เมื่อเล่อจยาได้ยินแบบนั้น เธอก็ตื่นตกใจทันที
เธอหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงอย่างมือสั่น ” ฉัน……ฉันจะโทรขอความช่วยเหลือจากเบอร์120 เสี่ยวหย่า เธอ……เธอใจเย็นๆนะ ” นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง เล่อจยาพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมมือตัวเองให้ไม่สั่น
ซูหย่าหลับตาเอาไว้ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง “จยา โทรหา……เซียวอู๋”
เล่อจยาชะงักไปเล็กน้อย เธอคิดว่าซูหย่าในตอนนี้คงอยากให้เซียวอู๋มาอยู่ข้างๆเธอ ดังนั้นเล่อจยาจึงรีบค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของเซียวอู๋ และกดโทรออก สักพักปลายสายก็กดรับสาย
” ฮัลโหล……” น้ำเสียงเสียงดังฟังชัดมากไม่เหมือนกับคนที่พึ่งตื่นนอนเลย เล่อจยาอึ้งไปชั่วครู่ เธอตกใจว่าทำไมเซียวอู๋ถึงไม่หลับไม่นอนกันนะ?
” เซียวอู๋ คุณรีบมาเร็ว เสี่ยวหย่าเธอบอกว่าปวดท้องมาก ” หลังจากนั้นก็แจ้งที่อยู่ให้กับเขา
เล่อจยาได้ยินเสียงถอนหายใจของเซียวอู๋ดังขึ้นอย่างชัดเจน ” ได้ ให้เธอรอฉันก่อนนะ ” เธอไม่รู้ว่าเธอรู้สึกผิดไปหรือเปล่า เล่อจยารู้สึกว่าในตอนที่เซียวอู๋พูดแบบนั้นเหมือนเขากำลังพึงพอใจอย่างมาก
ในตอนที่เซียวอู๋มาถึง มันก็ได้ผ่านไปสี่สิบนาทีแล้ว
บริเวณต้นขาของซูหย่ามีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด พอเล่อจยาจะโทร ขอความช่วยเหลือจากเบอร์120 ซูหย่าก็ไม่ยอม
” นี่บ้านคุณอยู่แถวไหนกันเนี่ย ทำไมถึงมาป่านนี้? “เล่อจยาพูดพร้อมกับกลืนน้ำลาย “ เสี่ยวหย่ามีเลือดออก ฮือฮือ……”
เซียวอู๋รีบขึ้นไปที่ห้องนอนโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะถอดรองเท้า ผ้าปูที่นอนสีครีมในตอนนี้เต็มไปด้วยสีแดงของเลือด ผมเธอยุ่งเหยิงพันกันและอดบังใบหน้าเธอไว้ครึ่งหน้า ผมเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ทำให้มองไม่เห็นการแสดงออกทางสีหน้าของเธอ
” เสี่ยวหย่า เซียวอู๋มาแล้วนะ เราไปโรงพยาบาลกันเถอะ ” เล่อจยาเช็ดน้ำตา และเดินเข้าไปพยุงซูหย่า แต่ซูหย่ากลับผลักเธอออก ” จยาจยา เธอออกไปก่อน ฉัน……มีเรื่องอยากจะ……คุยกับเซียวอู๋ ”
เล่อจยาจมวดคิ้ว เธอรู้สึกเป็นกังวลมาก ” มาถึงขนาดนี้แล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ยังจะคุยอะไรกันอีก ถ้าเธอจะยื้อเวลาออกไปแบบนี้เรื่อยๆ จะเป็นอันตรายต่อเด็กในท้องนะ เราไปโรงพยาบาลกันก่อนได้ไหม?ขอร้องล่ะ…… ” จากนั้นสายตาของเล่อจยาก็จ้องมองไปที่เลือดที่กำลังไหลลงบนต้นขาเธออย่างไม่หยุด เธอร้องไห้ออกมาเสียงดัง “ เซียวอู๋ คุณยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบไปอุ้มซูหย่าไปโรงพยาบาลสิ “
แต่ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เซียวอู๋กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน เขาเม้มปากและพูดขึ้นว่า ” เล่อจยา เธอออกไปก่อน ”
เล่อจยาถึงกับงง ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้กันแน่? ในสถานการณ์แบบนี้การช่วยชีวิตเด็กในท้องต้องมาเป็นอันดับแรกไม่ใช่เหรอ? จะคุยอะไรกันทำไมไม่เก็บเอาไว้คุยกันในภายหลัง
แต่น้ำเสียงของทั้งสองคนน่าสงสัยจริงๆ เล่อจยาขมวดคิ้ว จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวซูหย่าไว้ และเธอก็หันหลังเดินออกจากห้องไป
ทันทีที่ประตูถูกปิดลง ซูหย่าก็หลับตาลงและลืมตาขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเธอก็มองหน้าผู้ชายที่กำลังทำหน้านิ่งเฉยและเย็นชาคนนั้น เธอยิ้มมุมปาก เป็นไปอย่างที่เธอคาดไว้ไม่มีผิด
” เซียวอู๋ คุณมันร้ายความปรานี!”
เซียวอู๋เดินเข้าไปหาเธอ เขาหยุดลงข้างเตียงเธอ โน้มตัวเข้าไปใกล้เธอเล็กน้อย ” ไร้ความปรานีงั้นเหรอ? คุณซูเองก็ใช่ย่อยนะ สามารถทำลายชีวิตของคนคนหนึ่งในชั่วพริบตา ที่ฉันทำมันก็แค่ตัดก้อนเนื้อทิ้งไปก้อนเดียวก็แค่นั้นเอง ”
หลังจากเขาพูดจบ ซูหย่าก็ปัดผ้าห่มที่คลุมอยู่ออกและมองหน้าเขา “ใช้ได้เลยทีเดียว ผลลัพธ์ไม่ได้โอ้อวดเกินจริง “
ซูหย่าคิดว่าอย่างน้อยเซียวอู๋ก็น่าจะแก้ตัวบ้าง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ายอมรับออกมาอย่างเปิดเผยแบบนี้ อีกทั้งยังทำท่าทีราวกับพอใจมากด้วย เธอรู้สึกโกรธมาก สักพักเธอก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวในปาก จากนั้นก็มีของเหลวบางอย่างพุ่งออกมาจากปากเธอ
” นายคิดว่านายทำแบบนี้แล้วฉันจะยอมปล่อยนายไปงั้นเหรอ ฉันจะบอกให้นะ ฉันจะทำลายชีวิตของนายให้ย่อยยับเป็นแน่” ซูหย่าใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนั้นในการพูดประโยคนี้
สายตาของเซียวอู๋จ้องไปที่หน้าของซูหย่า เขาใช้นิ้วที่เรียวยาวของตัวเองปัดผมที่บดบังใบหน้าของเธอไปไว้ข้างใบหน้า จากนั้นก็ยิ้มอย่างได้ใจ “ งั้นเราก็มารอดูกัน”
พอพูดจบ เขาก็เดินเข้าไป และกระชากผ้าห่มออก จากนั้นก็อุ้มซูหย่าขึ้น
ผลสุดท้าย แน่นอนว่าลูกไม่อยู่กับเราแล้ว
” คุณหมอคะ เมื่อวานลูกสาวฉันยังกินข้าวที่บ้านฉันอยู่เลย ทำไมอยู่ดีดีถึงแท้งคะ? ” แม่ซูดึงตัวคุณหมอไว้ถามและไม่มีทีท่าจะยอมปล่อย
พ่อซูยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
” คุณนายซู การอยู่รอดของตัวอ่อนในระยะนี้ก็ย่อมมีความเสี่ยงอยู่แล้ว สถานการณ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติมากๆ คุณซูเองก็ยังสาว บำรุงดูแลร่างกายตัวเองให้ดี ถ้าในอนาคตจะท้องอีกก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ”
เมื่อพูดจบ คุณหมอก็เอามือแม่ซูออกและเดินจากไป
เล่อจยายืนอยู่ตรงมุม เมื่อเธอได้ยินในสิ่งที่คุณหมอพูด เธอก็เอามือปิดปากและร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ซูหย่าให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้มาก เธอไม่อยากจะคิดเลยถ้าซูหย่ารู้เรื่องนี้เธอจะผ่านมันไปได้ยังไง?
แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่คาดคิดก็คือ ทันทีที่ซูหย่าฟื้นขึ้นมาเธอดูไม่ได้เป็นกังวลมากเท่าไหร่เลย เธอไม่เอ่ยถึงเด็กในท้องด้วยซ้ำ
ในตอนแรก เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะคนเยอะเธอเลยพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้ แต่จนถึงตอนที่ภายในห้องมีเพียงพวกเธอสองคน ซูหย่าก็ไม่ได้มีท่าทีผิดปกติใดใดเลย
ในตอนนั้นเอง พยาบาลก็เข้ามาเปลี่ยนน้ำเกลือให้เธอ และมีคุณหมอท่านหนึ่งตามเข้ามาด้วย
” ช่วงนี้ คนไข้ต้องระมัดระวังนะ อย่าให้สัมผัสน้ำเย็น และอย่ายกของหนัก ต้องดูแลและบำรุงร่างกายให้ดีอย่างน้อยครึ่งเดือน ”
เล่อจยาพยักหน้า ” ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ”
เธอหันไปหยิบโจ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาและเป่าเล็กน้อย ” เสี่ยวหย่า กินโจ๊กหน่อยนะ ”
ซูหย่ากลับไม่ยอมให้เล่อจยาป้อนให้ แต่เธอรับโจ๊กจากเล่อจยาไปและยกซดหมดถ้อย นั่นมันไม่ใช่การกินหมดถ้วย แต่เป็นการยกซดจนหมดถ้วยต่างหาก หลังจากที่เธอกินจนหมด เธอก็เอาถ้วยวางลงบนโต๊ะข้างๆ
เล่อจยาหยิบทิชชูมาเช็ดปากให้เธอ ” เสี่ยวหย่า เธอบอกฉันมาว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นใช่ไหม? ที่เธอต้องแท้งลูก เซียวอู๋มีส่วน……” คำพูดต่อจากนั้น เล่อจยาไม่กล้าพูดออกมา
แต่ ณ ตอนนั้น ปฏิกิริยาของทั้งสองคนมันมีพิรุธมากจริงๆ
ซูหย่าเงยหน้ามองเล่อจยา เธอตาแดงก่ำ แต่กลับไม่ตอบคำถามเธอ
เล่อจยากำหมัดแน่น จากนั้นก็ลุกขึ้น “ ฉันจะไปฆ่าเขาให้ได้ “
แต่แขนเธอโดนกระชากไว้ เล่อจยาจึงหันกลับไปมอง ” หรือว่าเธอยังอาลัยอาวรณ์เขาอยู่? ”
ซูหย่าส่ายหน้า ” ฆ่าเขาเธอเองก็จะติดคุก ” น้ำเสียงเธอแหบแห้งมาก ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้ร้องไห้มากเท่าไหร่
เล่อจยาหันไปกอดซูหย่าไว้ ” ฉันว่าแล้วเชียวว่าทำไมเมื่อวานเธอถึงต้องรอให้เซียวอู๋มาถึงก่อน ฉันก็ว่าทำไมเขาถึงได้มาช้าขนาดนั้น เสี่ยวหย่าเธอบ้าไปแล้วหรือเปล่า ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าเขา……แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมให้ฉันโทรขอความช่วยเหลือจาก 120ล่ะ? หรือว่า……”
” เด็กคนหนึ่งที่ถูกผู้เป็นพ่อวางแผนฆ่า ถ้าคลอดเขาออกมาเธอคิดว่าเขาจะมีความสุขงั้นเหรอ? ”
เล่อจยาสูดจมูก ดวงตาเธอแดงก่ำ ” ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ”
เธอคิดเพียงว่าเซียวอู๋ไม่ชอบซูหย่า แต่เขาเองก็ต้องยอมจำนน เธอยังคิดอีกว่าหลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกันไปแล้ว หวังว่าพวกเขาจะอยู่กันไปอย่างยาวนาน แต่ไม่คิดเลยว่า เขาจะโหดเหี้ยมได้มากขนาดนี้ แม้แต่ลูกตัวเองก็ลงมือกระทำได้
” นั่นเป็นลูกของเขานะ ทำไมถึงลงมือทำแบบนั้นได้? ”
” สำหรับเขาแล้ว นั่นเป็นแค่ก้อนเนื้อก้อนเดียวเท่านั้น ” ในขณะที่ซูหย่าพูด เธอก็ยิ้ม
เล่อจยามองหน้าซูหย่า ” แล้วทำไมเธอไม่บอกแม่บุญธรรมล่ะ หากพวกเขารู้ พวกเขาไม่มีทางให้อภัยเขาแน่ๆ เธอ……”
” เพราะว่า ฉันยังจะต้องแต่งงานกับเขาไง! ” ซูหย่าพูดออกมาอย่างสบายๆ
แต่สีหน้าเล่อจยากลับเปลี่ยนไป เธอเอามือจับไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของซูหย่า ” เสี่ยวหย่า เธอบ้าไปแล้วใช่ไหม? ”