ออกจากคุก แสงแดดที่ร้อนระอุ ทำให้เย่หลินยกมือขึ้นบังตา เธอหายใจเข้าลึกๆ “หนิงเส่าเฉิน ต่อไประหว่างเราก็ไม่มีเกาเหวินแล้ว และหวังว่าคงจะไม่มีเกาเหวินอีกคนโผล่มา” เธอพูดสิ่งที่คิดออกมา
ทุกคนบอกว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรัก แม้ว่าหลายปีมานี้ทั้งสองคนจะเผชิญเรื่องต่างๆมามากมาย แต่ เวลาที่อยู่ด้วยกันน้อยกว่าเวลาที่ห่างกัน เธอกลัวว่าพอกลับไปเป็นปกติแล้ว ความรักจะค่อยๆหายไปเพราะขาดความกระตือรือร้น
นิ้วของหนิงเส่าเฉินสอดเข้าไปในผมของเธอ จากนั้นก้มหน้า กระซิบข้างหูเย่หลิน “อายุช่วงที่ผู้ชายแข็งแรงที่สุด ได้มอบให้คุณหมดแล้ว ถึงแม้ต่อไปใจจะอยากมี แต่ร่างกายคงไม่ไหว คุณยังจะกังวลอะไรอีก?”
เย่หลินขมวดคิ้ว หันไปมองรอบๆ “หนิงเส่าเฉิน แถวนี้คนไปๆมาๆเยอะขนาดนี้ คุณไม่กลัวคนอื่นได้ยินหรือไง?”
“ได้ยินแล้วยังไง? ผมพูดกับภรรยาผม ใครจะมายุ่ง?”
เย่หลินจ้องเขาเขม็ง
ตอนนี้เอง มือถือของหนิงเส่าเฉินก็ดังขึ้น เขามอง เป็นหลิวซู จึงรับสาย “ฮัลโหล อืม โอเค ฉันไปตอนนี้แหละ”
“ไปเถอะ ผมไปส่งคุณที่บริษัทของคุณก่อน”
เย่หลินเอาผมยาวของเธอไปทัดไว้หลังหู ตามหนิงเส่าเฉินขึ้นรถไป
ในขณะเดียวกัน เกากรุ๊ป
“จยาจยา เมื่อคืน ประธานเกาพาเธอไปไหนเหรอ?”
ทันทีที่เล่อจยาเข้ามาในสำนักงาน คนกลุ่มใหญ่ก็ล้อมเข้ามารวมกัน
ไปไหน? ไปกินปิ้งย่างร้านอาหารริมทาง? ไม่ เธอไม่มีความกล้าพอจะตอบแบบนั้น
“เปล่า ก็แค่คุยเรื่องภาพที่ออกแบบ จากนั้น ก็กลับบ้าน”
“แบบนี้เองเหรอ? ประธานเกานี่น่าสนใจจริงๆ โครงการที่บริษัทนี้รับ ทั่วทั้งประเทศ คงนับได้เป็นพันๆที่ โครงการที่เมืองw แม้จะบอกว่าไม่ใช่โครงการเล็กๆ แต่ ก็ไม่ถือว่าใหญ่ ทำไมประธานเกาดูให้ความสำคัญกับการออกแบบนี้มาก?”
เล่อจยาส่ายหน้า “ฉันเพิ่งมาใหม่ ฉันไม่รู้”
พอเดินมาถึงที่นั่ง เธอเห็นที่นั่งของเสี่ยวหยูที่อยู่ข้างๆนั้นว่าง มองดูเวลา เลยเวลาเข้างานมาสิบกว่านาทีแล้ว
“เสี่ยวหยู ยังไม่มาเหรอ?”เธอแกล้งถามเพื่อนร่วมงานข้างๆแบบไม่ตั้งใจ
“ได้ยินว่าเธอลาออกแล้ว?”ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้น
“อะไรคือลาออกแล้ว? โดนบริษัทไล่ออกต่างหาก”
“เธอรู้ได้ยังไง?”
“แฟนฉันบอกน่ะ เขาเห็นเสี่ยวหยูไปทำเรื่องที่แผนกบุคคลเมื่อเช้า คิดว่าคงกลัวพวกเราเห็น ถึงได้มาตั้งแต่เช้า”
จากนั้น ในสำนักงาน ก็ซุบซิบกันขึ้น ทุกคนต่างก็พากันเดาเหตุผลที่เสี่ยวหยูโดนไล่ออก
“พวกเธอคิดว่า เป็นเพราะเรื่องที่เธอขังเล่อจยาไว้ในห้องน้ำหรือเปล่า?”มีคนพูดขึ้น
จากนั้น ในสำนักงานก็มีเสียงหัวเราะขึ้น “จะเป็นไปได้ยังไง เสี่ยวหยูเป็นพนักงานของบริษัทมาแปดปีแล้ว หลายปีมานี้ แม้จะไม่ได้สร้างผลงานให้บริษัท แต่ก็ทำงานหนักเหมือนกัน อีกอย่าง ระหว่างเธอกับจยาจยาจะเป็นยังไง ก็เป็นแค่ความขัดแย้งส่วนตัวเล็กน้อยของผู้หญิง คงไม่ถึงขนาดที่จะทำให้บริษัทเก็บไปคิด?”
เล่อจยามองไปยังคนคนนั้นที่กำลังวิเคราะห์อย่างละเอียด พยักหน้า พูดไม่ผิด เรื่องเมื่อวาน ถ้าหากเป็นคนอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่ หากสามีของเล่อจยาเป็นเกาไห่แล้ว เรื่องนี้ อาจจะไม่เหมือนเดิม
คิดๆแล้ว เธอก็แอบหยิบมือถือขึ้นมา ส่งข้อความไปหาเกาไห่ “คุณไล่เสี่ยวหยูออกเหรอ?”
ข้อความผ่านไปแล้วสิบนาทีจึงตอบกลับ “หรือจะเก็บไว้ให้รังแกคุณต่อล่ะ?”
“ที่จริงไม่เป็นไร คนแบบฉัน คุณก็รู้ ถ้าคนธรรมดาต้องการรังแกฉันจริงๆ ก็ทำไม่ได้หรอก”
เกาไห่ตอบกลับด้วยสติ๊กเกอร์หน้ายิ้ม แนบด้วย“แบบนั้นก็ไม่ได้”
พอใกล้จะเลิกงาน ซูหย่าโทรหาเล่อจยา บอกว่าวันนี้ตัวเองจะไปนัดบอท จะให้เธอไปเป็นเพื่อน
แม้ว่าเล่อจยายังคงรู้สึกแปลกๆเล็กน้อยกับผู้หญิงคนนี้ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนสนิท แต่ เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ “โอเค เจอกันตอนเที่ยง”
“ฉันจะถึงบริษัทเธออีกประมาณสิบนาที เธอเลิกงานแล้วก็รีบออกมานะ”
เล่อจยาตอบกลับ “อื้ม”
จากนั้นเธอก็ส่งข้อความหาเกาไห่ว่า “ตอนเที่ยงจะไปนัดบอทเป็นเพื่อนซูหย่า ไปทานมื้อเที่ยงกับคุณไม่ได้แล้ว”
หลังจากส่งข้อความ เห็นว่าใกล้เลิกงานแล้ว เธอจึงเริ่มเก็บของ
พอลงไปถึงชั้นล่าง ก็เห็นซูหย่าและรถสปอร์ตสีแดงแวววาวของเธออยู่ไกลๆ
“หลายปีมานี้ เธอกับคนคนนั้น ความสัมพันธ์เป็นยังไงบ้าง?”ซูหย่าถามหลังจากขับเคลื่อนรถแล้ว
เล่อจยาเผลอยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “อื้ม ก็โอเค!”
“พวกเธอ……มีอันนั้นกันหรือยังอันนั้นน่ะ?”
“ไม่มี”
ในตอนนี้เอง ก็อยู่ช่วงไฟแดงพอดี ซูหย่าหยุดรถ แล้วหันไปมองเล่อจยา ถอดแว่นกันแดดออก มองเล่อจยาด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เขาไม่ทำอะไรเธอเหรอ?”
เล่อจยาส่ายหน้า “ไม่ เธอว่าผู้หญิงที่ไม่มีแฟนสักคนอย่างเธอ ทำไมถึงถามคนอื่นเรื่องนี้? ก็ไม่อายบ้างเลย?”เล่อจยาพูด แล้วก็หันไปมองนอกหน้าต่าง ซ่อนความน้อยใจไว้
ที่จริง ซูหย่าจะประหลาดใจก็ไม่แปลก นี่มันยุคไหนแล้ว อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องอยู่ก่อนแต่งเลย แค่เป็นแฟนกัน ตกลงความสัมพันธ์กันได้ จะมีสักกี่คนที่ยังคงรักษาความบริสุทธิ์อยู่อีก
“ดูแล้ว เขาคงจะหวงแหนเธอมาก”เพราะหวงแหน จึงอดไม่ได้ที่จะนำความบริสุทธิ์ของเธอไปแบบไม่ชัดเจน และอดไม่ได้ที่จะฉวยโอกาส
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”เล่อจยาหันไปมองซูหย่า
ไฟเขียวแล้ว ซูหย่าออกรถ ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
ในใจ อดที่จะอิจฉาเล่อจยาไม่ได้ สมัยนี้ หายากจริงๆที่จะพบกับผู้ชายที่รักและทะนุถนอมอย่างรู้ค่าของตัวเอง
สถานที่นัดบอทของซูหย่า เป็นโรงแรมที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
“นี่เป็นโรงแรมของตระกูลเขา ”ซูหย่านำกุญแจรถให้กับยามหน้าประตู ชี้ไปยังตึกที่อยู่ตรงหน้าพร้อมแนะนำให้เล่อจยา
“ไม่เลว ค่อนข้างรวย”
“นี่เป็นแค่หนึ่งในร้อย”
“โอ้ แต่ว่า ซูหย่า ไม่ว่าจะมีเงินมากหรือน้อย เธอก็ต้องทำตามหัวใจของเธอ ไม่สามารถนำเรื่องเงินมาเป็นตัวตัดสินเรื่องความรักได้” คำๆนี้ เล่อจยาพูดออกมาแบบไม่รู้ตัว
จากนั้น เธอก็เห็นสีหน้าของซูหย่าเปลี่ยนไป “จยาจยา นี่ความจำเธอกลับมาแล้วเหรอ?”
เล่อจยาส่ายหน้า
“เอาเถอะ ครั้งแรกที่เธอมานัดบอทกับฉัน เธอก็พูดแบบนี้กับฉัน”พูดไป ซูหย่าก็กอดเล่อจยาอยู่หน้าประตูโรงแรม “หลายวันมานี้ เธอไม่สนใจฉันเลย จยาจยา เธอรู้ไหมว่าฉันหดหู่ใจมากแค่ไหน เมื่อก่อน ก่อนที่เธอจะความจำเสื่อม พวกเราคุยกันแทบจะทุกวัน แต่…….”
เล่อจยารู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมา “ขอโทษนะ ฉัน……”
“เอาล่ะ ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันแค่ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งปีมาพัวพันอยู่กับเธอ สร้างสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนระหว่างเราขึ้นมาอีกครั้ง”พูดจบ ซูหย่าปล่อยเล่อจยา จับมือเธอแล้วเข้าโรงแรมไป
ถึงห้องอาหาร พอประตูห้องอาหารเปิดออก ผู้ชายที่อยู่ข้างในปรากฏต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคน เล่อจยาก็ยืนแข็งทื่ออยู่หน้าประตู