“และ ครอบครัวพวกเราจะพูดเรื่องนี้ทำไม?ครอบครัวพวกเราแค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว ฉันไม่สนใจตำแหน่งอะไรทั้งนั้น ตอนนี้แบบนี้ก็ดีมากแล้วไม่ใช่เหรอ?”อันถงครุ่นคิด ก็พูดปลอบโยนต่อไป
ลี่เหิงจ้องมองอันถง รู้สึกซาบซึ้งใจ หางตามองเห็นเฉียวเหวยอียืนสะพายกระเป๋านักเรียนอยู่ที่บันได
“เหวยอี ไปโรงเรียน?”ลี่เหิงปล่อยอันถง ยิ้มและถามเธอ
เฉียวเหวยอีเห็นอันถงกับลี่เหิงมีความรักที่ดีต่อกัน ในใจก็รู้สึกมีความสุข เพียงแค่ยิ้มตาหยีและพยักหน้าไปทางลี่เหิง“ค่ะ วันนี้ตอนเช้าต้องเข้าเวร ดังนั้นจึงต้องไปก่อนเวลา”
เมื่อคืนพวกเขาก็ไปโรงเรียนรับเธอกลับมา เพื่อพรุ่งนี้วันเสาร์ วันเกิดอายุครบสิบแปดปีของเธอ จะจัดการยังไง เธอหวังจะให้ใครเข้าร่วม
เฉียวเหวยอีทำให้ทั้งสองคนลำบากใจ เดินมาถึงตรงหน้าพวกเขา“ความจริงเพียงแค่ครอบครัวพวกเรา มีพี่อยู่ กินข้าวด้วยกันสักมื้อ ไม่ต้องลำบากมาก”
ชีวิตเธอมีคนสำคัญที่สุดสองสามคนนี้ สามารถกินข้าวด้วยกันกับเธอสักมื้อก็ดีแล้ว
ใกล้จะครึ่งเดือนแล้วที่เธอไม่ได้พบกับลี่เย่ถิง เขาน่าจะยุ่งมาก ดังนั้นความหวังเดียวของเธอก็คือ พรุ่งนี้ลี่เย่ถิงสามารถอยู่ เขาอยู่ก็พอแล้ว
เธอยื่นมือหยิบขนมปังที่อยู่บนโต๊ะ ไม่ได้รบกวนอันถงกับลี่เหิงทั้งสองคนอีก
เวลาที่หมุนตัวเดินออกไป เธอได้ยินลี่เหิงพูดอยู่ด้านหลังเสียงเบา“เหวยอีเป็นเด็กดีมาก มีบางครั้งที่รู้จักคิดมากเกินไป รู้จักคิดจนทำให้คนรักและสงสาร”
เฉียวเหวยอีเดินผ่านสวนดอกไม้ไปทางประตู พอดีที่เห็นลี่เย่ถิงยืนอยู่ที่ทางเข้าประตู ในชุดสูทและรองเท้าหนัง พูดคุยธุระกับใครบางคนเสร็จแล้วก็หมุนตัวเข้ามา
เธออึ้งไปชั่วขณะ หยุดอยู่ที่เดิม
เมื่อคืนลี่เย่ถิงไม่ได้กลับบ้าน เฉียวเหวยอีคิดว่าตระกูลลี่รับเธอกลับมาบ้านก็เพื่อจะพูดเรื่องของขวัญที่เธอบรรลุนิติภาวะ ลี่เย่ถิงควรจะอยู่ ใครจะไปรู้ว่าเขาไม่กลับมา
เมื่อคืนเธอต้องพึ่งทำโจทย์คณิตเพื่อให้มีชีวิตชีวา ทำจนถึงเช้ามืด เขาก็ไม่กลับมา เธออดหลับอดนอนไม่ไหวจึงนอนหลับไป
ทั้งสองคนสบตากัน เฉียวเหวยอีกเม้มริมฝีปาก ระงับความรู้สึกที่อยู่ในใจ เรียกเขาอย่างเชื่อฟัง
ลี่เย่ถิงยุ่งจนถึงวันนี้ตอนเช้า เมื่อมองดูเวลาจึงคิดขึ้นได้ วันเกิดของเฉียวเหวยอีจะถึงแล้ว ลี่เหิงให้เขากลับมาปรึกษาด้วยกัน เขาลืมแล้ว
รีบกลับมา ในที่สุดก็กลับมาทันเวลา
“ไปโรงเรียน?”เขามองเธอ พูดเสียงต่ำ
“วันนี้ตอนเช้าต้องทำเวร”เฉียวเหวยอีพยักหน้า
ลี่เย่ถิงไม่พูดจา หยิบกระเป๋านักเรียนบนไหล่ของเธอ หมุนตัวเดินออกไป
เฉียวเหวยอีแทบจะต้องวิ่งจึงจะดินตามเขาทัน เดินตามหลังเขาอย่างเชื่อฟัง ขึ้นรถของเขา
ลี่เย่ถิงคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้ว เห็นเฉียวเหวยอีเปิดประตูที่นั่งด้านหลัง ก็พูดกับเธอเสียงเรียบเฉย“ตั้งแต่วันนี้ไป เธอนั่งที่นั่งด้านข้างคนขับ”
“หา?”เฉียวเหวยอีอึ้งไปชั่วขณะ ครึ่งตัวชะงักอยู่ในรถตรงนั้น
“มานั่งด้านหน้า”ลี่เย่ถิงเหลือบมองเธอผ่านกระจกมองหลัง อดทนพูดใหม่อีกครั้ง
เฉียวเหวยอีดึงเท้าตัวเองกลับมาอย่างเชื่อฟัง เข้ามานั่งที่นั่งด้านข้างคนขับแล้ว
เธอคุ้นเคยกับการนั่งที่นั่งด้านหลัง ปกติก็ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย หันหน้าหาเข็มขัดนิรภัยนานมากก็หาไม่เจอ เงยหน้าขึ้น ลี่เย่ถิงสายตามีความจำใจ มองเธอ
“กลับด้าน”เขาพูดกับเธอเสียงต่ำ
เฉียวเหวยอีสมองยังไม่ตอบสนองกลับมา เขาโน้มตัวลงมา แขนยาวผ่านเธอไป ดึงเข็มขัดนิรภัยของที่นั่งด้านข้างคนขับ
เฉียวเหวยอีถูกเขาปิดล้อมอยู่ในอ้อมอก จึงตอบสนองกลับมา ที่เขาพูดคือเธอหาเข็มขัดนิรภัยผิดด้านแล้ว
ลี่เย่ถิงค่อยๆก้มหน้าลง ช่วยเธอคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยตัวเอง
วินาทีที่ดึงมือกลับมา พบว่าเฉียวเหวยอีเม้มริมฝีปาก มองระยะห่างของเขาที่เข้ามาใกล้ พวงแก้มก็แดง
กลิ่นหอมหวานของเธอ โอบล้อมลมหายใจเขา ง่ายแค่พลิกฝ่ามือ