จากนั้น ก็เห็นเพียงแม่หนิงและหนิงเชี่ยนวางตะเกียบในมือลงและรีบวิ่งตรงไปที่ห้องหนังสือ
เย่หลินเองก็รู้สึกเป็นกังวล เธอจึงกำชับหนิงเสี่ยวซีและเย่เสี่ยวโม่ให้นั่งบนเก้าอี้อย่าขยับไปไหน ส่วนเธอก็วิ่งตามขึ้นไปชั้นบน
เธอยังไม่ทันได้ได้ตั้งตัว จู่ๆพ่อหนิงก็พุ่งตัวออกมาจากห้องหนังสืออย่างกะทันหัน อีกทั้งยังชนเย่หลินจนล้มลงพื้น
แต่เขากลับไม่มีทีท่าจะหยุดเลย เขารีบก้าวเดินออกไปทางนอกประตูบ้าน
หนิงเชี่ยนพยุงเย่หลินให้ลุกขึ้น ” พี่สะใภ้ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? ”
เย่หลินที่ยังคงตกอยู่ในอาการตกใจรีบส่ายหน้า ” ฉันไม่เป็นไร พ่อจะไปไหนกันเนี่ย? ”
แม่หนิงเดินเข้าไปลูบแขนเย่หลิน ” ลูก อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกเส่าเฉินนะ ”
” ทำไมล่ะคะ? ”
แม่หนิงได้แต่ยิ้ม ” เอาเถอะ อย่าไปสนใจคุณพ่อเลย เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า ”
อาหารมื้อนี้ทำให้เย่หลินรู้สึกหดหู่มาก สัญชาตญาณของเธอมันบอกว่าถ้านับจากระยะเวลาของนิสัยที่เปลี่ยนไปของพ่อหนิงนั้นมันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอแน่ๆ งั้นก็แสดงว่าคำพูดของเศรษฐีเกาในวันนั้นเป็นความจริง พ่อหนิงดันไปรู้เรื่องบางอย่างเข้าจริงๆ แต่ว่า เขาเป็นพ่อของหนิงเส่าเฉิน เธอจะสามารถทำอะไรได้?
จะเค้นถามเขาก็ไม่เหมาะสมสินะ
ภายในประเทศ
ในขณะที่เล่อจยายืนอยู่ใต้ตึกเกากรุ๊ป เธอรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นดั่งความฝัน ช่วงเช้าเธอรู้สึกเหมือนตัวเองตกนรก พอตอนนี้ กลับรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์
ดังนั้น เธอจึงยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา เธอทักทายทุกคนอย่างยิ้มแย้ม
แต่ในตอนท้าย รอยยิ้มของเธอก็ค่อยๆจางหายไป
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนมองเธอราวกับเป็นตัวตลก
” เล่อจยา? ”
” ใช่ค่ะผู้จัดการ ตอนเช้า น้องสาวฉัน……น้องสาวฉันเป็นคนโทร……โทรหาพวกคุณ เธอยังไม่รู้ประสีประสาเท่าไหร่ ขอโทษด้วยนะคะ ” เธอจำใจโกหกด้วยความรู้สึกผิด ก่อนที่จะมาซูหย่าให้เธอคิดคำแก้ตัวไว้ ทั้งๆที่ตลอดทางเธอลองพูดในใจอยู่หลายรอบ แต่พอพูดขึ้นจริงๆเธอก็ยังพูดตะกุกตะกัก
เธอช่างไม่เหมาะกับการพูดโกหกเลยจริงๆ
ผู้จัดการเป็นผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบปี เธอมองเล่อจยา ” เธอเคยทำงานด้านการออกแบบที่เจิ้งไท่มาก่อนงั้นหรอ? ”
เล่อจยาพยักหน้า ” ใช่ค่ะ……” แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่นี่คือเรื่องจริง
” สามารถเข้าทำงานที่เจิ้งไท่ได้ แสดงว่าเธอก็เป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง นั่นเป็นที่นั่งของเธอไปนั่งก่อนสิ ”
เล่อจยามองตามนิ้วที่เธอชี้ไปตรงที่นั่งบริเวณหัวมุมของห้อง เธอรู้สึกดีใจมาก ” ค่ะ ขอบคุณค่ะผู้จัดการ ”
ในที่สุดเธอก็สามารถเข้าทำงานที่เกากรุ๊ปได้สำเร็จ เกาไห่ แม้ว่าระหว่างเราจะมีช่องว่างที่กว้างใหญ่และยาวไกลเหมือนมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ฉันก็อยากพยายามอย่างสุดความสามารถที่ฉันจะทำได้
เล่อจยาที่รอคุณมานานเจ็ดปี เธอกลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้งแล้ว
” ท่านประธานเกา คนเมื่อเช้าคนนั้น……”
” ติ๊ง……” เสี่ยงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะคำพูดของเสี่ยวตง เกาไห่รับสาย ” ฮัลโหล เส่าเฉิน……อะไรนะ ได้ภาพถ่ายมาแล้วงั้นหรอ? ได้……ได้ งั้นลงมือทำตามแผนได้เลย ได้ ระวังตัวด้วยนะ ”
หลังจากวางสาย เกาไห่โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด เขายักคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับมองไปที่เสี่ยวตง ” เมื่อกี้นายว่าไงนะ ”
เสี่ยวตงรีบตอบว่า ” ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ เพียงแต่ว่านักออกแบบคนนั้นที่เธอบอกว่าจะอยู่บ้านดูแลลูก เธอ……”
” ต่อจากนี้เรื่องที่เกี่ยวกับเธอไม่ต้องมารายงานฉันอีก ” เกาไห่พูดพร้อมกับลุกขึ้น ” ไปกันเถอะ ไปที่ไซต์งานก่อสร้างที่เราคุยกันไว้เมื่อหลายวันก่อนกัน ”
เสี่ยวตงตอบรับสั้นๆ ภายในใจเขาจดชื่อเล่อจยาเข้าสู่บัญชีดำของเขาทันที
ในช่วงเช้าของวันต่อมา เก่าไห่ได้รับวิดีคอลจากเฉินอีอี
ในวิดีโอคอล สติสัมปชัญญะของเกาเหวินก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เธอพูดผ่านวิดีโอคอลว่า ” พี่ชาย พี่เป็นเหมือนผู้ปกครองของฉัน พี่ยอมให้ฉันและเส่าเฉินหย่ากันเถอะ ตอนนี้ฉันหายป่วยแล้ว แต่ ระหว่างฉันกับเขามันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ในเมื่ออีอีและเส่าเฉินต่างก็รักใคร่ชอบคอกัน งั้นเราก็ทำให้พวกเขาสมปรารถนาเถอะ ”
เมื่อมองดูใบหน้าที่คุ้นเคยในวิดีโอคอล เกาไห่ไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจและไม่พอใจในสายตาของเขาอีกต่อไป มีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น
หลังจากที่เขาส่งต่อวิดีโอให้กับเส่าเฉิน เขาก็ให้คนส่งเอกสารรับรองสำหรับผู้ปกครองที่เขาลงนามอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วให้กับหนิงเส่าเฉิน
เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้ว ขาดเพียงสิ่งนี้เท่านั้น หลังจากที่เอกสารรับรองฉบับนี้ถึงมือเขา หนิงเส่าเฉินก็จะให้คนไปจัดการเรื่องหย่าทันที
หลังจากได้รับเอกสารรับรองฉบับนี้แล้ว เขาก็กดโทรออกและพูดขึ้นเสียงต่ำ ” จบเรื่องทุกอย่างได้ ”
ทางฝ่ายนี้โทรหาเฉินอีอีเพื่อบอกกับเธอว่าตัวเขาและเกาเหวินได้รับเอกสารการหย่าแล้ว ให้เธอรออยู่ที่บ้านเขาจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้
เฉินอีอีไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องทั้งหมดมันจะราบรื่นมากขนาดนี้ เธอตั้งใจเปลี่ยนชุดนอนที่เธอพึ่งซื้อมาใหม่ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น
เธอนึกว่าคนที่มาคือหนิงเส่าเฉิน เธอจึงเปิดประตูออกอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด
แต่กลับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ็ดแปดนายบุกเข้ามา จากนั้นก็มีผู้ชายสวมชุดสูทและรองเท้าหนังเดินตามเข้ามา หนิงเส่าเฉินแล้วก็……เกาไห่
” เส่าเฉิน นี่มันเรื่องอะไรกัน? ” ในใจเธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่สีหน้าเธอยังคงยิ้มแย้ม
หนิงเส่าเฉินสะบัดมือเธอออกอย่างไร้ความปราณี
เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างๆ พร้อมกับทำท่ากอดอก
เฉินอีอีอยากจะตามไป แต่กลับโดนตำรวจในเครื่องแบบสองคนขวางเอาไว้
” สวัสดี คุณเกา คุณเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมโดยเจตนา ตอนนี้เราจะทำการจับกุมตัวคุณเดี๋ยวนี้ ”
เฉินอีอีพูดย้อนไปว่า ” เจตนาฆ่าอะไรกัน ฉัน……” หลังจากนั้นเธอก็ไอออกมาเล็กน้อย ” พวกคุณจับคนผิดรึเปล่า ฉันไม่ใช่คุณเกา ”
ตำรวจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้เธอดู
ภาพในโทรศัพท์คือภาพที่เธอถอดหน้ากากเมื่อวาน เผยให้เห็นใบหน้าของเกาเหวิน
สีหน้าเธอซีดเซียวขึ้นทันที
” ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ” เธอหันไปมองหนิงเส่าเฉินและเกาไห่ ทันใดนั้นเธอก็คิดขึ้นได้ ” พวกคุณ……พวกคุณร่วมมือกันหลอกฉันงั้นหรอ? ”
หนิงเส่าเฉินและเกาไห่มองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นตรงมุมปากของพวกเขาแทน
” ไปเถอะ คุณเกา ”
เกาเหวินส่ายหน้า และรีบหันหลังวิ่งไปหาเกาไห่ จากนั้นก็จับคอเสื้อของเขาไว้แน่น ” พี่ชาย ช่วยฉันด้วย พี่ชาย……”
เก่าไห่ออกแรงดึงมือเธอออกและสะบัดไปข้างๆ ” เกาเหวิน เธอเริ่มจากผลักฉันให้ตกหน้าผา จากนั้นก็ให้แม่รับโทษแทนเธอ และทำให้แม่ตาย ต่อมาก็ขังฉันไว้ในเมือง S ทำให้ฉันใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นผู้ไม่เป็นคนมานานหลายปี แล้วยังมาหลอกฉันอีกว่าทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจของพ่อ เกาเหวิน เธอรู้อะไรไหม? ตั้งแต่วันแรกที่เธอช่วยฉัน ฉันก็เห็นธาตุแท้ของเธอแล้ว ฉันอยากจะบีบคอเธอให้ตายตั้งแต่ตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่…….ฉันคิดว่าถ้าเธอตายแบบนั้นมันจะง่ายเกินไป ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เก่าไห่ชะงักไปชั่วครู่ ” คนอย่างเธอควรไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก และทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เธอสมควรได้รับ เธออย่าโทษใครเลย ”
เมื่อเกาเหวินได้ยินแบบนั้น แขนเธอก็อ่อนแรงและรู้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว
สิ่งที่แปลกก็คือเธอสงบกว่าที่คิดไว้มาก ผ่านไปสักพัก เธอก็ยกมือฉีกหน้ากากหนังมนุษย์นั้นออก พร้อมกับเผยให้เห็นใบหน้าของเกาเหวิน หน้ากากนี้เธอได้ว่าจ้างให้ปรมาจารย์ท่านหนึ่งทำให้เธอ แม้แต่ตัวเธอเองก็ดูไม่ออกว่ามีส่วนไหนที่ผิดสังเกต แต่เกาไห่กลับบอกว่าเขารู้ตั้งแต่วันแรกแล้ว ” คุณรู้ได้ยังไง? ”