ชายคนนั้นมองมาที่เธอ จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย ” หมายความว่ายังไงครับ? ”
” คุณอย่าบอกฉันนะว่าการที่ฉันเจอคุณที่โรงพยาบาลเล็กๆแห่งนั้นมันเป็นเรื่องบังเอิญ? ” เธอไม่เชื่อ การพบกันด้วยระยะห่างหลายพันไมล์นั้นจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
ไป๋เสี่ยงเหิงขมวดคิ้วก่อนจะย้ายไปนั่งลงข้างๆซูหย่า ” คุณนายเซียวเข้าใจอะไรในตัวผมผิดไปหรือเปล่าครับ? หลังจากที่ผมทำการผ่าตัดให้สามีคุณเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นไม่นานผมก็กลับมาที่บ้านของผม แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ คุณนายเซียวกลับเป็นคนในเมือง C เหมือนกัน
คุณใช้คำว่า ” เหมือนกันงั้นเหรอ? ”
ซูหย่าขมวดคิ้ว ” ไม่ได้มีคนส่งคุณมาจริงๆเหรอ? ”
” มีคนส่งผมไปงั้นเหรอ? คุณนายเซียวคงเข้าใจผิดไป อาจารย์ของผมเป็นคนที่นั่น เขาอุทิศทั้งชีวิตของตัวเองเพื่ออาชีพนี้ ที่ผมไปที่นั่นก็เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเขาในช่วงสุดท้ายของชีวิต หลังจากที่เขาผ่าตัดให้สามีของคุณเสร็จไม่นาน เขาก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร หลังจากนั้นไม่นานผมเองก็กลับมาที่นี่ ”
ในตอนท้ายที่เขาพูด เห็นได้อย่างชัดเจนว่าน้ำเสียงเขาสะอึกสะอื้น ซูหย่ายักคิ้ว เธอรู้ว่าคนคนหนึ่งคงไม่เอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่นแน่นอน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดขึ้นว่า ” ขอโทษด้วยนะคะ ”
อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอ ทำให้เธอกลายเป็นเหมือนนกที่ตื่นธนู พอเผชิญกับเรื่องนี้ก็เลยทำให้เธอคิดมากและคิดซับซ้อนจนเกินไป ไม่น่าล่ะเล่อจยาถึงได้บอกว่าเธอทำให้ชีวิตตัวเองวุ่นวายราวกับละครในวัง
ไป๋เสี่ยงเหิงมองหน้าเธอ ” ช่วงนี้สามีของคุณเป็นยังไงบ้าง? เขา……”
” เราหย่ากันแล้วค่ะ ” ซูหย่าพูดขัดจังหวะเขา และหยิบน้ำแร่ออกมาจากกระเป๋าจากนั้นก็ยกดื่ม
ดังนั้น เธอเลยพลาดที่จะเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจของไป๋เสี่ยงเหิง
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงบ หลังจากผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มก็พูดพึมพำกับตัวเอง ” เขามันโง่ ”
ซูหย่ายิ้ม หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้น ” งั้นไม่รบกวนคุณแล้วนะคะ เชิญคุณทำงานต่อเถอะค่ะ ” พอพูดจบเธอก็กำลังจะเดินออกไป
” เลี้ยงข้าวผมสักมื้อได้ไหมครับ? ”
ซูหย่าชะงักไป จากนั้นก็หันไปมองไป๋เสี่ยงเหิงด้วยความตกใจ ” ถ้าฉันได้ยินไม่ผิด คุณบอกว่าให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณงั้นเหรอคะ? ”
ไป๋เสี่ยงเหิงพยักหน้า ” ถ้าผมเป็นคนเลี้ยงข้าวคุณซู คุณซูก็คงจะไม่ยอมตอบตกลง แต่ ตอนนั้นผมเองก็เคยช่วยเหลือคุณซูนะครับ ให้คุณซูเลี้ยงข้าวผมสักมื้อคงไม่เป็นการรบกวนเกินไปใช่ไหมครับ? “ สรรพนามที่เขาเรียกเธอเปลี่ยนจาก ” คุณนายซู ” เป็น ” คุณซู ”
เมื่อมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า บนใบหน้าของซูหย่าก็มีรอยยิ้มที่หาได้ยากปรากฏขึ้น ” ก็ได้ อยากกินอะไรล่ะ ฉันเลี้ยง ”
ชายหนุ่มดีใจมากราวกับเด็กที่ได้อมยิ้ม เขาบอกกับเธอว่า ” รอผมสักครู่นะ ผมไปเปลี่ยนชุดก่อน ”
มองไปที่ภัตตาคารส่วนตัวตรงหน้า ซูหย่าก็ยกนิ้วโป้งให้ไป๋เสี่ยงเหิง สถานที่นี้ เธอรู้ดีว่าแค่มีเงินอย่างเดียวใช่ว่าจะมากินที่นี่ได้ ได้ยินมาว่าขนาดทำการจองไว้ล่วงหน้ายังต้องรอนานหลายเดือน เธอเคยมาทานอาหารที่นี่กับพี่ชายใหญ่หนึ่งครั้ง แต่ไป๋เสี่ยงเหิงแค่โทรศัพท์มาสายเดียว ก็จองสำเร็จแล้ว ทำให้เธอรู้สึกสนใจในตัวตนของเขามาก
” คุณรู้จักกับเจ้าของร้านเหรอ? ”
ไป๋เสี่ยงเหิงมองหน้าเธอแล้วพยักหน้า ” ไปกันเถอะ ”
เมื่อเดินเข้าไป พนักงานทุกคนก้มคำนับเขาด้วยความเคารพ และเรียกเขาว่า ” สวัสดีค่ะ เจ้านาย ”
ซูหย่าเอามือปิดปาก และดึงแขนไป๋เสี่ยงเหิงไว้ ” นี่……คุณเป็นคนเปิดร้านอาหารนี้เหรอ? ”
ในตอนแรกที่ไป๋เสี่ยงเหิงเปิดร้านแห่งนี้ เขาก็แค่รู้สึกน่าสนใจดี แต่พอเปิดไปได้หลายปี ร้านแห่งนี้ก็กลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงทางด้านอาหารระดับโลก แต่วันนี้ความตกใจของซูหย่ากลับทำให้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ เขายกยิ้มมุมปาก
” แค่ทำล่วงเวลาน่ะ ”
แค่ทำล่วงเวลาแต่กลับสามารถทำให้คนต่อคิวรอกันนานเป็นเดือน แล้วแบบนี้จะให้พวกที่ตั้งใจเปิดร้านอาหารที่เป็นมืออาชีพรู้สึกยังไง?
ซูหย่ากวาดสายตามองไปรอบๆ การตกแต่งของที่นี่ให้ความรู้สึกที่ดีมาก นำเอาความเป็นยุโรปและความเป็นจีนมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ไม่ทำให้คนที่มาเยือนรู้สึกหงุดหงิด ทันใดนั้น สายตาเธอก็ไปสะดุดเข้ากับสิ่งสิ่งหนึ่งจนไม่อาจละสายตาออกจากมันได้
มีชายและหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น ชายคนนั้นคือเซียวอู๋ ส่วนหญิงสาวคนนั้นคือมู่ซือ ผู้หญิงที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลานาน
เพราะว่าตำแหน่งที่นั่งตรงนั้นมันเป็นที่นั่งแบบเอียง ซูหย่าจึงเห็นเพียงหน้าด้านข้างของเซียวอู๋ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงสลัวเกินไปหรือว่าผิวเขานั้นเข้มขึ้น เขาสวมชุดสูทที่เป็นทางการมาก เขานั่งตรงข้ามมู่ซือ ส่วนมู่ซือนั้นสวมเสื้อคลุมสีดำ ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน แต่ไม่รู้ว่าคุยกันเรื่องอะไร รอยยิ้มอันสวยงามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซียวอู๋ ถึงระยะห่างจะไกลมาก แต่ซูหย่าก็สัมผัสได้ว่าเขาดีใจมาก
ไม่ได้เจอกันมานานครึ่งปี เธอเอาแต่คิดถึงเขาวันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า แต่กลับไม่กล้าติดต่อไปหาเขา ไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความหาเขา เพราะเธอกลัวว่าจะทำให้แผนการที่เขาวางไว้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เธอครุ่นคิดมานับครั้งไม่ถ้วนถึงฉากที่ทั้งคู่จะเจอกันอีกครั้ง ครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจจะเป็นฉากที่กอดกัน อาจจะเป็นฉากที่เล่าถึงความรักและความคิดถึงกัน แย่ที่สุดก็เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูกแบบธรรมดาทั่วไป…..
สุดท้ายล่ะ? หลังจากการได้ชัยชนะกลับมาคนแรกที่เขาคิดถึงกลับไม่ใช่ตัวเอง
จริงด้วย ทำไมเธอถึงได้ลืม เขาเคยบอกแล้วเขาไม่มีวันรักเธอ
เธอเชื่ออย่างหมดใจมาโดยตลอดว่าที่เขาพูดแบบนั้นเพราะต้องการให้เธออกจากชีวิตเขาเท่านั้น อย่างน้อยในใจเขาก็ต้องรู้สึกกับเธอบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ทุ่มเทและเสียสละไปมากมาย แต่ตอนนี้เธอพึ่งจะรู้ตัวว่าเธอคิดไปเองคนเดียวทั้งหมด
เธอเองก็พึ่งจะเข้าใจ เธอกำลังหลอกตัวเอง ส่วนเขานั้นคิดจริงจัง
และยิ่งไปกว่านั้นเธอเข้าใจแล้วว่าความรักไม่ได้ได้มาเพราะความทุ่มเทและความเสียสละเพียงอย่างเดียว
หางตาเธอร้อนผ่าน เธอก้มหน้าและละสายตาจากตรงนั้น
ไป๋เสี่ยงเหิงเหยียดแขนออก ” ไปด้านบนกันเถอะ ด้านบนเงียบสงบกว่า ”
ซูหย่าเอาแต่ก้มหน้า เธอรู้สึกหมดอารมณ์
” เขาหย่ากับเธอหลังจากที่ฟื้นคืนสภาวะปกติใช่ไหม? ” หลังจากนั่งลง ไป๋เสี่ยงเหิงก็ถามขึ้น
เธออยากจะบอกว่าเดิมทีเธอคิดว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ตอนนี้ เธอกลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างปิดกลั้นคอเธอไว้ ทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก
อาหารยังคงรสชาติเหมือนเดิม แต่ซูหย่ากลับทำเหมือนมันไร้รสชาติอย่างไรอย่างนั้น
ไป๋เสี่ยงเหิงมองเธออย่างอ่อนโยนและไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเพียงแนะนำเมนูอาหารให้เธอฟัง
” เธอลองชิมอันนี้ดู มันอาจจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น ”
ซูหย่าไม่เข้าใจ ทันทีที่เธอลองชิม เธอถึงกับเอามือปิดปาก ” นี่……นี่คืออะไรเนี่ย? ทำไมเผ็ดขนาดนี้? ”
” ผมให้พ่อครัวเติมมัสตาร์ดลงไปในนี้ด้วย พอกินเข้าไปจะได้ทำให้คนร้องไห้ พอร้องไห้แล้ว อารมณ์ก็จะดีขึ้นเอง ”
เมื่อคุณรู้สึกเศร้า อย่าเติมความหวานมันลงไปเด็ดขาด แต่ไป๋เสี่ยงเหิงก็ช่างไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้เลยจริงๆ
เมื่อเห็นหญิงสาวร้องไห้ฟูมฟาย ภายในใจของไป๋เสี่ยงเหิงรู้สึกอึดอัดมาก แต่เขายังคงเป็นสุภาพบุรุษและคอยยื่นทิชชูให้เธออย่างต่อเนื่อง
พอกินเสร็จ ร้องไห้เสร็จ ตอนที่ลงมาชั้นล่าง ที่นั่งตรงนั้นก็ว่างเปล่าแล้ว
หัวใจของซูหย่าดิ่งลงเล็กน้อย
เมื่อวานได้ยินเล่อจยาบอกว่า เขาทำการใหญ่สำเร็จแล้ว แค้นก็ได้ชำระแล้ว เธอยังเพ้อฝันอยู่เลยว่า เร็วๆนี้คงจะได้เจอกันแล้วใช่ไหม?
แต่สุดท้ายเขากลับเลือกมาฉลองกับคนอื่น
ซูหย่า เธอเป็นแค่อดีตภรรยาเขาแล้วจริงๆ เธอประเมินค่าตัวเองสูงไปนะ เธอพูดกับตัวเองแบบนั้น
แต่ เธอรู้สึกเจ็บปวดใจมาก ความเข้มแข็ง และความประนีประนอมของเธอทำไมกลับทำให้คนอื่นประสบความสำเร็จล่ะ?