แม่ตักซุปถ้วยหนึ่งส่งมาให้เธอ “ถึงได้บอกไง ว่าเมืองใหญ่นี้มีอะไรดี พูดถึงเพื่อนบ้าน นี่เราย้ายมาตั้งครึ่งปีแล้ว ยังไม่เจอหน้ากันเลย เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองa เพื่อนบ้านคนนั้น……”ทันใดนั้นแม่ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไป
การเคลื่อนไหวของมู่เฉียวที่กัดซาลาเปา ชะงักไปเล็กน้อย ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ ในเมืองbแห่งนี้ ไม่ว่าจะอยู่ดีกินดีแค่ไหน จะเป็นสวรรค์วิมานก็ไม่เหมือนอยู่บ้านตัวเอง พ่อกับแม่เป็นคนเมืองa อายุยิ่งมากก็ยิ่งคิดถึง
บางที เธออาจต้องพิจารณาที่จะกลับเมืองaแล้ว
“แล้วฤกษ์วันงานของมู่หลิงกับเซี่ยหยูกำหนดมาแล้วหรือยังคะ?”
พ่อเดินออกมาจากห้อง “เรื่องนี้ ตระกูลเซี่ยเป็นคนจัดการ เฮ้อ นี่ได้คู่ครองที่เหมาะสมกันอย่างกิ่งทองใบหยก ทั้งๆที่ลูกชายสู่ขอสะใภ้ แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนว่าแต่งลูกสาวออกไปเลย?”
มู่เฉียวตักซุปไปให้พ่อ ลุกขึ้น เก็บกระเป๋าให้มู่เสี่ยวโยว “พวกคุณทั้งสองคนสบายดีก็พอแล้ว ให้พ่อได้กลุ้มใจน้อยลง พ่อกลับไม่ดีใจ ยังจะบ่นอยู่อีก”พูดจบ ก็เดินเข้าห้อง
เห็นว่ามู่เสี่ยวโยวตื่นแล้ว กำลังสวมชุดกระโปรงสีขาวเมื่อคืน เธอขมวดคิ้ว “เสี่ยวโยว ไปโรงเรียน ใส่ชุดนี้ไม่ได้ เวลาเข้าห้องน้ำจะไม่สะดวก”
มู่เสี่ยวโยวกอดชุดนั้นไว้ “แม่คะ หนูใส่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว นะคะ?”
มู่เฉียวแตะปลายจมูกที่เล็กกระทัดรัดของเธอ “เสี่ยวโยวของเรารักสวยรักงามแล้วเหรอ?”
พูดไป ก็ขยี้ผมเธอ
“แม่ หนูไม่ได้รักสวยรักงาม หนูแค่อยากให้เพื่อนเห็น ว่านี่เป็นของขวัญที่พ่อส่งมาให้จากบนฟ้า”
หัวของมู่เฉียว นิ่งไปเล็กน้อย “เสี่ยวโยว…..”
“แม่ ใส่แค่ครั้งเดียว ได้ไหมคะ? หนูจะไม่ทำมันสกปรกแน่นอน นี่เป็นชุดที่พ่อซื้อให้”
เมื่อเห็นแววตาที่อ้อนวอนของเธอ มู่เฉียวก็ไม่พูดอะไร
บางทีเธออาจประเมินความปรารถนาของลูกที่ต้องการพ่อต่ำเกินไป การหย่าร้าง ทั้งชายและหญิงสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่ กลับไม่สามารถหลีกเลี่ยงว่าเป็นการทำร้ายลูก เธอสามารถเพิ่งความขยันของเธอให้ของทุกชิ้นที่เธอต้องการกับเธอได้ แต่กลับไม่สามารถให้ความรักของพ่อได้
พอถึงโรงเรียน เธอเรียกครูสองคนออกไปนอกห้อง อธิบายสถานการณ์นี้กับครู
อย่างไรก็ตามผู้ใหญ่ทุกคนเข้าใจดี ว่าสวรรค์ หมายถึงอะไร?
“คุณแม่เสี่ยวโยว ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าที่จริงแล้วพ่อของเสี่ยวโยว….. ครั้งที่แล้วพูดถึงเรื่องฉันรักพ่อ ฉันยังให้เสี่ยวโยวบรรยายลักษณะพ่อของเธอ”พูดถึงตรงนี้ ครูท่านหนึ่งก้มหน้าลง รู้สึกอึดอัด
มู่เฉียวเม้มปาก “แล้วเธอ ตอบว่ายังไง?” จู่ๆเธอก็อยากรู้ว่าในสายตาของมู่เสี่ยวโยว โม่หานจะเป็นคนยังไง?
ครูสูดหายใจเข้า แล้วตอบกลับ “เธอบอกว่า พ่อของเธอหล่อมาก เหมือนอุลตร้าแมน”
ตอนนั้นครูรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้กับคำตอบนี้ แต่พอตอนนี้มาคิดดูแล้ว ก็รู้สึกเศร้ามาก และอดไม่ได้ที่จะโค้งคำนับมู่เฉียว “ขอโทษจริงๆนะคะ ต่อไป ฉันจะระวัง เสี่ยวโยวเธอ……”
มู่เฉียวน้ำตาคลอแล้ว ทันใดนั้นเธอพูดขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ ที่จริงพ่อของเธอยังอยู่ เพียงแต่เราหย่ากันแล้ว” เธอหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญ แต่ในใจกลับหนักอึ้ง
พอถึงบริษัท ตู้เสี่ยวซินเห็นว่าอารมณ์เธอไม่ค่อยดี ก็เข้าไปถาม “นี่ใครมายั่วเทพธิดาของเรากัน?”
ตู้เสี่ยวซินมาทำงานที่บริษัทภายใต้การโน้มน้าวของมู่เฉียว หันเหความสนใจจากหลิวฮั่วแล้ว อาการหึงหวงก็เริ่มกลายเป็นปกติ
มู่เฉียวมองตู้เสี่ยวซิน “รอมู่หลิงแต่งงานแล้ว ฉันอยากพาเสี่ยวโยวกับพ่อแม่กลับเมืองa” ก่อนหน้านี้เธอมีความคิดแบบนี้ในใจเท่านั้น แต่ พอไปโรงเรียนของเสี่ยวโยว เธอจึงได้ตัดสินใจ
เธอตัดสินใจว่า หลังจากกลับเมืองa เธอจะให้เสี่ยวโยวเจอกับโม่หาน ไม่ว่าระหว่างพวกเธอจะเป็นยังไง แต่ลูกต้องการพ่อ มันเป็นความรับผิดชอบและภาระผูกพันของโม่หาน
ตู้เสี่ยวซินพูดอย่างตกใจ “มาๆ ขอเหตุผลหน่อย”
มู่เฉียวมองเธอ อ้าปากกำลังจะพูด
“เพราะโม่หานใช่ไหม ใช่ไหม?”
มู่เฉียวมองเธอ “อืม เพื่อเสี่ยวโยวและพ่อกับแม่ ใบไม้ที่ร่วงหล่นก็ควรหวนคืนสู่รากเหง้าไม่ใช่เหรอ?”
ตู้เสี่ยวซินนั่งลงบนโต๊ะทำงานของเธอโดยตรง เลื่อนโทรศัพท์ครั้งหนึ่ง และวางโทรศัพท์ไว้ข้างหน้ามู่เฉียว “เฉียวเอ๋อ เธอดูสิ ผู้ชายแบบนี้ เธอแน่ใจเหรอ ว่าเขาจะเป็นพ่อที่ดีได้ เธอไม่ได้ฟังที่หลิวฮั่วประเมินเขา เขาบอกว่าตอนนี้โม่หานอยู่เมืองa นั่นคือเพชฌฆาต มีหลายบริษัท และหลายคนที่ถูกระงับช่องทางทำมาหากินเพราะเขา เขาไม่มีหัวใจ เธอเฝ้ารอเขามาตั้งหลายปี แล้วเขาล่ะ? เคยถามถึงพวกเธอสองคนแม่ลูกไหม?”
มู่เฉียวไม่พูด สิ่งที่ตู้เสี่ยวซินพูดเป็นความจริง
“ฉันแค่อยากให้มู่เสี่ยวโยวรู้ว่าเขาเป็นใคร?”
“คนอื่นเขาอาจจะไม่รับก็ได้? สถานะตอนนี้ของเขา ผู้หญิงหยิ่งยโสที่อยู่เบื้องหลังพวกนั้น เรียงต่อแถวยาวเป็นมังกร เพียงแค่เขาชอบ มีเด็กแบบไหนที่จะคลอดออกมาไม่ได้? เขาไม่มีทางสนใจมู่เสี่ยวโยวหรอก”
ความเป็นจริงนั้นโหดร้าย แต่มันเป็นความจริงที่มู่เฉียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก็เหมือนกับที่บางครั้งสมองก็จะปรากฏให้เห็นภาพการกระทำเลวๆของผู้ชายคนนั้นที่เคยทำขึ้นมาให้เห็น
“เธอหาพ่อเลี้ยงสักคนให้มู่เสี่ยวโยวสิ เด็กคนนี้ยังเด็ก พอเวลานานเข้า มีความรู้สึกแล้ว เขาก็จะยอมรับได้เอง”
“เธอรู้อยู่แก่ใจ”
“เธอรู้อยู่แก่ใจ หรือเป็นเธอเองมู่เฉียวที่ไม่เคยลืมเขาเลยตั้งแต่แรก?เธอน่ะ เข้ากับคำว่าผู้ชายไม่เลว ผู้หญิงไม่รักจริงๆ โม่หานคนนี้ แย่มาก เธอ……”
มู่เฉียวไม่พูด พูดให้ถูก ก็คือพูดไม่ออก
งานแต่งของลูกสาวคนเล็กตระกูลเซี่ย เรียกความวุ่นวายที่เมืองbได้ไม่น้อย
ระหว่างนักธุรกิจ ต้องมีการติดต่อกันอยู่แล้ว
ตอนโม่หานซึ่งอยู่เมืองaที่ห่างไกลได้รับคำเชิญ สายตาก็นิ่งลง
“พี่คะ วันนั้น พี่เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉันได้ไหม?”จู่ๆเซี่ยหยูก็มาหามู่เฉียว
มู่เฉียวชอบเซี่ยหยูจากใจจริง ผู้หญิงคนนี้ ใสซื่อ ใจดี
เธอยิ้มบางๆ “อย่าพูดเหลวไหล ผู้หญิงที่หย่าร้างมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของคุณ คุณไม่กลัวจะโชคร้ายเหรอ”
เซี่ยหยูกลับขมวดคิ้ว “พี่ ฉันกับมู่หลิงใช้ชีวิตด้วยกัน ฉันไม่เคยเชื่อ พวกไสยศาสตร์ พี่เองก็ได้รับการศึกษาสูง ทำไมถึงได้เชื่อข้อบังคับพวกนี้กันนะ”
มู่เฉียวไม่มีเหตุผลขึ้นมาทันที
“คุณเป็นพี่สาวของมู่หลิง ก็เป็นพี่สาวของฉันด้วย ถ้าพี่ได้อยู่เป็นเพื่อนฉันตอนแต่งงาน ฉันกับมู่หลิงจะมีความสุขมาก”
เมื่อพูดถึงขนาดนี้ มู่เฉียวจะพูดอะไรได้อีก?
วันแต่งงาน มู่เฉียวตื่นแต่เช้า แต่งหน้าอยู่กับเซี่ยหยู ลองชุดออกงาน ปกติเซี่ยหยูจะเป็นคนที่พยายามทำตัวไม่โดดเด่น พอแต่งตัวแบบนี้ ก็สวยมากจนเทียบไม่ติด
“สายตาของน้องชายฉันไม่เลวจริงๆ” เธอพูด
เซี่ยหยูเขินอายเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น มู่หลิงก็ดูดีกว่า”
พูดตามตรง คนนอกพูดแต่ว่าลูกสาวคนเล็กตระกูลเซี่ย โง่เล็กน้อย สมองไม่ชัดเจน มีผู้ชายตั้งมากให้เธอเลือก กลับไปเลือกชายยากจนคนหนึ่ง แต่ว่า มีแต่มู่เฉียวที่เข้าใจ ว่าเธอเป็นคนที่ฉลาดที่สุด เธอแต่งให้มู่หลิง ก็คือแต่งให้กับความรัก
นึกถึงเมื่อคืนที่น้องชายของเธอตื่นเต้นจนไม่ได้นอนทั้งคืน เธอก็รู้ว่า เซี่ยหยูเลือกไม่ผิด
แต่ เธอกลับไม่รู้มาก่อนว่างานเลี้ยงครั้งนี้จะทำให้ชีวิตที่สงบของเธอ กลับมาวุ่นวายอีกครั้ง