“คุณมาได้อย่างไร?” โม่หานเอ่ยถาม
คุณนายโม่เห็นเช่นนั้นก็ลุกขึ้น เดินไปตรงหน้าประตู จูงมือของเหอเจี๋ย “เสี่ยวเจี๋ยมาแล้ว รีบเข้ามาสิ” หันกลับไปมองโม่หาน “ฉันให้เสี่ยวเจี๋ยมาเองแหละ”
โม่หานสีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดอะไร
เหอเจี๋ยเดินมาข้างเตียง อยากจะทักทายนายท่าน แต่ปรากฏว่าเขาหลับตาอยู่ไม่ได้มองเธอเลย ชั่วขณะก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“พ่อ เธอเป็นใคร?”
มู่เสี่ยวโยวชี้ไปที่เหอเจี๋ย แต่มองโม่หาน
ชั่วพริบตาทุกๆคนก็เงียบไป
สายตาเหอเจี๋ยมองอยู่ที่มู่เสี่ยวโยว เด็กคนนี้กับโม่หานหน้าตาคล้ายกันมากจริงๆ ดังนั้นแทบไม่ต้องสงสัยเลย เธอคือลูกของโม่หาน แต่เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ คุณนายโม่บอกกับตนเองว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของมู่เฉียวกับผู้ชายคนอื่น
เธอคิดว่ามันน่าตลก ความสัมพันธ์นี้ดีจริงๆเลย เธอยังไม่ทันได้แต่งงาน ก็จะต้องเป็นแม่เลี้ยงซะแล้วเหรอ?
“เธอคือคนที่กำลังจะแต่งงานกับพ่อของคุณ” คุณนายโม่พูดออกมา
โม่หานขมวดคิ้วทันที “แม่ ต่อหน้าเด็กตัวเล็กๆ คุณพูดสิ่งเหล่านี้ทำไม?”
จากนั้นเขาก็พูดกับเหอเจี๋ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณไปเถอะ ที่นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“คุณโกหก ฉันมีแม่ พ่อฉันจะไม่หาแม่เลี้ยงให้ฉันหรอก”
“ไม่เลว การตอบสนองค่อนข้างเร็ว” หานฉุนยืนอยู่ข้างหน้าต่างเลิกคิ้วพูด
โม่หานถลึงตาใส่เขา เขาก็กลอกตากลับ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
“โม่หาน……”
“คุณย่า คุณช่วยดูเสี่ยวโยวให้หน่อย ฉันจะออกไปคุยกับเธอ” พูดจบ ก็ลูบหัวเสี่ยวโยว มองเหอเจี๋ย “ออกไปกันเถอะ”
บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล
“เหอเจี๋ย เรายกเลิกการแต่งงานเถอะ มีเงื่อนไขอะไร ขอแค่คุณบอกมา” โม่หานพูดอย่างตรงไปตรงมา
เห็นได้ชัดว่าเหอเจี๋ยประหลาดใจเล็กน้อย เธอคิดอยู่แล้วว่าโม่หานจะต้องเอ่ยกับเธอเรื่องยกเลิกการแต่งงาน แต่ไม่คาดคิดว่า เขาจะเอ่ยออกมาในตอนนี้
“โม่หาน คุณได้ประโยชน์แล้วก็ถีบหัวส่งเหรอ?”
โม่หานหยิบบุหรี่ออกมาจุดหนึ่งมวน ระหว่างที่พ่นควันออกมา สีหน้าเขาก็ไม่ได้ผิดแปลกไปมากนัก “คุณไม่ยกเลิกก็ได้ รอให้ข่าวเสนอเรื่องเหล่านั้นของคุณออกมา แล้วพ่อของคุณบอกยกเลิกด้วยปากของตัวเอง ฉันก็ไม่ถือสาอะไร”
สีหน้าเหอเจี๋ยเปลี่ยนไปในทันที เธอบังคับให้ใจเย็นลง “คุณ……คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ โม่หาน นี่คุณคิดจะถีบหัวส่งเหรอ มันต่ำทรามเกินไปแล้วนะ”
ชายคนนั้นพิงอยู่กับราวจับ สองนิ้วคีบบุหรี่ ดีดขี้บุหรี่ออกเบาๆ แล้วจึงพูดว่า “เรื่องระหว่างคุณกับเทรนเนอร์คนนั้น ฉันคิดว่า พ่อคุณน่าจะสนใจที่จะฟังนะว่าไหม?”
พูดจบก็กดเบอร์โทรหาพ่อเหอต่อหน้าเหอเจี๋ย เหอเจี๋ยเห็นเช่นนั้น ก็ตะลีตะลานเดินเข้าไป แย่งโทรศัพท์จากในมือของโม่หาน แล้วกดวางสาย
โม่หานยิ้ม “ฉันยังคงมีความอดทนมากพอนะ คุณบอกยกเลิกงานหมั้นด้วยตัวเองซะ ถ้ารอให้ฉันพูดออกมา ฉันคิดว่าผลลัพธ์จะไม่เป็นที่น่าพอใจของคุณอย่างแน่นอน”
เหอเจี๋ยไหล่ตก ปิดหน้าของตนเอง “คุณรู้จักเขาได้อย่างไร?”
โม่หานยืนตัวตรง “เคยทำเรื่องไม่ดีไว้ อย่างไรเสียก็ต้องปรากฏขึ้นในสักวัน” พูดจบก็เดินไปที่ทางลงบันได
มองภาพด้านหลังของเขา จู่ๆเหอเจี๋ยก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอหลับตา แล้วถามว่า : “โม่หาน มันคือหลุมพรางแผนการของคุณใช่ไหม ใช่ไหม?”
โรคฮิสทีเรียของเธอ ทำให้โม่หานหยุดฝีเท้าลง เขาไม่ได้หันกลับไป เพียงแค่ตอบกลับอย่างเรียบๆว่า : “คุณเหอไม่ต้องขาดความมั่นใจขนาดนั้นก็ได้มั้ง? แค่เทรนเนอร์คนเดียวก็เท่านั้น คุณต้องเชื่อว่าตนเองยังมีต้นทุนอยู่”
เหอเจี๋ยถอดรองเท้าส้นสูงของตนเอง แล้วโยนไปที่ทางลงบันได จากนั้นคนก็ยังลงกับพื้น ดึงผมตนเองอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อโม่หานกำลังเดินมาที่ห้องผู้ป่วย จากหางตาก็เห็นเงาคนคนหนึ่งเดินขึ้นบันไดไป
เขาจับราวบันไดแล้วมองไป ก็เห็นชายคนนั้นสวมหมวกแก๊ปเดินไปที่ชั้นสองของแผนกโรคมะเร็ง
เขาขมวดคิ้ว
“คุณสามารถโล่งอกได้ทันทีเลยเหรอ?” น้ำเสียงของหานฉุนดังเข้ามาจากด้านหลัง บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา สายตาของเขาก็มองลงไปชั้นล่างเหมือนกัน
“หมายความว่าอะไร?”
หานฉุนร้องเชอะอย่างเย็นชา สายตาลึกลับ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา “ไปเถอะ เด็กคนนั้นรอคุณแล้วล่ะ!”
เมื่อพวกเขากลับมา นายท่านโม่ก็หลับไปแล้ว
มู่เสี่ยวโยวเห็นโม่หานกลับมา ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “พ่อ”
“คุณย่า….คุณปู่เขา….”
“เพิ่งหลับไป”
โม่หานถอนหายใจโล่งอก
“เอาลูกกลับไปเถอะ ดึกแล้ว อากาศที่โรงพยาบาลก็ไม่ดี”
มู่เฉียวเดินเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ด้านนอก จนกระทั่งมาถึงทางเข้าโรงพยาบาล ร่างกายของนายท่านโม่ไม่ดี ถึงแม้เธอจะไม่ได้ถามมาก แต่ในใจก็กระวนกระวายไม่น้อย แล้วก็สงสารโม่หาน นี้เป็นความทุกข์ยากซ้ำซ้อนที่ต้องเผชิญจริงๆ เรื่องราวมากมาย ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน เธอเป็นห่วงเขา
เมื่อเห็นโม่หานจูงมู่เสี่ยวโยวออกมา เธอจึงเดินเข้าไปหา
“แม่”
มู่เฉียวพยักหน้า เห็นเสี่ยวโยวขอบตาแดงๆ เธอจึงเม้มปากเล็กน้อย มองโม่หาน “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
โม่หานพยักหน้า “ไปกันเถอะ ฉันจะไปส่งพวกคุณ”
“นี่ที่ ไม่ต้องการคนอยู่เหรอ?”
“ส่งพวกคุณกลับไปก่อน ดึกๆฉันค่อยเข้ามา”
“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก ดึกขนาดนี้แล้ว อย่าให้ตนเองเหนื่อยเกินไปเลย คุณเข้าไปเถอะ ฉันกับเสี่ยวโยวนั่งรถกลับเองได้”
มู่เฉียวยังไม่ทันพูดจบ โม่หานก็ก้มตัวลง อุ้มเสี่ยวโยวขึ้นมามือเดียว แล้วยื่นอีกมือหนึ่งไปจูงเธอ
เข้าไปนั่งเบาะด้านหลังกับมู่เสี่ยวโยวแล้ว โม่หานจึงออกรถ
เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งทาง มู่เสี่ยวโยวก็หลับไปแล้ว โม่หานถอดเสื้อสูทของตัวเองออกแล้วส่งให้มู่เฉียว “คลุมให้เธอหน่อย” แล้วก็ปรับอุณหภูมิในรถให้สูงขึ้น
“โม่หาน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
พอดีติดไฟแดง โม่หานจึงหันมามองมู่เฉียว “ไม่เป็นไร บางที ทุกอย่างก็อาจจะใกล้จบลงแล้ว”
“เขา หาตัวเจอแล้วเหรอ?” มู่เฉียวแปลกใจ
“ไม่ต้องหา ก็คงไม่ต่างกันหรอก”
มู่เฉียวมองโม่หาน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา แต่ในเมื่อ เขาไม่พูด เธอก็ไม่อยากถาม เพียงแต่สีหน้าของเขาดูแย่มาก พูดตามเหตุผลแล้ว ถ้าใกล้จบสิ้นแล้วจริงๆ เวลานี้ เขาก็ควรจะโล่งอกสิ
เธอยืนมือออกมาจากที่นั่งด้านหลัง กุมมือของโม่หาน “โม่หาน พวกเราอยู่ข้างๆคุณตลอดนะ”
“อื้ม”
หลังจากรถจอดดีแล้ว โม่หานก็เปิดประตูให้เธอ อุ้มมู่เสี่ยวโยวจากในอ้อมกอดเธอ
จากนั้น ก็เดินไปยังลิฟต์
พอถึงหน้าประตู โม่หานก็อุ้มมู่เสี่ยวโยวเจ้าไปในห้องของเขา วางลงบนเตียงเบาๆ ถอดรองเท้าและเสื้อคลุมกันหนาวให้เธอ ปฏิบัติอย่างอ่อนโยน
มู่เฉียวไม่คัดค้าน พิงที่ประตู มองโม่หาน
โม่หานที่เป็นแบบนี้ ดูไม่คุ้นเคย แต่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก
หลังจากห่มผ้าให้มู่เสี่ยวโยวเสร็จแล้ว โม่หานจึงเดินไปข้างๆเธอ โอบกอดมู่เฉียว ก้มลงเล็กน้อย แล้วจูบที่บนหน้าผากของเธอ “ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้คุณเป็นห่วงมาโดยตลอด”
มู่เฉียวส่ายหน้า “ที่โรงพยาบาลมีหานฉุนและพวกเขาอยู่ คุณไปอาบน้ำด้านในก่อนสิ ฉันจะทำอะไรให้คุณทานสักหน่อย”
“ทาน?” โม่หานขมวดคิ้ว แล้วจึงพบว่าห้องที่เดิมทียุ่งเหยิง ถูกจัดให้เป็นระเบียบแล้ว
“คุณมาทำความสะอาดเหรอ?”
“จะใครล่ะ?” มู่เฉียวดันเขาออก “รีบไปอาบน้ำเถอะ”