” พ่อครับ แม่โดนตำรวจควบคุมตัวไปแล้ว พ่อ พ่อจะมาถึงเมื่อไหร่? ” ปลายสายเป็นเสียงของหนิงเสี่ยวซีที่ถามหนิงเส่าเฉินด้วยความกังวล
หนิงเส่าเฉินเงียบ สีหน้าเขาเศร้าหมองมาก เขาเคยคิดถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เย่หลินรู้ความจริงไว้เยอะแยะมากมาย แต่กลับไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เสียงดังของฝนดังขึ้นปะปนกับเสียงลม แต่ก็ไม่สามารถกลบเสียงร้องไห้ที่บีบหัวใจที่ดังขึ้นจากปลายสายได้
” แม่คะ ขอโทษจริงๆค่ะ หนูควรจะออกไปหยุดทุกอย่างตั้งแต่ตอนที่เห็นเธอและพ่อกำลังคุยกันแล้ว เป็นความผิดของหนูเอง ความผิดของหนูเอง ”
หน้าห้องผ่าผัด เสี่ยวเชี่ยนร้องไห้และกอดแม่หนิงไว้
แม่หนิงเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ไม่ร้องไห้และไม่โวยวาย เธอนั่งนิ่งอยู่กับพื้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ในตอนที่เหอเฟยได้รับโทรศัพท์นั้น บังเอิญว่าเธอมาทำงานแถวนี้พอดี เธอจึงรีบเดินทางมาทันที เธอเดินเข้าไปพยุงตัวพวกเขาขึ้น ” พื้นมันเย็น พี่ลุกมานั่งบนเก้าอี้ดีกว่า ”
เหอหลิงเหมือนคนที่สูญเสียสติ ในตอนที่เหอเฟยพยุงตัวเธอขึ้นนั้นเธอก็ลุกขึ้นเดินตามเหอเฟยไปแต่โดยดี แม้กระทั่งหนิงเชี่ยนล้มลงกับพื้น เธอก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง
” พี่…..” เมื่อมองไปตามเสียงเรียกนั้น ก็เห็นชูหยูจี้กำลังพยุงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งไว้
เหอเฟยหันมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า
” พี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ” ทำไมเย่หลินถึงได้ผลักคุณอาตกหน้าผา? เธอไม่ใช่คนแบบนั้นนะ! ”
หนิงเชี่ยนลุกขึ้นจากพื้น เธอมองชูหยูจี้ด้วยสีหน้าเย็นชา ” ฉันเห็นกับตาว่าเธอผลักพ่อตกลงไป ”
” เฮ้ย ทำไมถึงใจร้ายใจดำขนาดนี้นะ นั่นเป็นพ่อของเส่าเฉินเชียวนะ? เธอแค้นเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงได้ทำรุนแรงเช่นนี้? ”
” แม่คะ เย่หลินไม่ได้เป็นคนแบบที่แม่พูด ”
” เธอ…..เธอหยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย ถ้ามันไม่ได้เป็นคนแบบนั้นแล้วทำไมตอนนี้อาของเธอถึงได้มีสภาพแบบนี้? พูดออกมาสิ พูดสิ ” แม่ชูพูดพร้อมกับตีไปที่แขนของชูหยูจี้
ชูหยูจี้รู้สึกหดหู่ใจมาก เย่หลินเป็นคนแบบไหน เขารู้ดี เขาไม่เชื่อว่าเธอจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ
” แม่คะ…..เรื่องทั้งหมดยังไม่ได้รู้แน่ชัด แม่อย่าพึ่งด่วนสรุปสิ ” ทันทีที่พูดจบ ก็เห็นหนิงเส่าเฉินกำลังเดินมาทางนี้พอดี
เขามองไปที่หนิงเส่าเฉิน
” พี่ชาย เย่……”
” ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันรู้หมดแล้ว “หนิงเส่าเฉินพูดแทรกขึ้น สายตาของเขาจ้องมองไปที่ห้องผ่าตัดฉุกเฉิน
หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย
จนกระทั่งประตูห้องผ่าตัดเปิดออก
” ผู้ป่วยได้รับการช่วยชีวิตกลับมาได้ แต่ขอให้คนในครอบครัวเตรียมใจไว้ เพราะโอกาสที่ผู้ป่วยจะฟื้นนั้นน้อยมาก ”
มือทั้งสองข้างของเย่หลินถูกใส่กุญแจมือที่เย็นเฉียบไว้ โดยเธอเอามือวางอยู่บนโต๊ะ เธอเอาแต่กลืนน้ำลายอยู่ตลอดเวลา ฝ่ามือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ เปียกชุ่มจนแห้ง แห้งแล้วก็กลับมาเปียกชุ่มอีกครั้ง
เธอได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
เธอเข้ามาที่นี่น่าจะเป็นเวลาสามวันแล้ว เธอได้แต่มองดูท้องฟ้านอกหน้าต่างบานเล็กๆ มองตั้งแต่ฟ้ามืดจนฟ้าสว่าง และฟ้าสว่างจนฟ้ามืดลงอีกครั้ง……
ไม่มีใครถามไถ่เธอสักคำ และไม่มีใครสนใจเธอด้วย
จนกระทั่งใบหน้าของคุณอาปรากฏขึ้นตรงหน้า
” อาคะ อามาได้ยังไง? ”
คุณอาไม่ได้ตอบอะไร เขาส่งสายตาให้คนข้างๆ จากนั้นก็มีคนปลดกุญแจมือออกให้เย่หลิน
หลังจากนั้นก็รีบดึงตัวเธอมุ่งตรงออกไปข้างนอก
แต่เย่หลินกลับจับประตูบานนั้นไว้ และเอาแต่ส่ายหน้า
คุณอาหันมาขมวดคิ้วใส่เธอ ” ถ้าเธอไม่ออกไปตอนนี้ เธอก็จะออกไปไม่ได้อีก ”
เย่หลินรู้สึกอึดอัดใจมาก ผ่านไปสักพักเธอถึงได้รู้ตัว ที่แท้ คุณอาไม่ได้มารับตัวเธอออกไปอย่างเปิดเผย
นั่นมันหมายความว่ายังไงกันล่ะ? มันหมายความว่าเธอมีความผิดไง
” เขาเป็นยังไงบ้าง? ” เธอถามขึ้นอีกครั้ง
” ได้ยินมาว่ายังไม่ตาย แต่อยู่ในอาการโคม่า “เย่หลินกลืนน้ำลายลงคอ ” งั้น……งั้นเส่าเฉิน……” เขาจะเสียใจมากขนาดไหน? แล้วเขาจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงกันนะ?
” ยังจะไปเป็นห่วงคนอื่นอีก เย่หลิน เธอเหมือนแม่เธอไม่ผิด เป็นคนไม่มีความคิดอะไรเลยใช่ไหม? ในเวลานี้เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ! ” ในความทรงจำของเย่หลิน คุณอาเป็นคนที่อ่อนโยน เขาแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาแบบนี้ เธอรู้ว่ามันต้องบางอย่างที่ทำให้เขาโกรธ
” อาคะ เส่าเฉินเขา……รู้ไหมว่าหนูอยู่ที่นี่? ”
ชายหนุ่มหันหลังให้เธออยู่ เมื่อได้ยินเธอถามแบบนั้นก็รีบหันมามองเย่หลินทันที มือที่อยู่ข้างลำตัวเขากำหมัดไว้แน่น เขาหลับตาลง ” ถ้าเธอยังไม่ยอมออกจากที่นี่ คนที่จะส่งเธอเข้าคุกก็คือเขา! ”
เย่หลินยิ้ม เธอเงยหน้าขึ้นสบตาคุณอาแล้วส่ายหน้า ” อา โกหก เป็นไปไม่ได้ เส่าเฉินเขาต้องรู้สิว่าหนูไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้น ”
ตอนนั้น ตอนที่เกาเหวินวางแผนเล่นงานเธอ เขายังเชื่อเธอหมดใจอย่างไม่มีข้อแม้ ผ่านความเป็นความตายด้วยกันมาเยอะแยะมากมายนับไม่ถ้วน เธอไม่เชื่อว่าหนิงเส่าเฉินจะไม่เชื่อมั่นในตัวเธอ
เธอหัวเราะออกมา จากนั้นก็สะบัดมือของคุณอาที่จับแขนเธอไว้ออก เธอหันหลังและเดินกลับไปนั่งในตำแหน่งเดิม ” คุณอา อาไปเถอะ ฉันจะรอเส่าเฉินมารับฉัน ”
คุณอายืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดแน่น เขามองดูเธอเงียบๆ ในที่สุด เขาก็เดินเข้าไปหาเธอและนั่งลงตรงหน้าเธอ ” หนิงเชี่ยนเห็นกับตาว่าหลานเป็นคนผลักพ่อของเธอตกหน้าผา และก่อนหน้านี้ เธอและแม่หนิงก็ได้ยินเรื่องที่หลานและพ่อหนิงคุยกัน เย่หลิน ไปกับอาเถอะ แม้ว่าหนิงเส่าเฉินจะเชื่อเธอ ไม่ว่ายังไงญาติพี่น้องของตระกูลหนิงก็ต้องไม่ยอมให้เธอก้าวขาเข้าไปในบ้านตระกูลหนิงแม้แต่ก้าวเดียวแน่นอน ”
รอยยิ้มบนใบหน้าเธอค่อยๆจางหายไป เย่หลินก้มหน้าก้มตา ” แต่ว่า หนูไม่ได้ผลักเขานะคะ ถ้าหนูหนีไปแบบนี้ อาคะ เขาต้องคิดว่าหนูผลักพ่อของเขาให้ตกหน้าผาจริงๆแน่ หนูไม่ไป ไม่ไปเด็ดขาด ”
” หนูไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองหนูยังไง แต่ หนูอยากรู้ว่าหนิงเส่าเฉินคิดยังไง ”
” ปั๊ง ”
ประตูห้องขังถูกเปิดออกอีกครั้ง เย่หลินเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับดวงตาที่เย็นชาของคนคนหนึ่ง
” เส่าเฉิน……” เย่หลินวิ่งเข้าไปกอดเขาด้วยความตื่นเต้น
เพียงแต่ว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือเธอไม่รับการสวมกอดที่อบอุ่นเหมือนเมื่อก่อน เขาเป็นเหมือนกำแผงที่เย็นเฉียบ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆต่อเย่หลินเลย
ผ่านไปสักพัก ชายคนนั้นก็ลากเธอเดินออกไป
เย่หลินเดินตามเขาไม่ทัน ในระหว่างทางเธอเกือบจะล้มอยู่หลายครั้ง
พอมาถึงด้านนอก ตอนนี้ฝนกำลังตกอยู่ ลมกระโชกแรงพัดผ่านมา เย่หลินหนาวสั่น
ในวินาทีถัดมา เธอรู้สึกได้ถึงแรงที่ดึงแขนของเธออยู่นั้นมันหายไปอย่างกะทันหัน เธอจึงก้มมอง ทันใดนั้นหัวใจเธอก็รู้สึกได้ถึงความว่างเปล่า