เล่อจยาปิดปาก ริมฝีปากสั่นเทาเล็กน้อย “ข่ม……ข่มขืน? ”
คนดูแลพยักหน้า “เฮ้อ น่าสงสารจริงๆ ”
เกาไห่ตบไหล่เธอเบาๆ เป็นการปลอบใจ
เล่อจยาฝืนยิ้มออกมา เดินไปข้างหน้า นั่งยองๆ ตรงหน้าแม่เล่อ “แม่ ฉันจยาจยานะ”
แววตาหญิงคนนั้นที่มองไปข้างหน้า สักครู่เธอก็มองเล่อจยา จู่ๆ สีหน้าก็หม่นหมองลง : “คุณ คุณคืนลูกมาให้ฉัน คุณคืนลูกฉันมาให้ฉัน”
พูดจบ ฉับพลันก็ยกมือขึ้นตบเล่อจยา เธอใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการตบ ดังนั้นในชั่วพริบตาบนใบหน้าของเล่อจยาจึงเต็มไปด้วยนิ้วมือทั้งห้า
เกาไห่รีบเดินเข้าไปนำเล่อจยามาไว้ในอ้อมกอด “เป็นอะไรหรือเปล่า? ”
พูดจบ ก็ดึงเธอถอยหลังมาสองสามก้าว
คนดูแลเห็นเช่นนี้ ก็เดินเข้าไป “พี่สาว นี่คือลูกสาวของคุณ เธอมาดูคุณนะ”
แม่เล่อมองเล่อจยาแล้วคิดๆ เล็กน้อย ในปากบ่นพึมพำ : “ลูก…ลูกสาว? ฉัน ไม่มีลูกสาว ฉันมีแค่เหวินเหวิน”
เหวินเหวิน เล่อเหวิน น้องชายของเล่อจยา
ใจที่เตรียมพร้อมไว้แล้ว เล่อจยาเวลานี้ ก็ถูกทำให้เจ็บปวดใจ
หัวปวดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะจับหน้าผาก
เกาไห่ถามอย่างห่วงใย : “ไม่สบายเหรอ? ”
เธอส่ายหัว อันที่จริงแม่ก็ชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว เธอแทบจะให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับเล่อเหวินทั้งหมด โชคดีที่พ่อดูแลเธออย่างดีมาตลอด เธอจึงไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าเสียใจ
แต่เธอไม่เข้าใจว่า ในจิตใต้สำนึกของแม่เธอ จะไม่มีลูกสาวของเธออยู่เลย นี่ทำให้เธอยากที่จะรับได้
“แม่ ฉันจยาจยา ฉันเป็นลูกสาวของคุณ” เธอไม่ยอมแพ้ยังคงพูดเหมือนเดิมอีกครั้ง
แม่เล่อส่ายหัวซ้ำๆ “คุณไปเลย ฉันไม่รู้จักคุณ ฉันไม่มีลูกสาว ฉันไม่มี” จากนั้นก็ขึ้นเตียงเอาผ้าห่มมาคลุมศีรษะ
เล่อจยาอยากจะเดินเข้าไป แต่ถูกเกาไห่ดึงไว้ “วันนี้พอแค่นี้ก่อน อีกสองวันรอให้อารมณ์สงบลง เราค่อยมากันใหม่”
ตลอดทางจนถึงรถ เล่อจยายังคงหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเอง ยากที่จะปล่อยวาง
เกาไห่เห็นท่าทีของเธอ ก็รู้จักกังวลใจ คิดๆ ดูแล้ว ก็หันรถกลับไปที่โรงหนังใกล้ๆ
ตลอดทางเข้าเล่อจยาเห็นโปสเตอร์หนังเต็มไปหมด จึงได้สติกลับมา มองเกาไห่ “คุณนี่คือ? ”
“อยากดูหนังเรื่องอะไร? ”
“ไม่ต้องหรอก บริษัทคุณงานยุ่งขนาดนั้น ไปบริษัทเถอะ” พูดจบ ก็จูงมือเกาไห่ ทำท่าทางดึงเขาออกไป
เกาไห่ส่ายหัว กระซิบข้างๆ หูเธอ : “อันที่จริงมันมากกว่าจะทำให้คุณฟื้นความทรงจำ คือฉันหวังว่าคุณจะตกหลุมรักฉันอีกครั้ง”
เล่อจยามองคนซ้ายขวา ดึงๆ เสื้อเขา แล้วเขินอายเล็กน้อย
ท้ายที่สุด ทั้งสองก็เลือกหนังโรแมนติกคอมมาดี้
หนังไม่ได้ดี จนถึงขั้นเรียกได้ว่าแย่ แต่หลังจากที่ทั้งสองคนดูจบแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ผ่อนคลายอย่างมาก
“เราเคยดูหนังด้วยกันมาก่อนหรือเปล่า? ” ตอนที่ออกมาเล่อจยาก็ถามเกาไห่
เวลานี้ ทั้งสองมาถึงที่จอดรถใต้ดินแล้ว เนื่องจากคุยเล่นกันมาตลอดทาง จึงไม่ได้สนใจว่ามีชายคนหนึ่งตามมา
เล่อจยารู้สึกเพียงว่ามีเงาดำปกคลุมใบหน้าของเธอ จากนั้น เธอเห็นแท่งเหล็กแกว่งไปทางเกาไห่ เธอคิดจะเตะมือผู้ชายคนนั้น แต่ด้านหลังก็มีคนมาประชิดอีกสองคน ทำให้เธอไม่มีเวลาคำนึงถึง
มองเกาไห่ถูกเหล็กตีหัวอย่างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
ความบ้าเลือดของเล่อจยาพลุ่งพล่าน เวลานี้ อารมณ์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัวของเธอมาเป็นเวลานาน ได้ถูกปลุกเร้าอย่างสมบูรณ์ เธอกำหมัดเตะต่อยชายทั้งสี่คน แต่หาใช่คู่ต่อสู้ของเล่อจยาไม่
หลังจากจัดการคนเหล่านั้นล้มลงไปกอง เธอก็รีบมุ่งหน้าไปหาเกาไห่ ประคองศีรษะของเขาที่เต็มไปด้วยเลือด “เกาไห่….”
เกาไห่กุมมือของเธอ มือใหญ่ๆ ที่เดิมทีอบอุ่น เวลานี้ เย็นเยือกจนเข้ากระดูก “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ”
เล่อจยาขมวดคิ้ว จ้องมองเขา “คุณห่วงตัวเองก่อนเถอะ” จากนั้นก็กดต่อสายไปยังเบอร์120
เธอเพิ่งระบุที่อยู่อย่างชัดเจน เธอก็เห็นเกาไห่เบิกตาโพลง “ระวัง…..”
ต่อจากนั้น เธอรู้สึกเหมือนโดนกระแทกอย่างแรงที่ท้ายทอย
เล่อจยารู้สึกว่าตนเองอยู่บนถนนเส้นหนึ่งซึ่งไร้ผู้คน เดินทางอย่างยาวนาน เธออยากจะร้องขอความช่วยเหลือ เธออยากจะร้องตะโกน แต่ก็ส่งเสียงไม่ออก
จากนั้น เธอก็เห็นพ่อ แก่กว่าในความทรงจำมาก มีชายคนวัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ พ่อ เธอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ คือเล่อเหวิน น้องชายของเธอ ไถผมสกินเฮด ใส่ตุ้มหู ไม่มีความเป็นเด็ก หล่อเท่อย่างมาก แต่กำลังการแสดงออกโหดเหี้ยมเหมือนกับทะเลาะอะไรกับพ่ออยู่
จากนั้น เธอก็เห็นตัวเอง แล้วก็เห็นซูหย่า เกาไห่
คนรายล้อมอยู่จำนวนมาก เธอฟังได้ไม่ชัดว่าพวกเขากำลังพูดอะไรอยู่
เธอเห็นเพียงว่าพ่อเดินโซเซออกมาจากในฝูงชน เดินไปยังถนน รถคันสีดำคันนั้น ชนเข้ากับเขา เขาลอยขึ้นในอากาศแล้วจึงตกลงมาบนพื้นอีกครั้ง
เธอเห็นตัวเองแทรกฝูงชนเข้าไป ร่างพ่อที่นอนอยู่ มีเลือดสีสดนองเต็มพื้น
เธอได้ยินบางคนพูดว่า: “คนตายแล้ว”
คนตายแล้ว….พ่อของเธอตายแล้ว…..
เล่อจยากรีดร้องเสียงดัง “ไม่ พ่อ! ”
จากนั้น เธอก็ลืมตา แสงสีขาวที่แสบตาทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหลับตา แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
เกาไห่ที่กำลังพูดคุยกับคุณหมออยู่ด้านนอก ได้ยินเสียงร้องของเล่อจยา ก็พุ่งพรวดเข้าไป
เห็นศีรษะของเกาไห่ที่พันผ้าพันแผลสีขาวเอาไว้ ความทรงจำในสมองของเล่อจยา ก็ทะลักออกมาราวกับกระแสน้ำ
เธอน้ำตาไหลพราก แยกไม่ออกว่าเพราะจำได้ว่าพ่อเสียชีวิต หรือเพราะความอบอุ่นที่เกาไห่มีให้เธออย่างไม่เคยมีให้ใคร
“คุณภรรยา ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้ว คุณหมดสติไป2วัน หมอบอกว่า ถ้าวันนี้คุณยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ก็จะต้องผ่าตัดแล้ว”
ในสายตาของเขามีความดีใจ ปากของเขาก็เรียกเธอว่า”คุณภรรยา”…..
เล่อจยาลดสายตาลง คล้ายกับครุ่นคิดอะไรอยู่?
แล้วจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในดวงตาทิ้งคราบน้ำตาตาเอาไว้เล็กน้อย มองเกาไห่ เอ่ยปากอย่างช้าๆ ว่า: “สามี คุณเป็นอะไรไหม? ”
เกาไห่รู้สึกโล่งอก ส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นอะไร คุณเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บปวดตรงไหนบ้างไหม? ” ความร้อนใจและเป็นกังวลในสายตาของเขา ทำให้เล่อจยาสะอื้นไห้อีกครั้ง
ยกมือขึ้นไป ลูบเบาๆ ที่หน้าผากของเขาอยู่นาน เล่อจยาจึงเอ่ยปากว่า “เกาไห่ ความทรงจำของฉันกลับมาแล้ว”
ถ้าก่อนหน้านี้เธอยังคิดที่จะปิดบังเขา เวลานี้ เธอก็ทำไม่ลงแล้ว
เกาไห่ตัวสั่นอย่างชัดเจน เล่อจยาเห็นความสับสนและตึงเครียดในสายตาของเขา
หลังจากคนทั้งสองสบตากันอยู่นาน เกาไห่จึงเอ่ยปากว่า: “แล้วคุณ…..โกรธฉันไหม? อยากที่จะจากฉันไปไหม? ”
ในที่สุดน้ำตาของเล่อจยาก็ไหลอีกครั้ง เธอซื้ดจมูก
นั่งตัวตรง ยื่นมือทั้งสองไปโอบกอดเกาไห่ “ฉันชอบคุณมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ยากมากที่ความฝันจะกลายเป็นความจริง ฉันจะจากคุณไปได้อย่างไร นอกเสียจาก คุณไม่ต้องการฉันแล้ว ไม่อย่างนั้น ฉันก็จะอยู่กวนคุณไปตลอดชีวิต”
เขาคือความฝันของเธออย่างนั้นเหรอ?
จากความลุ่มหลงในตอนแรก เป็นความชอบ เป็นความคลั่งไคล้ จนเป็นความเคยชิน และรักจนเข้ากระดูก นี่ยากมากที่จะมีโอกาสจับพลัดจับผลูได้มาเป็นครอบครัว จะให้จากไป ไม่มีทาง ชั่วชีวิตนี้ก็เป็นไปไม่ได้
“อย่างนั้น ก็เตรียมตัวมีลูกได้แล้วใช่ไหม? ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังเข้ามาจากหน้าประตู