“พาเธอกลับไปที่สถานีตำรวจสอบปากคำ”ลู่เจ๋อจึงนึกถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ พูดกับเธอเสียงต่ำ
อึ้งไปชั่วขณะ ก็พูดอีก“ถ้าหากเธอไม่สะดวก ก็สามารถช่วยเธอสอบปากคำที่นี่ได้”
เฉียวเหวยอีรู้ว่าเขาสอบปากคำเสร็จยังต้องกลับไปทำขั้นตอน ค่อนข้างจะยุ่งยาก เวลาของลู่เจ๋อเป็นเงินเป็นทอง
ไตร่ตรองเล็กน้อย พูดตอบ“ไม่เป็นไร ฉันจะไปกับคุณ”
“ต้องการให้ฉันไปส่งเธอไหม?”ถังหยวนเป่าคิดไปคิดมา ก็ถามเฉียวเหวยอี
“ฉันขับรถเข้ามา”ลู่เจ๋อพูดตอบทันที
ถังหยวนเป่าความจริงคิดว่า เฉียวเหวยอีสอบปากคำเสร็จแล้วยังกลับมา เธอไปด้วยจะดีกว่า
แต่ว่าได้ยินความหมายของลู่เจ๋อ คือสอบปากคำเสร็จแล้วก็จะส่งเฉียวเหวยอีกลับมา?
เธอไม่ได้พูดอะไรมาก มองดูเฉียวเหวยอีเก็บของ ไปกับลู่เจ๋อ
ถังหยวนเป่าเคยเห็นผู้ชายที่โดดเด่นสนิทสนมกับเฉียวเหวยอี ก็จำนวนไม่น้อย ส่วนมากสามารถจะปกป้องเฉียวเหวยอีได้ แต่เฉียวเหวยอีก็ยังจะเลือกคนนิสัยดุร้าย ลี่เย่ถิงคนที่มักจะทำร้ายเธอ ช่างเข้าใจยากจริงๆ
บางที่ความรักก็เป็นแบบนี้เถอะ ชอบโดยไม่มีเหตุผล
เฉียวเหวยอีขึ้นรถ นั่งที่นั่งด้านหลังรถ มองไปทางลู่เจ๋อหลายครั้ง เวลาที่เขาเพิ่งจะชนประตู อาจจะบาดเจ็บเล็กน้อย เธอเห็นเขาบิดไหล่เบาๆสองครั้ง
“พี่ลู่ ไม่งั้นคุณไปให้หมอดูไหล่หน่อยไหม?”เฉียวเหวยอีลังเลเล็กน้อย พูดถามเสียงต่ำ
“ไม่เป็นไร สำหรับฉันนี้ถือว่าไม่บาดเจ็บ”ลู่เจ๋อตอบอย่างไม่สนใจ
บาดแผลจากกระสุนปืนก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา การชนกันเป็นเรื่องปกติมาก
การควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของลู่เจ๋อ เฉียวเหวยอีกก็เคยเห็น
เธอกับลู่เจ๋อไม่ได้คุ้นเคยกันมาก ก็ไม่มีคำถามอื่นพูดคุยแล้ว จึงปิดปากเงียบ
ภายในรถตกอยู่ในความเงียบ
ลู่เจ๋อมองเฉียวเหวยอีผ่านกระจกมองหลังรถ บนใบหน้าเล็กที่ละเอียดอ่อนงดงามมีอารมณ์เรียบเฉย มองไม่ออกเลยว่าเรื่องสองสามวันที่ผ่านมาจะมีผลกระทบอะไรกับเธอ
ลู่เจ๋อเดิมทีอยากจะพูดแนะนำ คิดไปคิดมาก็ช่างมันเถอะ
จากจุดยืนของเขา ยิ่งพูดแนะนำ เฉียวเหวยอีก็จะยิ่งโกรธลี่เย่ถิง ถึงยังไงเขาก็เป็นพี่ชายลี่เย่ถิง
ถึงเขาพูดว่าเขาจะยืนอยู่จุดยืนของเฉียวเหวยอี เกรงว่าเธอก็คงจะไม่เชื่อ
เฉียวเหวยอีเห็นบุหรี่สองซองของลู่เจ๋อนั่งวางอยู่ที่นั่งด้านข้างคนขับ ซองหนึ่งยังเหลือสามมวน อีกซองหนึ่งยังเหลือครึ่งซอง บนเกียร์ยังมีเขม่าควัน ถึงแม้ในรถจะเปิดหน้าต่าง ก็ยังมีกลิ่นบุหรี่จางๆอยู่ ในใจคิดว่า อาการอยากสูบบุหรี่ของลู่เจ๋อดูเหมือนว่าจะหนักกว่าเมื่อก่อนแล้ว
เมื่อก่อนเธอกับลู่เจ๋อพบกันไม่เยอะ แต่ในภาพแห่งความทรงจำ ก็จะมีบางครั้งที่พบลู่เจ๋อสูบบุหรี่ เขาทำงานนี้มีความกดดันมากจริงๆ เวลานอนหลับก็น้อย
ลู่เจ๋อหยุดรอสัญญาณไฟจราจร มองเห็นเฉียวเหวยอีจ้องมองบุหรี่ของตัวเองผ่านกระจกมองหลังรถ รีบเก็บบุหรี่ไว้ในลิ้นชักด้านข้างทันที
เฉียวเหวยอีก็มองไปทางเขา พูดขอโทษ“พี่ลู่ ครั้งต่อไปถ้าสถานีตำรวจจะสอบปากคำ คุณโทรศัพท์เข้ามาก็ได้แล้ว ฉันสามารถไปเองได้”
เขายุ่งมากแบบนี้ ยังมารับเธอ เธอก็คือเพิ่มความลำบากให้เขา
“ไม่เป็นไร”ลู่เจ๋อยิ้มให้เฉียวเหวยอี และพูด“พอดีฉันผ่านทางโรงแรมของพวกเธอ นึกขึ้นได้ว่าสองวันนี้จำเป็นต้องสอบปากคำเธอ ถือโอกาสเข้ามา”
พูดจบ คิดว่าสองคนนั่งอยู่บนรถไม่พูดจาก็อึดอัดเล็กน้อย และกลัวเฉียวเหวยอีคิดมาก จึงหาเรื่องพูดคุย“พูดมาถึงตรงนี้ เธอดูหน่อยว่าสองวันก่อนฉันสอบปากคำเฉียวอีเหรินที่โรงพยาบาล กับเธอตอนนั้นมีตรงไหนที่คลาดเคลื่อนไหม”
“พวกเธอล้วนเป็นพยานที่เห็นกับตา คำสารภาพจำเป็นต้องถูกต้อง”
เขาพูดพลาง หยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋า โยนไปด้านข้างมือเฉียวเหวยอี
เฉียวเหวยอีได้ยินชื่อของเฉียวอีเหริน สีหน้าก็มืดครึ้มเล็กน้อย