อตัวที่ใหญ่ที่สุดของลี่เย่ถิงและไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วในห้องน้ำ
เธอออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดผมที่แห้งหมาดๆ ขณะที่ลี่เย่ถิงเดินเข้ามาพอดี
ทั้งสองมองหน้ากัน และลี่เย่ถิงก็จ้องมองไปที่เสื้อเชิ้ตสีขาวขนาดใหญ่ที่เธอสวมอยู่ทันที
สายตาของเขาดูกระตือรือร้นเล็กน้อย ทำให้เฉียวเหวยอีรู้สึกเขินเล็กน้อย เธอเบือนหน้าหนีแล้วพูดว่า “หลังจากที่ฉันกลับไป ฉันจะซักคืนให้”
ลี่เย่ถิงไม่พูดอะไร เขาเดินเข้าไปวางถ้วยกระติกน้ำร้อนไว้ข้างเตียง แล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “กินข้าวกลางวันกันไหม ?”
เฉียวเหวยอีรู้สึกหิวเล็กน้อย และวิธีที่เขาป้อนอาหารทำให้เธอทนไม่ได้ เธอไม่พูดอะไรและเดินออกไปข้างหลังเขา
ด้านนอกเป็นพื้นที่ทำงานของเขา ซึ่งใหญ่กว่าเลานจ์ มีชั้นหนังสือเต็มไปด้วยเอกสาร
อาหารวางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนสีดำขนาดใหญ่ของเขาแล้ว แต่มีเก้าอี้เพียงตัวเดียวสำหรับเขา
เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองคนจะนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกันแล้วทานอาหาร
เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และกำลังจะหันหลังเพื่อย้ายเก้าอี้โซฟา ลี่เย่ถิงก็พูดขึ้นทันที “เธอกินก่อนสิ”
ขณะพูด เขาเดินไปที่โซฟาและนั่งลง หยิบเอกสารบนโต๊ะกาแฟแล้วมองลงไป
เฉียวเหวยอีไม่เคยกินอาหารร่วมโต๊ะเดียวกันกับเขาตั้งแต่กลับมาจีน เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่เขาไม่กิน เธอนั่งลงที่โต๊ะคนเดียวและเริ่มกินอย่างช้าๆ