ลี่เย่ถิงใจร้อนไม่เป็นสุข ยื่นมือดึงเนกไท
เขาออกมา เฉียวเหวยอีก็เกิดเรื่องแล้ว
เฉียวเหวยอีไม่ชอบให้บอดี้การ์ดติดตามเธอตลอดเวลา เขาก็ให้บอดี้การ์ดอยู่ห่างๆ
ถ้าไม่ใช่เฉินพัวโจวตอนเที่ยงเอ่ยเตือนสติเขา พูดว่าเฉียวอีเหรินเหมือนจะมาพบเฉียวเหวยอี เขาก็ไม่มีทางรู้
สายตาของคนพวกนั้นจ้องมองบนตัวเธอตลอดเวลา พยายามใช้ช่องว่างที่จะจัดการเธอ
แต่ว่าตั้งแต่วันนี้ไป เขาจะทำให้พวกเขารู้ว่า พวกเขากล้าลงมือกับเฉียวเหวยอี จะพบกับจุดจบยังไง
เขาหาหมายเลขโทรศัพท์ของลู่เจ๋อ ต่อสายโทรศัพท์ นำมาแนบหู
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ในสายโทรศัพท์นั้นก็รับสาย
“ทำไมมีเวลาโทรมาหาฉัน?”ลู่เจ๋อยิ้มอยู่ในสายโทรศัพท์นั้น ถามเขา
ลี่เย่ถิงได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจอแจในสายโทรศัพท์เขา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของสาวๆ เดาว่าอาจจะกำลังจัดการงานพิเศษอะไรอยู่ ไตร่ตรองเล็กน้อย และพูด“พี่ มีเรื่องเร่งด่วนมากจะรบกวนคุณ มีเวลาคุยสองสามประโยคไหม?”
ลู่เจ๋อก็คือพี่ชายของลี่เย่ถิงที่มีข่าวลือว่าเป็นตำรวจที่มีอำนาจสั่งการสูงสุด
ลี่เย่ถิงน้อยมากที่จะรบกวนให้ลู่เจ๋อช่วยเหลือ เปรียบเทียบกับฟู่ฉือที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง ทั้งสองคนก็ติดต่อกันน้อยกว่ามาก
ลู่เจ๋อถือว่ามีอำนาจสั่งการสูงสุด ความรับผิดชอบบนบ่าหนักกว่าฟู่ฉือ ถึงแม้ว่าจะอยู่เมืองเจียงเฉิงเป็นประจำ แต่ปีหนึ่งก็กลับบ้านไม่กี่ครั้ง น้อยมากที่จะได้พบหน้ากับครอบครัว
ลู่เจ๋อเป็นครั้งแรกที่ได้ยินลี่เย่ถิงพูดออกมาว่า “เรื่องเร่งด่วนมาก”คำพูดพวกนี้ ตอนนี้เขาไม่สนใจไม่ได้แล้ว
ไตร่ตรองสักครู่ ก็ปล่อยผู้หญิงที่อยู่ข้างกาย ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง พูดตอบเสียงเบา“พูดเถอะ มีเรื่องอะไร?”
……
เฉียวเหวยอีมองเห็นด้านนอกมีรถมาอีกสองคัน
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งสวมชุดเสื้อคลุมสีดำ เวลาที่เดินออกมาจากรถ ตำรวจลาดตระเวนสองสามคนก็เดินเข้าไป ก็เรียกพร้อมกันว่า“หัวหน้าใหญ่!”
เธอเหมือนเคยเจอเขา
ในสมองยังไม่ได้ตอบสนองกลับมา ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ นิสัยระวังตัวที่โดดเด่นของลู่เจ๋อทำให้เขารู้ว่ามีคนอยู่ชั้นบนกำลังจ้องมองตัวเองอยู่
เงยหน้าขึ้นไป สบตากับเฉียวเหวยอีที่ดึงสายตากลับไม่ทัน
เฉียวเหวยอีเห็นใบหน้าลู่เจ๋อชัดเจน จึงนึกขึ้นมาได้ เป็นพี่ใหญ่ของลี่เย่ถิง
ฟู่หย่วนซานตาของลี่เย่ถิงมีลูกสาวสองคน พี่สาวคนโตแต่งงานกับสามีแซ่ลู่ ก็มีลู่เจ๋อเป็นลูกชาย ฟู่จยาเป็นลูกคนที่สอง การขนานนามคุณชายรองของลี่เย่ถิงก็มาจากจุดนี้
ลู่เจ๋อกับเฉียวเหวยอีสบตากันหลายวินาที น้องชายของตัวเอง ไม่มีเหตุผลมากแค่ไหน
แต่ในเมื่อเขาตกลงว่าจะช่วยแล้ว เป็นธรรมชาติที่จะไม่มีเหตุผลเปลี่ยนใจ
เวลาที่เฉียวเหวยอีลงมา หมอที่เข้ามากับลู่เจ๋อ เหลือบมองไปที่ลำคอของเฉียวเหวยอี และพูด“สามารถพูดได้ว่าได้รับบาดเจ็บจากแผลน้ำร้อนลวกในระดับหนึ่ง ผิวแดงบวมและแสบร้อน”
“อืม บันทึกไว้เถอะ”ลู่เจ๋อพยักหน้า
เฉียวเหวยอีตัวเองรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บาดแผลนี้ไม่ถือว่าเป็นอะไรมาก ก็บันทึกว่าเธอได้รับบาดเจ็บจากแผลน้ำร้อนลวกแล้ว
“เจ็บไหม?”ลู่เจ๋อหันสายตามองไปทางเฉียวเหวยอี สายตาไม่ได้คมกริบเหมือนเมื่อกี้นี้ พูดถามเธอเสียงต่ำ
“ไม่เจ็บ แสบร้อนนิดหน่อยเท่านั้นเอง”เฉียวเหวยอีส่ายหน้า
คนที่เขียนบันทึกก็หันไปมองหัวหน้าใหญ่ของตนเอง ลังเลเล็กน้อยว่าจะเขียนบันทึกว่าได้รับบาดเจ็บจากแผลน้ำร้อนลวกไหม
“หูหนวกเหรอ?”ลู่เจ๋อค่อยๆเดินขมวดคิ้วขึ้น
ก็รีบเขียนบันทึกว่าได้รับบาดเจ็บจากแผลน้ำร้อนลวกทันที
“ตรวจดูกล้องวงจรโรงแรมรึยัง?”ลู่เจ๋อถามลูกน้อง
“พยานปากทั้งหมดได้ถูกบันทึกไว้ กล้องวงจรปิดก็ก็อปปี้เรียบร้อยแล้ว”ลูกน้องรีบพยักหน้าพูดตอบ
“ได้แล้ว”ลู่เจ๋อลุกขึ้น พูดเสียงเบากับเฉียวเหวยอี“ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ เรื่องที่เหลือเย่ถิงจัดการเอง”
“งั้นเฉียวอีเหริน…”เฉียวเหวยอีนิ่งอึ้งไป