เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง – ตอนที่ 21 : จับมันไปให้หมด!

ตอนที่ 21 : จับมันไปให้หมด!

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินเสียงที่ฟังดูคุ้นเคย พวกเขาก็หยุดชะงักลงทันที

เมื่อพวกเขาก็หันไปมองแล้วก็เห็นโจวเฉิงจุน ผู้จัดการทั่วไปที่มักจะนั่งอยู่ด้านบนสุดของการประชุม กำลังเดินกะเผลกๆเข้ามาอยู่

เซินเหว่ยไม่ได้คิดไว้ว่าโจวเฉิงจุนจะกลับมาถึงตอนนี้ เขาเริ่มรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีอยู่ในใจและรีบกล่าวทัก”คุณโจว เกิดอะไรขึ้นกับคุณ นั่งลงและพักให้ใจเย็นๆก่อน”

โจวเฉิงจุนไม่ได้สนใจที่เซินเหว่ยพูดเลย เขารีบเดินไปข้างหน้าและถามอย่างระมัดระวัง”ขอโทษนะครับ… คุณคือ คุณหลินฟาน ใช่ไหม”

หลินฟานเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีที่ดูผ่อนคลายและพูดอย่างไม่แยแส “ใช่ ฉันเอง”

โจวเฉิงจุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ของหลินฟาน

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกดูถูกแต่อย่างไร

ตรงกันข้าม เขาจ้องมองไปที่หลินฟานด้วยความเคารพมากขึ้น

โจวเฉิงจุนกล่าวว่า ชายหนุ่มวัย 20 ปีคนนี้นั้นถือหุ้นของหยินซานกรุ๊ปถึง 51%

โจวเฉิงคาดเดาไม่ออกเลยว่าเบื้องหลังของหลินจะต้องเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลขนาดใหน

โจวเฉิงจุนก้มหน้าเก้าสิบองศาแล้วพูดอย่างสุภาพ“คุณหลิน ผมต้องขอโทษอย่างยิ่ง ผมผิดเองที่ทำการอบรมพนักงานได้ไม่ดีพอ เลยสร้างปัญหาให้กับคุณ…”

เมื่อเซินเหว่ยเห็นสิ่งนี้ ลางสังหรณ์ที่น่ากลัวในใจของเขาก็เริ่มชัดเจนขึ้น

เขาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “คุณโจวเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า ชายหนุ่มคนนี้พึ่งได้สร้างปัญหาในห้างสรรพสินค้าของเรา แถมยังทำร้ายลูกสาวของประธานบริษัทขนมเจียซิง และต้องสงสัยว่าขโมยของอะไรบางอย่างด้วย…”

เซินเหว่ยไม่ได้คิดอะไรมาก

เพราะบริษัทขนมเจียซิง เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าหยินซาน

โจวเฉิงจุนจะต้องคิดอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม…

เมื่อโจวเฉิงได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเขาก็ลุกเป็นไฟ

โจวเฉิงจุนหันหน้ากลับมาอย่างฉับพลันและพูดอย่างเย็นชา “พวกนายไม่รู้หรือไง นี่คือคุณหลินที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของหยินซานกรุ๊ปของพวกเรา! ?”

ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ออกมา เซินเหว่ยก็ถึงกับหยุดนิ่งอยู่กับที่

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของหยินซานกรุ๊ป!

เขารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร!

คนใหญ่คนโตที่เขาไม่สามารถแตะต้องได้!

ถ้าได้เป็นผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าหยินซาน งานที่ทำก็จะสบายขึ้นและมีรายได้ที่สูง

แต่ตอนนี้เซินเหว่ย คงไม่ได้ไปคุยโวเรื่องนี้ต่อหน้าญาติและเพื่อนฝูงของเขาอีกแล้ว

ตอนนี้ฉันรู้สึกกลัวว่า… มันคงจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว!

หัวใจของเซินเหว่ย เกิดความรู้สึกเสียใจข้างในอย่างไม่จบไม่สิ้น

“ตึก ตึก!”

ในขณะนั้น ตำรวจสามคนก็เดินเข้ามาจากระยะไกล

ในหมู่พวกเขา คนที่มีรูปร่างสูงและผอมเพรียวถามขึ้นมา “ใครเป็นคนโทรเรียกตำรวจ เกิดอะไรขึ้นที่นี่ครับ”

หลินเสี่ยวเหยา ไม่เคยคาดคิดว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะเปลี่ยนไปขนาดนี้

ผู้จัดการทั่วไปของห้างสรรพสินค้าหยินซาน ทำไมถึงเคารพพี่หลินฟานเป็นอย่างมากขนาดนั้น และทำไมถึงพูดว่าพี่ชายของตนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของหยินซานกรุ๊ป

หลินเสี่ยวเหยาที่กำลังมึนงงกับเรื่องของหลินฟาน จึงไม่สามารถตอบคำถามของตำรวจได้

ผานเจิ้งหยาง หลังจากเห็นหวังต้าหมิง ดวงตาของเขาก็เกิดประกายเล็กน้อยและพูดอย่างตื่นเต้น “หวังต้าหมิง! นายมาอยู่ที่นี่พอดีเลย!”

จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หลินฟานและพูด “ไอ้ผู้ชายคนนี้ทำร้ายฉันโดยไม่มีเหตุผล รีบเข้าไปจับมันเร็ว!”

เมื่อผานเจิ้งหยางเห็นว่าเซินเหว่ยไม่สามารถจัดการกับหลินฟานได้

เขาจึงผิดหวังมาก แต่ก็ยังโชคดีที่หวังต้าหมิง ที่เป็นหนึ่งในตำรวจก็คือเพื่อนร่วมชั้นตอนมัธยมปลายของเขา

มันทำให้เขาเห็นความหวังในการจัดการสั่งสอนหลินฟานอีกครั้ง

ทันใดนั้นหลินเสี่ยวเหยาก็ได้ดึงสติกลับมาและรีบพูด “คุณลุงตำรวจ หนูเป็นคนเรียกตำรวจเอง! แล้วพี่ชายของหนูก็ไม่ได้ทำร้ายเขาโดยไม่มีเหตุผลนะ!”

“พวกเขาต่างหากที่ทำร้ายหนูก่อน พี่ชายของหนูแค่ต่อสู้เพื่อปกป้องหนูไว้”

หวังต้าหมิงมองไปในทิศทางที่ผานเจิ้งหยางชี้

วินาทีต่อมา รูม่านตาของหวังต้าหมิงก็หดลงทันที

นั่นคือเขา!

เป็นเขานั่นเอง!

เมื่อไม่กี่วันก่อน หวังต้าหมิงกับผู้กำกับและผู้นำระดับสูง และคนอื่นๆได้ไปเยี่ยมชมโรงพยาบาลกลางชิงเฉิง

แต่จู่ๆก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาผู้ว่าราชการจังหวัด

จากนั้นหัวหน้าก็ได้สั่งเลิกแผนการเยี่ยมชมโรงพยาบาลในทันที

หลังจากนั้น หวังต้าหมิงจึงได้รู้เรื่องจากผู้กำกับว่า ชายหนุ่มคนนี้คงไม่ใช่คนธรรมดา เพียงเพื่อรักษาอาการป่วยของญาติ ผู้ว่าการจังหวัดถึงกับให้ความช่วยเหลือเป็นการส่วนตัว

กระทั่งวันรุ่งขึ้น ผู้ว่าการจังหวัดก็ได้ไปเยี่ยมถึงห้องผู้ป่วยพร้อมกับพาหมอฝีมือดีเข้าไปด้วย

ผู้ยิ่งใหญ่!

ชายหนุ่มคนนี้เป็นตัวตนที่เขาไม่สามารถแตะต้องได้!

หวังต้าหมิง ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้เจอชายลึกลับเร็วถึงขนาดนี้!

ซุนเสี่ยวหงซึ่งที่หน้าบวมเหมือนหัวหมูก็ตะโกนว่า “ไปจับมันเร็วสิ! ฉันชื่อซุนเสี่ยวหง ลูกสาวของประธานบริษัทขนมเจียซิงเชียวนะ มันเป็นใครกันถึงกล้าตบหน้าฉัน”

“ถ้านายสามารถจับมันได้และสั่งสอนมัน ฉันจะขอให้พ่อมอบรางวัลแก่นายเป็นอย่างดี!”

ให้ฉัน…จับคนใหญ่คนโตที่แม้แต่ผู้ว่าการจังหวัดยังต้องคอยดูแลเอาใจใส่?

ใบหน้าของหวังต้าหมิงย่ำแย่ลง เขาดึงกุญแจมือออกมาและล็อคไปที่ข้อมือของซุนเสี่ยวหง

ผานเจิ้งหยางผงะและพูด “หวังต้าหมิง นายล็อคมือผิดคนแล้ว ทำไมนายถึงมาล็อคมือพี่สะใภ้ของนาย?”

“ไอ้เวรนั่นต่างหากที่ทำร้ายเรา แกควรจับไอสารเลวนั่นสิ!”

ไอ้สารเลว?

เขากล้าด่าชายคนนั้นว่า…ไอ้สารเลว?

เขากล้าดีได้ยังไง!

นอกจากนี้ เขายังมีหน้ามาพูดถึงเรื่องพี่สะใภ้?

นี่จะไม่เป็นการทำให้หลินฟานเข้าใจผิด คิดว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผานเจิ้งหยางเหรอ?

หวังต้าหมิง ตะโกนอย่างรวดเร็ว: “หุบปาก! ผานเจิ้งหยาง นายกำลังพูดเรื่องไรสาระอะไรอยู่?”

“หยุดแต่งเรื่องได้แล้ว เราเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นธรรมดาในสมัยเรียนมัธยมปลายเท่านั้น! แม้ว่านายจะเป็นเหมือนพี่ชายของฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถช่วยนายได้หรอก!”

“เพราะฉันคือตำรวจแห่งความยุติธรรม!”

หวังต้าหมิง ชี้ไปที่ หลินเสี่ยวเหยา และพูด “เด็กผู้หญิงคนนี้ก็บอกอยู่ว่าคุณทำร้ายเธอก่อนและพี่ชายของเธอก็แค่เข้ามาปกป้องเธอ! มันเป็นการป้องกันตัว!”

จากนั้น หวังต้าหมิงก็หันไปพูดอย่างจริงจังกับซุนเสี่ยวหง “สำหรับเธอ เธอเพิ่งถูกข้อหาว่าติดสินบนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เราจึงขอจับกุมคุณ”

ซุนเสี่ยวหงตื่นตระหนก “ฉัน…ฉันไม่…”

“ไม่อะไร ที่นี่มีกล้องเป็นหลักฐาน!” หลังจากหวังต้าหมิงพูดจบ เขาก็เตรียมที่จะเดินออกไปจากห้างสรรพสินค้าหยินซานพร้อมกับซุนเสี่ยวหง

ในเวลานี้ โจวเฉิงจุนซึ่งยืนอยู่ข้างตำรวจก็พูดขึ้นมา “คุณตำรวจ สวัสดีครับ ผมคือโจวเฉิงจุน ผู้จัดการทั่วไปของห้างสรรพสินค้าหยินซาน ผมมีบางอย่างจะรายงาน”

ขณะพูด โจวเฉิงจุนก็ชี้ไปที่เซินเหว่ยและกล่าวว่า “ผู้ชายนั้นชื่อเซินเหว่ย ผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าหยินซานของเราเอง”

“เขาใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขา ในการทำเงินจากบริษัทขนมเจียซิง และยังรับสินบนจำนวนมาก แถมยังนำผลิตภัณฑ์ปลอมที่มีคุณภาพต่ำๆของบริษัทขนมเจียซิงมาขายที่ห้างสรรพสินค้าหยินซานของเรา”

“ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังชักจูงกองรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าหยินซาน ให้กลายเป็นกองกำลังใต้ดินส่วนตัวของเขา และตอนนี้เซินเหว่ยยังคงวางกำลังคนล้อมรอบคุณหลิน ผู้สูงศักดิ์และต้องการที่จะใช้ความรุนแรงเพื่อข่มขู่ให้เขากลัวอีก”

หวังต้าหมิง คุ้นเคยกับเรื่องทุจริตและการติดสินบนมามากมาย

แถมเซินเหว่ยยังใช้ความรุนแรงและคิดที่จะข่มขู่คุณหลินฟานอีกดวย!

นี่มัน… ไม่ต้องปราณีกันแล้ว!

หวังต้าหมิงตะโกนเสียงดัง “ไอ้คนน่ารังเกียจ ไปจับเขามาด้วยอีกคน!”

“แกร๊ก!”

เซินเหว่ยถูกสวมกุญแจมือ ร่างกายของเขาเย็นเฉียบ ขาของเขาอ่อนแรงจนเข่าของเขาทรุดลงกับพื้น

เขารู้… มันจบแล้ว!

ในไม่ช้า เซินเหว่ย,ซุนเสี่ยวหงและรปภ ก็ถูกนำตัวไป

เหลือเพียงผานเจิ้งหยางที่ยังอยู่ที่เดิม เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

แม้ว่าผานเจิ้งหยางจะไม่ถูกจับกุมไปด้วย

แต่ความตื่นตระหนกของเขาก็ไม่น้อยไปกว่าใครอื่น

ทั้งซุนเสี่ยวหงและเซินเหว่ย พวกเขาถูกจับคุมไปเพราะตัวของเขา หากพบปัญหาด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของบริษัทขนมเจีบซิง ด้วยเหตุผลนี้ แสดงว่าชะตากรรมของพวกเขาเอง…

ผานเจิ้งหยาง แค่คิดก็สลาย

เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง

เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง

Status: Ongoing

นักข่าว: คุณใช้เวลานานแค่ไหนในการสร้างรายได้ 1 ล้านหยวน? หลินฟาน: [กระพริบตา]…. นักข่าวข้างถนน: ทำไมคุณถึงกระพริบตา? หลินฟาน: คุณไม่ได้ถามฉันเหรอว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะได้ 1 ล้าน?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท