ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่ – บทที่349 ถูกตีจนหน้าบวม

บทที่349 ถูกตีจนหน้าบวม

ศีรษะของนางกดไปที่ใบหน้าของเขา และกลิ่นของเส้นผมก็เล็ดลอดเข้ามาในจมูกของเขา เขานั่งตัวตรงโดยเหยียดกระดูกสันหลังให้ตรง แล้วเอามือโอบไหล่ของนางกอดเข้ามาเล็กน้อย “แบบนี้ สบายกว่าหรือไม่”

“เพคะ!” หยวนชิงหลิงพูด อีกมือหนึ่งจับเสื้อผ้าของเขาไว้ข้างหลัง ขยับไปมาเล็กน้อย และในที่สุด ก็กอดเอวของเขา คนทั้งตัวก็ซบอยู่ในอ้อมแขนของเขา

อวี่เหวินฮ่าวหายใจเร็วขึ้นในทันใด เลือดพุ่งขึ้นหัว หัวร้อนระอุ เขาก้มลงจนพบริมฝีปากของนาง ราวกับไฟที่จุดพลุ ทำให้เกิดไฟอย่างรวดเร็ว ความร้อนระอุปะทุออกมา ก็มิอาจควบคุมได้ จูบนี้ ทั้งสองรู้สึกร้อนไปทั่ว ร่างของพวกเขา ใบหน้าแดงก่ำ และลมหายใจหอบเร็ว

หยวนชิงหลิงรู้สึกเหมือนนางกำลังจะหายใจไม่ออก หัวใจของนางเต้นเร็ว ประกายไฟสาดกระเซ็นส่องไปทั่ว ระเบิดในเลือดของนาง ราวกับดอกไม้ไฟปะทุอย่างต่อเนื่อง นางเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะเกาะคอของเขา ร่างกายแน่นชิด ริมฝีปากถูกจูบนั้นเจ็บปวดและร้อนแรง แต่นางปฏิเสธไม่ได้ว่านางชอบความชิดใกล้ในระดับนี้

เขากอดนางแน่น และค่อยๆ ขยับมือไปที่หน้าอกของนาง ริมฝีปากของเขาจากที่แก้มกวาดข้ามหูไป เปลวไฟผ่านไป กัดใบหูของนาง และสูดหายใจลึกๆ ก่อนพึมพำ “หยวนชิงหลิง?”

ใบหน้าของหยวนชิงหลิง ซบอยู่ในอก มือของนางจับเสื้อผ้าที่หน้าอกของเขา หอบเบาๆ “อืม”

“หยวนชิงหลิง!”

“อืม!”

รอยจูบถูกกดลงอีกครั้ง และในรถม้าก็ร้อนระอุ

ถ้าหากไม่ใช่ว่ารถม้าได้จอดลงที่ประตูจวนแล้ว ข้าเกรงว่าอวี่เหวินฮ่าวคงจะควบคุมตัวเองไม่ได้

ซวีอีเปิดม่านและเห็นว่าใบหน้าของทั้งคู่แดงก่ำ เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ “มันร้อนเยี่ยงนี้เลยหรือขอรับ พระชายาคอเสื้อท่านก็เปิดออกแล้ว”

อวี่เหวินฮ่าวโกรธ “ให้ตายเถอะเจ้าซวีอี หันหน้าหนีไปซะ!”

ซวีอีได้สติ หันหลังอย่างกะทันหัน หัวใจเต้นรัว คอของพระชายาช่างขาวโพลนนัก!

อวี่เหวินฮ่าวรีบช่วยหยวนชิงหลิงจัดเสื้อผ้าและจัดผมของนาง ทุกอย่างดูสง่างาม ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แล้วจึงพูดด้วยเสียงดุใส่ซวีอี “ไร้สาระไปวันๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย คืนนี้เจ้าคงไปคัดคำว่า “ความถูกต้อง ความยุติธรรม ศีลธรรมและเกียรติยศ” หนึ่งพันรอบ

ซวีอีรู้สึกผิดมาก เขาไม่ได้หมายความอย่างนั้น ใครจะไปรู้ว่าภายในรถม้าร้อนจนพระชายาปลดคอเสื้อออก? ยิ่งกว่านั้น ไม่เพียงแต่เขาเห็นมันคนเดียว ท่านอ๋องก็เห็นมันด้วย? ทำไมท่าอ๋องมิต้องคัดลอก? ทั้งหมดเป็นเพราะพระชายา

หยวนชิงหลิงได้รับดวงตาเศร้าจากซวีอี พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าสมควรแล้ว!”

ตัวเป่ากระดิกหางและรีบออกมาต้อนรับหยวนชิงหลิง ไม่เห็นเป็นเวลาหนึ่งวันราวกับว่าจากกันสามฤดู เขาศีรษะถูไปที่ต้นขาขิงหยวนชิงหลิงอย่างจริงจัง และอวี่เหวินฮ่าวแทบรอไม่ไหวที่จะเตะมันทิ้ง แต่เขากลัวสุนัข และไม่สามารถยั่วยุเขาได้

ซวีอีก็เข้าไปในจวนอย่างเศร้าโศก ไปที่ห้องบัญชีเพื่อรับสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ

เจ้าหน้าที่บัญชีเป็นลูกพี่ลูกน้องเขา ได้ยินว่าเขาต้องการกระดาษซวนจื่อหนึ่งพันแผ่น ก็ตาโต “มากเช่นนี้ ต้องไปไปเอามันที่ห้องเก็บของ ไปเอากุญแจห้องเก็บของกับใต้เท้าทังหยางแล้วไปเอาเองเถอะ”

ซวีอีจำต้องไปหาทังหยาง

ทังหยางเพิ่งตรวจบัญชีและได้ยินว่าเขากำลังจะเบิกกระดาษซวนจื่อหนึ่งพันแผ่นก็ถามว่า “เจ้าต้องการเอากระดาษมากเยี่ยงนี้เพื่อเหตุอันใด”

ซวีอีพูดด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ใต้เท้าทังหยาง ครั้งนี้เจ้าต้องช่วยข้าด้วย”

“มีอะไรงั้นหรือ?” ทังหยางถามด้วยความแปลกใจ ยังไม่เคยเห็นซวีอีที่อยากจะร้องไห้

“ท่านอ๋องลงโทษให้ข้าคัดคำ ความถูกต้อง ความยุติธรรม ศีลธรรมและเกียรติยศพันครั้ง ข้าเขียนความถูกต้องกับความยุติธรรมเป็น ศีลธรรมกับเกียรติยศเขียนยังไงหรือ?”

ทังหยางเลิกคิ้ว “แปลกนัก ศีลธรรมและเกียรติยศ แน่นอนว่าเจ้าเขียนไม่เป็นอยู่แล้ว ก็เจ้าไม่มีศีลธรรมและเกียรติยศ ทำไมเจ้าเขียนความถูกต้องและความยุติธรรมเป็นได้นะ? เจ้ามีความถูกต้องกับความยุติธรรมหรือ”

ซวีอีกระทืบเท้า “เจ้ายังมาล้อข้าอยู่อีกหรือ ข้าเศร้ามากเยี่ยงนี้แล้ว ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า อย่าหวังว่าข้าจะช่วยเหลือเจ้าอีกในอนาคต”

ทังหยางยิ้ม “เจ้าเคยช่วยข้าเมื่อไหร่กัน”

“ในอยาคตต้องมีเวลาที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า” ซวีอีพูดอย่างจริงจัง

ทังหยางยิ้ม หยิบกุญแจแล้วออกไปกับเขา “ไป ไปที่ห้องเก็บของเอากระดาษ แต่เจ้าต้องบอกข้าก่อนว่า ทำไมถึงถูกท่านอ๋องลงโทษได้”

ซวีอีพูดอย่างขุ่นเคืองขณะที่เดินอยู่ “ข้าขับรถม้ากลับมา พอมาถึงจวน จึงเปิดม่านแล้วเชิญท่านอ๋องและพระชายาออกจากรถม้า ใครจะรู้ว่าข้างในร้อนอบอ้าว จนท่านอ๋องและพระชายาเหงื่อท่วม และคอเสื้อของพระชายาก็เปิดอยู่ ข้าเหลือบไปเห็น ท่านอ๋องจึงดุข้า”

ทังหยางสะดุ้ง หยุดเดิน “เป็นความจริงหรือ?”

ซวีอีคิดว่าเขาไม่เชื่อตน จึงเน้นน้ำเสียงของเขา “แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง ความจริงข้าไม่เห็นอะไรเลย แต่ท่านอ๋องก็เริ่มโกรธ พักนี้ท่านอ๋องกลายเป็นคนแปลกมาก เจ้ารู้หรือไม่ วันนี้ได้ยินทหารพูดถึงคดีหนึ่ง เรื่องที่น่าสังเวชยิ่งนัก เกือบจะเป็นการฆ่าล้างตระกูล ท่านอ๋องถึงกับหัวเราะ เจ้าว่ามันมากเกินไปหรือไม่”

“จริงหรือ?” ทังหยางครุ่นคิด

“ใช่ ไม่ใช่แค่พระชายาที่เปลี่ยนไป แต่ตอนนี้แม้แต่ท่านอ๋องก็เปลี่ยนไปแล้ว” ซวีอีถอนหายใจ “แต่พระชายาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนท่านอ๋องเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง”

ทังหยางเอื้อมมือไปจิ้มหน้าผากของเขา “ส่วนเจ้าเปลี่ยนเป็นคนโง่เขลาแล้ว”

ซวีอีจ้องเขา “พูดเช่นนี้ไม่ได้ เมื่อก่อนข้าก็โง่เขลา”

“รู้ตัวก็ดี!” ทังหยางยิ้มอย่างจริงใจ “ไปกันเถอะ ความถูกต้อง ความยุติธรรม ศีลธรรมและเกียรติยศ”

ทังหยางอารมณ์ดี ซวีอีก็สับสน แต่เขาไม่สับสน เกิดอะไรขึ้นในรถม้า เขารู้ดี มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดี ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้พระชายาเป็นคนที่ไท่ซั่งหวงและฝ่าบาททรงโปรด และกระทั้ง ลักษณะนิสัยของพระชายา ก็คู่ควรที่จะเป็นนายหญิงของจวนฉู่อ๋อง

อวี่เหวินฮ่าวและหยวนชิงหลิงก็เข้ามาในจวนด้วย หยวนชิงหลิงทานอาหารเย็นที่จวนหวายอ๋องแล้ว แต่อวี่เหวินฮ่าวยังไม่ได้ทานอาหารเย็น

อวี่เหวินฮ่าวส่งหยวนชิงหลิงกลับไปที่หอเฟิ่งเฟิ่งอี๋ และมีคนรับใช้เชิญเขากลับไปที่หอเซียวเยว่เพื่อทานอาหารเย็น

อวี่เหวินฮ่าวเหลือบมองหยวนชิงหลิง “เจ้าทานแล้วหรือ”

“ทานแล้วเพคะ”

อวี่เหวินฮ่าวพูดว่า “ยังอยากทานอีกหรือไม่”

หยวนชิงหลิงอิ่มแล้ว แต่ทว่า เมื่อครู่ได้ยินคนรับใช้บอกว่ากลับไปทานอาหารที่หอเซียวเยว่ ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยไปหอเซียวเยว่ และซีมามาบอกว่าเขาไม่มีห้องข้าง(สาวปรนนิบัติ) ซึ่งยากที่จะเชื่อว่า คนที่นี่ชอบเยี่ยงนี้

“ตกลง ข้ายังทานไม่อิ่มที่จวนหวายอ๋อง” หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

อวี่เหวินฮ่าวเอื้อมมือไปหานาง หยวนชิงหลิงยิ้มและมองฉีมามาและลู่หย่า พูดกระซิบว่า “มีคนมากเช่นนี้ไม่ดีมั้งเพคะ?”

วันนี้เขาเปลี่ยนไปมาก เขาริเริ่มที่จะเข้าใกล้นาง และก็ไม่กลัวคนเห็น

อวี่เหวินฮ่าวจับมือของนางด้วยมือข้างหนึ่ง “คนมากมายจะเป็นไรไป มีคนเยอะก็ไม่สามารถจับมือได้หรือ?”

หยวนชิงหลิงหน้าแดงและติดตามเขาอย่างเชื่อฟัง

นัยน์ตาของแม่และลู่หย่าแทบกระเด็นออกมา วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกหรือเปล่า? ท่านอ๋องกับพระชายารักกันดีเยี่ยงนี้?

เมื่อมาที่หอเซียวเยว่ มีสาวใช้มากถึงสามหรือสี่คนในหอเซียวเยว่ พวกนางทั้งหมดสวมเสื้อผ้าสีฟ้า ดูเหมือนว่าพวกนางจะอายุระหว่างสิบห้าถึงสิบเก้าปี รูปงามมีสง่า พวกนางมีคุณสมบัติของสาวใช้จากตระกูลใหญ่ ต่างให้ความเคารพหยวนชิงหลิงเป็นอย่างมาก ปรนนิบัติทานข้าว ก็ละเอียดอ่อนมาก

หยวนชิงหลิงสังเกตท่าทีของพวกนางที่มีต่ออวี่เหวินฮ่าว ไม่มีความสนิทสนมหรือความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน มีเพียงความเกรงกลัวของเจ้านายและบ่าวเท่านั้น

นางแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ว่าจะเป็นห้องข้างหรือนางสนม นางไม่สามารถแบ่งปันผู้ชายกับผู้หญิงคนอื่นได้จริงๆ และไม่ต้องการด้วย

เมื่ออวี่เหวินฮ่าวเห็นนางเข้าประตูมา นางก็จ้องไปที่สาวใช้ในห้อง สายตาของนางก็เปลี่ยนไปมา และในที่สุดก็ได้ยินนางถอนหายใจด้วยความโล่งใจเล็กน้อย อวี่เหวินฮ่าวอดหัวเราะไม่ได้

หยวนชิงหลิงหันไปมองเขาอย่างตะลึงงัน “เจ้าหัวเราะอะไร”

อวี่เหวินฮ่าวมองดูใบหน้าที่สะอาดและสวยงามของนาง มีแผลเป็นสีชมพูเล็กๆที่หน้าผาก ดวงตาใส ขนตายกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มเล็กน้อย มีรอยยิ้มโดยไม่ได้ตั้งใจที่มุมริมฝีปากของนาง เหมือนดอกเฉียงเวยที่บานสะพรั่ง ทันทีที่เขามองนางหัวใจของเขาสั่นไหว แทบอยากจะโยนคนลงบนเตียงโดยตรง

หยวนชิงหลิงหลีกเลี่ยงสายตาที่หิวกรหายของเขา ก้มหัวลงกินผัก ยังคงคิดเกี่ยวกับคำถามนั้น ทำไมจู่ๆเขาถึงทำกับนางแบบนี้

สักพักนางก็วางตะเกียบลง เงยหัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วมองดูเขาอย่างระแวดระวัง “เจ้าพูดมาตามตรง ก็เพราะว่าข้ามีไม้ค้ำจักรพรรดิ์(อำนาจของฝ่าบาท) เจ้าคิดว่า เจ้าดีกับข้าแล้วข้าไม่จะไม่ใช้ไม้ค้ำจักรพรรดิ์จัดการกับเจ้าหรือ?”

ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่

ภรรยาหน้าหวานของพี่ใหญ่

Status: Ongoing

ว่ากันว่าจิ้งจอกตัวน้อยที่ถูกขับไล่ออกจากต่างประเทศเป็นเวลาหลายปีได้กลับมาแล้ว ในยามค่ำคืน ลี่เยถิงบีบเอวของเธอ ดวงตาเศร้าหมอง: “ฉันอนุญาตตั้งแต่เมื่อไหร่” เฉียวเหวยอียิ้มอย่างเย็นชา: “คุณลี่ คำพูดคนเป็นสิ่งที่น่ากลัว ในเมื่อเราตกลงกันแล้ว โปรดรักษาคำพูดด้วย” ในวันรุ่งขึ้น โรงไฟฟ้าในปักกิ่งได้รับคำเตือนใบแดงทันทีจากตระกูลหลี่ : “นายหญิงของเราอารมณ์ไม่ดี และไม่สามารถทนฟังคำนินทาได้” 😕 ? ? เธอได้รับใบรับรองตั้งแต่เมื่อไหร่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท