“เธอว่าประธานโม่อายุตั้งสามสิบกว่าแล้ว ทำไมถึงยังหล่อขนาดนี้?”
“มองให้น้อยๆหน่อย มองคนที่สุดยอดแบบนี้ แฟนตัวเองคงดูไม่ได้แล้ว”
“แต่ น่าตาดีจริงๆ ถ้าฉันสามารถแต่งให้กับคนแบบนี้ได้ ฉันเดาว่าคงเสียดายเวลานอนมากแน่ๆ ฉันต้องลืมตาโตๆมองเขาทุกวัน”
มู่เฉียวขมวดคิ้ว ต้องขนาดนั้นไหม? ถ้าพูดแบบนี้ ที่เธอนอนก่อนผู้ชายคนนั้นทุกวัน ก็เป็นความผิดของตัวเองเหรอ?
“พอได้แล้วมั้ง? ผู้ชายแบบนี้ ยังหวังจะแต่ง แค่ให้เขาหันมานอนกับเธอสักคืน เธอคงจะต้องสะสมบุญมาหลายชาติ”
ริมฝีปากแดงของมู่เฉียวเม้มเป็นเส้นตรง นี่เธอสะสมบุญมากี่ชาติแล้วนะ?
…….
ในลิฟต์ ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังซุบซิบ ในใจของมู่เฉียวรู้สึกครบทุกอย่าง เสน่ห์ของโม่หานนี่นะ……มันมากเกินไปหรือเปล่า?
ตอนนี้เอง มือถือแจ้งเตือนเสียงวีแชต
เธอเปิดอ่าน
“กระโปรงสั้นเกินไป ทิ้งซะ”
มู่เฉียวขมวดคิ้ว รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ ที่แท้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นเธอ เพียงแต่ แกล้งทำเป็นไม่เห็น
เดิมทีเตรียมจะตอบกลับข้อความโม่หาน ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในลิฟต์ มู่เฉียวจึงลืมไป
เพราะคนคนนี้ มู่เฉียวเคยเห็นมาก่อน
ในอัลบั้มภาพของโม่หาน ผู้หญิงคนเดียวที่มีรูปถ่ายคู่กับเขา
เพราะสวยมาก จนทำให้คนยากที่จะลืม
“สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการหลิน”
หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดทำงาน แต่กลับเผยให้เห็นหุ่นส่วนเว้าโค้ง กระดูกไหปลาร้าที่เซ็กซี่ ใบหน้ารูปไข่ หน้าตาดีมากๆ ความสวยของมู่เฉียว ออกไปทางหวานๆ แต่ผู้หญิงคนนี้ กลับดูเย็นชาเย่อหยิ่ง เธอพยักหน้าเล็กน้อยให้กับคนที่พูดทักทาย ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็เดินออกไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
“หลินซาน นักออกแบบเครื่องประดับ เห็นบอกว่า เป็นเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กกับประธานโม่ของเรา”
หลังจากผู้หญิงคนนั้นออกไป คนที่ยืนอยู่ข้างหลังมู่เฉียวก็เริ่มซุบซิบขึ้นมาอีกครั้ง
เพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก? มู่เฉียวสูดหายใจเข้า ทำไมโม่หานถึงได้มีเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กเยอะนักนะ?
อาจเป็นเพราะเรื่องของมู่หยิง พอได้ยินคำนี้ เธอก็ปวดหัวขึ้นมา
พอถึงออฟฟิศ เดิมทีเธอคิดว่าตัวเองสงบลงมากแล้ว แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเปิดไป่ตู้ขึ้นมา เสิร์ชหาคำว่าหลินซาน
นักออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เคยได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย เคยออกแบบเครื่องประดับให้กับคนดังหลายคน…..
ข้างหลังคำชมมากมาย เขียนไว้ว่า ในเดือนมีนาคมของปีนี้ เธอได้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบเครื่องประดับภายใต้ MYกรุ๊ป
เดือนมีนา ถ้าอย่างนั้นก็เดือนนี้?
เธอขมวดคิ้ว
“พี่เสี่ยวเฉียว พี่รู้จักหลินซานเหรอ?”
เสียงของเสี่ยวโหรวดังขึ้นข้างหูมู่เฉียว ความสนใจทั้งหมดของมู่เฉียวอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอถึงได้สะดุ้งตกใจกับเสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้น
“ฉันได้ยินเพื่อนสาวๆพูดว่า ที่หลินซานคนนี้ยอมมาทำงานที่MYกรุ๊ป ก็เพราะจะมาตามจีบประธานโม่”
มู่เฉียวมองเธอ “เพื่อนสาวๆของเธอ?”
“ใช่ เพื่อนสนิทของฉัน อยู่แผนกออกแบบที่นี่”
“ทำไมถึงไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเลย?”มู่เฉียวตกใจเล็กน้อย
เสี่ยวโหรวจับหัวตัวเอง “ฉันเห็นว่าพี่เสี่ยวเฉียวไม่ชอบซุบซิบเรื่องของคนอื่น เพราะฉะนั้น ก็เลยไม่ค่อยกล้าพูดถึงเธอต่อหน้าพี่”
นี่ถือเป็นเรื่องจริง มู่เฉียวไม่เคยชอบไปยุ่งเรื่องซุบซิบที่น่าเบื่อของผู้หญิง
มู่เฉียวพยักหน้า ปิดหน้าต่างเว็บ
“พี่เสี่ยวเฉียว พี่อ่านเรื่องเธอทำไม?”
มู่เฉียวยกยิ้ม แสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีอะไร เมื่อกี้เจอในลิฟต์ เห็นว่าดูสวยมาก ได้ยินคนพูดขึ้น ก็เลยสงสัย”
เสี่ยวโหรวท่าทางเข้าใจชัดเจน “สวยมากเหรอ? แต่ฉันคิดว่าพี่เสี่ยวเฉียวสวยกว่า เธอเย็นชาเกินไป”
มู่เฉียวยิ้ม
“แต่ เธออายุ32แล้ว ยังไม่แต่งงาน คาดว่ามาเพราะประธานโม่จริงๆ เย็นชากันทั้งสองคน ดูเหมาะสมดีนะ”
เหมาะสม? ไม่กลัวจะกลายเป็นน้ำแข็งหรือไง? อีกอย่าง โม่หานเย็นชาเหรอ? เธอไม่รู้สึกนี่!
จีบโม่หาน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแต่งงานใหม่นะสิ?
ตอนพักเที่ยง โม่หานโทรเข้ามา
“ลงมาข้างล่าง ไปร้านอาหารทะเลตรงข้าม ผมรอคุณอยู่ห้องอาหาร222”
มู่เฉียวลังเลอยู่พักหนึ่ง “แค่เราสองคนเหรอ?”
“คุณยังอยากให้มีคนมาเป็นก้างขวางคออีกสักกี่คน?”
“โอเค!”วางสายไป เธอก็คิดถึงคำพูดของเสี่ยวโหรวที่ว่าเย็นชาอีกครั้ง “เหอะๆ”
พอถึงตึกตรงข้าม ร้านอาหารทะเลดูไม่ใหญ่โต เมื่อเดินเข้าไปข้างใน กลับใหญ่โตจนน่าตกใจ ในใจกลางเมือง ที่ดินที่เป็นวิ่งราวทรัพย์ทองแบบนี้ ร้านอาหารใหญ่โตขนาดนี้ สามารถคิดออกเลยว่าการเงินที่อยู่เบื้องหลังต้องมากขนาดไหน
“คุณหนูมู่ใช่ไหมคะ เชิญทางนี้ค่ะ”
มู่เฉียวก้มหน้ามองดูตัวเอง เมื่อเห็นป้ายชื่องานที่อยู่ตรงอก เธอจึงเข้าใจ
เปิดประตูห้องอาหาร ข้างในไม่มีคน ก็ปิดประตู ชายหนุ่มโอบเอวเธอจากด้านหลัง “คุณภรรยา”
มู่เฉียวรู้สึกเพียงว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ทั้งๆที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงใจสั่น
เธอเม้มปาก “ทำไมจู่ๆถึงเรียกฉันออกมากินข้าว?”
ชายหนุ่มหอมแก้มเธอ “ไถ่โทษ!”
มู่เฉียวยิ้มบางๆ แต่กลับพบว่ามือของชายหนุ่มกำลังลูบขึ้นมาจากกระโปรงช้าๆ เธอขมวดคิ้ว ผลักเขาออก“คุณบ้าไปแล้ว”
“แกร๊ก” มู่เฉียวได้ยินเสียงล็อคประตู
ชายหนุ่มรูดซิบข้างกระโปรงของเธอออก หยิบกางเกงตัวหนึ่งบนเก้าอี้ขึ้นมา “เปลี่ยนไปใส่ตัวนี้”
“คุณ……”มู่เฉียวหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
“พนักงานหญิงในบริษัทของคุณ มีคนไหนไม่ใส่แบบนี้บ้าง ทำไมพอเป็นฉัน ถึงไม่ได้ล่ะ?”
โม่หานไม่สนใจเธอ กดเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้ นั่งยองๆตรงหน้าเธอ ถอดส้นสูงให้เธอ
“เดี๋ยวฉันทำเอง……”เธอทนรับความโปรดปรานของประธานโม่แบบนี้ไม่ไหว
มู่เฉียวเปลี่ยนกางเกงไปด้วยบ่นไปด้วย “ไม่เข้าใจจริงๆ ดอกท้อเน่าของตัวเองล่ะมีอย่างต่อเนื่อง แล้วมาควบคุมคนอื่น ทีตัวเองยังทำได้ แต่ไม่ให้คนอื่นทำบ้าง”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เข้าใกล้เธอ ยิ้ม “คุณกำลังพูดอะไรนะ?”
มู่เฉียวดึงกางเกงขึ้น แต่กลับเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจ้องช่วง-ล่างของตัวเอง หน้าแดงขึ้น “คุณ……คุณโรคจิต มองตรงไหนอยู่น่ะ?”
อาหารมื้อนี้ เหมือนชายหนุ่มจะไถ่โทษจริงๆ กินอาหารทะเล ปลอกกุ้ง แกะเปลือกให้ต่างๆนาๆ มู่เฉียวไม่ได้ทำอะไรเลย
ความหวานแบบนี้ทำให้เธอลืมผู้หญิงที่ชื่อหลินซานคนนั้นไป
“คุณเอากางเกงมาจากไหน?”
“ให้คนไปซื้อมา”ชายหนุ่มตอบกลับอย่างธรรมดา
“ฉันไม่เห็นว่าคุณมองฉันนี่?”
“มองก่อนที่คุณจะมองผม”
มู่เฉียวเม้มปาก ในสายตามีแต่รอยยิ้ม
หลังจากกินเสร็จ ชายหนุ่มวางตะเกียบลง และจู่ๆก็พูดอะไรบางอย่างที่มู่เฉียวนึกไม่ถึง