นานมาก ก็ตอบซุ่ยซุ่ย“เด็กดี คุณตาทวดมีเรื่องจะปรึกษากับพี่ หลานตัวเองกินข้าวอย่างเชื่อฟังไปก่อน”
ซุ่ยซุ่ยมุ่ยปากเล็ก หยิบถ้วยเล็กของตัวเองอย่างไม่เต็มใจ
เฉียวเหวยอียื่นมือออกไปคีบอาหารที่เขาชอบกินให้ วางลงในถ้วยเขา ในขณะที่ซุ่ยซุ่ยกินก็พูดบ่นพึมพำไปด้วย“พี่ไม่ใช่แขกนะ…”
เฉียวเหวยอียื่นมือลูบศีรษะเล็กของเขา ไม่พูดจา
ฟู่หย่วนซานเหลือบมองเฉียวเหวยอี วางตะเกียบในมือลง
ตระกูลฟู่มีกฎเกณฑ์ เวลาที่กินข้าวจะไม่ปรึกษาเรื่องราวธุระ ปรึกษาเรื่องราวธุระก็จะไม่กินข้าว
เฉียวเหวยอีเห็นสีหน้าผู้อาวุโสเข้มงวดเล็กน้อย ก็วางตะเกียบกับถ้วยลงทันที“คุณปู่ฟู่ มีเรื่องอะไรท่านก็พูดมาตามตรงได้เลย”
“เรื่องเมื่อวานในโรงแรมของกองถ่าย ลี่จือจิ้งมาหาฉันที่นี่แล้ว ยังไปหาซุ่ยซุ่ยที่โรงเรียน”ฟู่หย่วนซานไตร่ตรองเล็กน้อย พูดเสียงต่ำ
ซุ่ยซุ่ยพยักหน้า เคี้ยวข้าวอยู่ในบ้าน พูดไม่ชัดเจน“คุณปู่ทวดตอนเช้าให้เค้กซุ่ยซุ่ยกิน”
ความคิดของเด็กไม่ซับซ้อนเท่าผู้ใหญ่ คิดว่าลี่จือจิ้งคิดถึงเขาแล้วจึงไปหาเขา
เฉียวเหวยอีคิดว่าฟู่หย่วนซานต้องการถามเธอ เรื่องที่เธอกับลี่เย่ถิงจดทะเบียนสมรสกัน ในใจก็เตรียมตัวที่จะถูกด่าไว้ดีแล้ว
คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเรื่องของเฉียวอีเหริน
ลี่จือจิ้งรักและสงสารเฉียวอีเหรินขนาดนั้น ความทุกข์นิดเดียวก็ไม่มีทางให้เธอได้รับ
“ถ้าหากเธอยอมจะแก้ไขเรื่องนี้ง่ายๆ ลี่จือจิ้งรับประกันว่าจะไม่แย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูของซุ่ยซุ่ย เด็กก็จะปล่อยไว้ที่ตระกูลฟู่”ฟู่หย่วนซานเห็นเฉียวเหวยอีไม่พูดจา ก็พูดกับเธอต่อไป
“เธอก็รู้ ซุ่ยซุ่ยไม่ชอบใช้ชีวิตอยู่ที่ตระกูลลี่”
พูดไปพูดมา คือเพื่อซุ่ยซุ่ยคนเดียว
ฟู่หย่วนซานเป็นธรรมชาติที่ไม่กลัวการใช้อำนาจคุกคามของลี่จือจิ้ง ลี่จือจิ้งก็ไม่กล้าหาเรื่องกับเขามาก แต่ว่าฟู่หย่วนซานไม่อยากให้ซุ่ยซุ่ยเด็กคนนี้ได้รับความทรมานใดๆ ไม่อยากให้ซุ่ยซุ่ยถูกลี่จือจิ้งเกลี้ยกล่อมหลอกให้กลับตระกูลลี่
เฉียวเหวยอีเข้าใจความหมายของฟู่หย่วนซาน ก็คือให้ลี่เย่ถิงปล่อยเฉียวอีเหริน
“คุณปู่ฟู่……”เฉียวเหวยอีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ไม่รอให้เธอเปิดปากพูดอะไร ฟู่หย่วนซานก็พูดต่อไป“วันนี้ลี่จือจิ้งไปที่โรงเรียน เช็ดน้ำตาต่อหน้าซุ่ยซุ่ย พูดว่าคิดถึงเขามาก ให้เขากลับไปที่ตระกูลลี่ เธอคิดว่าซุ่ยซุ่ยเป็นเด็กคนหนึ่ง จะแยกแยะจริงเท็จได้ยังไง?และยิ่งเป็นผู้ใหญ่ มีบางครั้งก็ยังถูกเกลี้ยกล่อมแบบนี้ไม่ไหว”
ฟู่หย่วนซานแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ชอบลี่จือจิ้ง เข้ากันไม่ได้กับเขา ผ่านครั้งนี้ไป ก็ยิ่งดูถูกลี่จือจิ้ง
“ซุ่ยซุ่ยไม่กลับไป ซุ่ยซุ่ยอยู่ที่นี่รอพี่”ซุ่ยซุ่ยได้ยินพวกเขาผู้ใหญ่คุยกัน ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย ยื่นมือออกไปจับแขนของเฉียวเหวยอี ยิ้มตาหยีให้เธออย่างเชื่อฟัง
“เธอเห็นเขาเป็นเด็กดีแบบนี้ เธอใจแข็งได้ลงไหม?”ฟู่หย่วนซานพูดถามเฉียวเหวยอี
เฉียวเหวยอีก้มหน้าลง จ้องมองท่าทางน่ารักของซุ่ยซุ่ย
เป็นธรรมชาติที่เธอใจไม่แข็ง คนตระกูลฟู่รักและสงสารซุ่ยซุ่ยจริงๆ เธอดูออก
อยู่ในตระกูลลี่ มีเพียงแค่การโกหกและเย็นชา ยังใช้ประโยชน์
อะไรเป็นอะไร เธอในใจรู้ชัดเจนดี
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณปู่ฟู่”เฉียวเหวยอีคิดไตร่ตรองนานมาก ก็พูดตอบเสียงเบา“ฉันจะปรึกษากับลี่เย่ถิงให้ดี”
ฟู่หย่วนซานผ่อนคลายลงเงียบๆ
เฉียวเหวยอีหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง ป้อนข้าวซุ่ยซุ่ยต่อไป
เพื่อซุ่ยซุ่ย เธอสามารถสละชีพได้ สามารถรับความเจ็บปวดได้
ฟู่หย่วนซานกินข้าวสองสามคำ ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็พูดกับเฉียวเหวยอี“ทำไมยังเรียกฉันว่าคุณปู่ฟู่?”