“เธอโชคดีที่ไม่ได้สาดโดนหน้าเฉียวเหวยอี!ถ้าสาดโดนเธอก็จบเห่แน่!”ถังหยวนเป่าชี้นิ้วไปทางเฉียวอีเหรินพูดเสียงดัง“กูจะทำให้หน้ามึง ยับเยิน!!!”
“ช่างมันเถอะ”เฉียวเหวยอียังดึงถังหยวนเป่าที่แยกเคี้ยวยิงฟันจะตบเฉียวอีเหรินอีก ขมวดคิ้วขึ้นพูดเสียงต่ำ“พวกเรากลับเถอะ!อย่าไปลดตัวทะเลาะกับคนอย่างหล่อน!”
เฉียวอีเหรินถูกตบจนมึนงง มองพวกเธอสองคนที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วยความตกตะลึงจนตาค้าง
เฉียวเหวยอีชั่วพริบตาเดียวก็ควบคุมถังหยวนเป่าได้ หันหน้าไปพูดกับเฉียวอีเหริน“เธอกลับไปเถอะ”
พูดจบ ก็ใช้คำพูดที่มีแค่พวกเธอสองคนที่สามารถได้ยินไปทางเฉียวอีเหริน“นี้ก็คือเรียกว่า โต้เถียงทำให้คนอื่นได้รับความเสียหาย เข้าใจไหม?”
เฉียวอีเหรินอึ้งไปสักพัก ทันใดนั้นก็เข้าใจ
“นี่!!!!”เฉียวอีเหรินมองแผ่นหลังของพวกเธอสองคนที่จากไป มองสายตาของคนรอบข้างที่มองเธอด้วยความประหลาด ชี้นิ้วไปที่เธอ อดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าในห้องอาหารอย่างดุเดือด
ทำไม!ทำไมเฉียวเหวยอีหลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน เพราะอะไรทุกครั้งเธอก็ต้องแพ้อยู่ในมือของเธอ?!
จริงๆวันนี้เธอวางแผนทั้งหมดไว้แล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้เธอก็ได้เตรียมไว้หมดแล้ว!
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านข้างคิดว่าผู้หญิงเลวทรามคนนี้น่ารำคาญสุดๆ ก็พูดขึ้นมาทันที“ท่านรีบกลับไปเถอะ อย่าเอะอะโวยวายที่นี่ มีผลกระทบกับแขกคนอื่นๆ!ท่านก็รู้ว่าพวกเราที่นี่คนที่มาพักอยู่ก็มีฐานะทั้งนั้น!”
เฉียวเหวยอีชั่วชีวิตนี้ เป็นครั้งแรกที่ถูกคนขับไล่ รอบข้างก็มีคนมากมายมอง รู้สึกว่าอับอายขายหน้ามากแล้ว!
“หลีกไป!ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!”เฉียวอีเหรินพูดตะโกน
เฉียวเหวยอีกับถังหยวนเป่าทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์แล้ว ได้ยินเสียงเฉียวอีเหรินยังตะโกนอยู่ด้านนอก ถังหยวนเป่าอดไม่ได้ที่จะควัก
โทรศัพท์ออกมา พูดด้วยความเกลียดชัง“งั้นฉันก็จะช่วยหล่อนโทรแจ้งตำรวจ ให้เธอได้รู้รสชาติของสังคมนิยมที่โหดเหี้ยม!”
ในเมื่อเฉียวอีเหรินเป็นฝ่ายเอ่ยขอร้องออกมา งั้นเธอก็จะช่วยให้สมใจ
……
หลังจากครึ่งชั่วโมง รถตำรวจลาดตระเวนที่อยู่ใกล้ๆก็รีบเข้ามา
เฉียวอีเหรินกับพนักงานรักษาความปลอดภัยก่อความวุ่นวายไม่อาจจะหยุดหรือปลีกตัวออกมาได้ ได้ยินเสียงรถตำรวจลาดตระเวนเข้ามา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม
เฉียวเหวยอียืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง จ้องมองรถของตำรวจลาดตระเวน พูดกับถังหยวนเป่า“เธอพูดว่าเฉินพัวโจวหน้าด้านแล้ว เขากับผู้หญิงคนนี้เปรียบเทียบกันแล้วถือว่าเป็นอะไร?”
“สองคนนี้คุณสมบัติไม่เหมือนกัน เฉียวอีเหรินไม่สงบเสงี่ยมเตรียมตัว”ถังหยวนเป่ากลอกตามองบน ในขณะที่พูดก็ยัดขนมเข้าปากคำโต
เคี้ยวสองสามคำ แก้มก็นูนขึ้นมาและพูดต่อไป“เฉินพัวโจวนั่นคือปากไม่มียางอาย ชอบพูดให้ตัวเองดูดี”
เฉียวเหวยอีคาดว่าอีกสักพักจะมีคนมาหาตัวเองให้ไปเขียนบันทึกประจำวันอะไร ก็เก็บของเรียบร้อย เตรียมจะลงไปแล้ว
ก็เป็นเวลานี้ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาทันที
เฉียวเหวยอีมองดู เป็นลี่เย่ถิงที่โทรวิดีโอเข้ามา
เธอครุ่นคิดสักครู่ ยื่นมือออกไปกดรับ
“เฉียวอีเหรินไปหาเธอเหรอ?”ลี่เย่ถิงนำโทรศัพท์วางไว้หน้าแก้ว ในขณะที่ในคอมพิวเตอร์กำลังพิมพ์อะไรอยู่ ก็พูดกับเฉียวเหวยอีเสียงต่ำ
เฉียวเหวยอีรู้ว่าเขายุ่ง ก็เงียบไม่พูดจา
ลี่เย่ถิงโทรศัพท์เข้ามา ถังหยวนเป่ารู้จักวางตัวก็ไม่พูดจา
ในห้องเงียบสงบลง ลี่เย่ถิงได้ยินเสียงรถของตำรวจดังจากชั้นล่าง
มือเขาหยุดเคลื่อนไหวทันที หันสายตามองไปทางเฉียวเหวยอี มองเห็นลำคอของเฉียวเหวยอีแดง
“ได้รับบาดเจ็บแล้ว?”เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ลำคอของเฉียวเหวยอีก็ไม่ได้ถูกความลวกมาก อุณหภูมิของกาแฟในขณะนั้นอาจสูงกว่าห้าสิบองศา แต่ไม่ถึงกับบาดเจ็บจากแผลโดนลวก
เธอไม่ได้พูดอะไร ลี่เย่ถิงสีหน้ามืดครึ้มลง
“เรื่องนี้ ฉันจัดการเอง เธอไม่ต้องสนใจแล้ว”เขาพูดประโยคนี้จบ ก็ตัดสายวิดีโอทันที