แม่นางฉิน หากแม่นางไม่รังเกียจ กลุ่มทหารรับจ้างของเรายินดีจะเข้าร่วมเพื่อช่วยแม่นาง
ในระหว่างที่เหล่าพันธมิตรแห่งหน่วยพิทักษ์โฉมงามกำลังเคร่งเครียดหาทางแก้สถานการณ์อยู่นั้น ก็มีบุรุษผู้หนึ่งเดินมาเข้ามาพูดกับโฉมงามของพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
กลุ่มทหารรับจ้างของบุรุษผู้นี้มีชื่อว่า–กลุ่มทหารรับจ้างสลาตัน และเขาก็คือหัวหน้าของกลุ่มหทารรับจ้างนี้นามว่า–ขวงจ้าน กลุ่มทหารรับจ้างสลาตันเองก็เป็นกลุ่มทหารรับจ้างของเมืองเยว่กวางเช่นกัน แม้ว่าหลายปีนี้จะพัฒนาและก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็ยังคงถูกกดอยู่ใต้อำนาจบารมีของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ
พวกเขามักจะถูกกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจหาเรื่องกลั่นแกล้งและดูถูกเหยียดหยามอยู่บ่อยครั้ง ขวงจ้านผู้เป็นหัวหน้ามีนิสัยเถรตรง ยอมหักไม่ยอมงอ เมื่อคืนในงานเลี้ยงเขาเองก็ได้เห็นความกล้าหาญของฉินอวี้โม่ ‘เป็นสตรีบอบบางผู้หนึ่งแต่ไม่ยอมอ่อนข้อให้บุรุษจากขุมกำลังมากอำนาจ ช่างน่าเลื่อมใสโดยแท้’ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารู้สึกนับถือสตรีผู้นี้ไม่น้อย ยิ่งเมื่อได้ยินกติกาบัดซบของหลี่เปียวเมื่อครู่ เขาก็ทนไม่ได้จนต้องอาสาเข้าร่วมกับฝ่ายของนาง
ข้าจะรังเกียจท่านได้อย่างไร ท่านคงจะเป็นขวงจ้าน หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างสลาตันสินะ
เมื่อฉินอวี้โม่ได้ยินสิ่งที่บุรุษผู้รักความยุติธรรมผู้นี้กล่าว นางก็ตอบรับอย่างนอบน้อม น้ำใจดีงามของเขาน่าซาบซึ้งยิ่งนัก
หลายวันที่อยู่ภายในเมืองเยว่กวาง แม้จะอยู่แต่ภายในที่พัก แต่นางก็ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารของเมืองนี้มาไม่น้อย นั่นก็เพราะได้ยินเรื่องเล่าจากเหล่าผู้มาจิบน้ำชาและกินอาหารในห้องอาหารของโรงเตี๊ยม ฉะนั้นจึงไม่แปลกนักที่นางจะรู้จักกลุ่มทหารรับจ้างสลาตันเพราะเป็นหนึ่งในกลุ่มเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง อีกทั้งเหล่าชาวเมืองยังเล่าลือกันว่าผลงานของพวกเขาในเทศกาลอสูรล้อมเมืองครั้งนี้ก็น่าจับตามองไม่น้อย และการที่ได้พวกเขามาช่วยอีกแรงจึงถือเป็นเรื่องดี
ขวงจ้าน เจ้าแน่ใจแล้วรึที่จะออกหน้าต่อต้านกลุ่มหมาป่าปีศาจของข้า โดยเลือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อาราม แบบนี้?
ใบหน้าของหลี่เปียวมืดมนในทันที คิ้วยุ่งเหยิงของเขาขมวดแน่น เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ขวงจ้านก็อาสาเข้าร่วมกับฝ่ายตรงข้าม
‘จริงอยู่ว่า ขวงจ้านผู้นี้และกลุ่มทหารรับจ้างสลาตันของมันแสดงท่าทีแข็งขืน ไม่ยอมอ่อนข้อให้เขามาโดยตลอด แต่วันนี้คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะใจกล้าออกหน้าต่อต้านเขาซึ่งมีพันธมิตรเป็นถึงคนจากอารามอย่างโจ่งแจ้งได้ถึงเพียงนี้’
แม้ว่าถ้าหากเทียบกับกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจแล้ว กลุ่มทหารรับจ้างสลาตันจะดูเล็กกว่ามาก แต่ก็จะประมาทคนพวกนี้ไม่ได้ เพราะการที่มีพวกเขาเข้าไปร่วมก็ทำให้โอกาสชนะของฉินอวี้โม่เพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว
ด้วยเหตุนั้นหลี่เปียวจึงกล่าววาจาข่มขู่ออกไปทันที เขาหวังว่าเมื่อขวงจ้านได้ยินนามของอารามจะทำให้เขากลัวจนถอนตัวออกไป
เพ่ย! หลี่เปียว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าขู่ข้า?
ความโกรธแค้นที่มีต่อหลี่เปียวนั้นสุมอยู่ในใจของขวงจ้านมานานแล้ว วันนี้เมื่อได้โอกาสที่ดีที่จะได้หักหน้าหลี่เปียวบ้างเขาจึงไม่ลังเล
เจ้าคิดว่าทุกคนต้องกลัวพวกเจ้ารึไง พวกเราเป็นทหารรับจ้าง พวกเรามีเกียรติ พวกเราชื่นชมแม่นางฉินที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวผู้ใด ข้าไม่สนใจอารามหรืออะไรทั้งนั้น ต่อให้เป็นคนจากอารามถ้าทำเรื่องชั่วช้าข้าก็กล้าประณามได้
วาจาของขวงจ้านทำให้ใบหน้าของหลี่เปียวและลิ่วเยว่ถึงกับเปลี่ยนเป็นสีคล้ำเข้ม พวกเขาทั้งสองสำลักคำพูดจนเอ่ยสิ่งใดไม่ออก
ฮึ่ย! ตามใจเจ้า อยากเข้าร่วมก็เข้าร่วมไม่ต้องพูดมาก หลังจากนี้เจ้าก็เตรียมใจเอาไว้ด้วย!
หลี่เปียวกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าถมึงทึง
แม่นางฉิน แม้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างของเราจะเล็กและมีคนน้อย แต่เราเองก็อยากจะเข้าร่วมกับแม่นาง ไม่ทราบว่าข้าจะร่วมด้วยได้รึไม่?
บุรุษอีกคนก้าวออกมาและยิ้มให้ฉินอวี้โม่
จำนวนไม่ใช่ปัญหาเลย ท่านหัวหน้าอู๋เผย
ฉินอวี้โม่ยิ้มพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อทักทายและแสดงความขอบคุณต่ออีกฝ่าย
พวกเขาคือกลุ่มทหารรับจ้างระดับสามที่อยู่ในเมืองเยว่กวางที่มีชื่อว่า–กลุ่มทหารรับจ้างพเนจร กลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้เป็นเพียงกลุ่มทหารรับจ้างขนาดเล็กและยังตั้งขึ้นมาได้ไม่นาน อู๋เผยเป็นผู้นำของกลุ่ม เขาเป็นคนอัธยาศัยดีและน่าคบหา
ไม่อยากเชื่อว่าแม่นางฉินจะรู้จักข้าด้วย
เมื่อได้ยินฉินอวี้โม่เอ่ยชื่อตน อู๋เผยก็ตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก แท้จริงแล้วที่เขาตัดสินใจมาช่วยฉินอวี้โม่ก็เพราะชื่นชมในความกล้าหาญของนาง ยิ่งกว่านั้นกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจก็เป็นที่รังเกียจของคนในเมืองนี้ แต่การที่ฉินอวี้โม่รู้ชื่อเขานับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมากจริง ๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ในขณะเดียวกันก็คิดว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้เป็นคนที่น่าคบหาอย่างมาก
อู๋เผย เจ้าเองก็อยากจะเอาด้วยงั้นรึ?
สิ่งที่อู๋เผยกล่าวทำให้หลี่เปียวหน้ายุ่งขึ้นมาอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง เดิมทีเขาคิดว่าทุกคนในเมืองเยว่กวางที่รู้ถึงสถานะของลิ่วเยว่คงไม่กล้าคิดจะต่อต้านพวกเขา และถึงคนเหล่านั้นจะไม่ช่วยพวกเขาก็คงไม่ถึงขั้นไปเข้าร่วมกับฉินอวี้โม่เช่นนี้ เมื่อได้เห็นว่ากลุ่มทหารรับจ้างในเมืองเยว่กวางต่างก็เทไปเข้ากับฝ่ายตรงข้ามเขาก็ทำให้หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจตกตะลึงไม่น้อยเลย
อู๋เผยไม่สนใจคำพูดของหลี่เปียวและเพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง เขาไม่ต้องการจะสนทนากับอันธพาลเช่นนี้
หลังจากอู๋เผยประกาศเข้าร่วมกับฝ่ายของฉินอวี้โม่ กลุ่มทหารรับจ้างเล็ก ๆ อีกหลายกลุ่มก็ขอเข้าร่วมกับนางด้วยเช่นกัน ฉินอวี้โม่กล่าวขอบคุณพวกเขาทีละคนอย่างนอบน้อมและต้อนรับทุกคนเข้ากลุ่มอย่างยินดี
ทว่าก็ยังมีกลุ่มทหารรับจ้างอีกหลายกลุ่มที่รั้งรอดูสถานการณ์แต่เพียงภายนอกเท่านั้น พวกเขาไม่ได้รู้สึกชื่นชมสตรีงามแปลกหน้าผู้มาจากเมืองอื่น ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการจะเป็นศัตรูกับกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจและทำเรื่องล่วงเกินอารามด้วย
และเพื่อที่จะเอาใจคนของอารามก็ทำให้มีบางกลุ่มเลือกเข้าร่วมกับฝ่ายของลิ่วเยว่และหลี่เปียวด้วยเช่นกัน ซึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีกลุ่มจอมยุทธ์ที่ทรงพลังซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้อาวุโสแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรรวมอยู่ด้วย และผู้นำของกลุ่มนี้ก็คือบุรุษวัยกลางคนที่ออกหน้าช่วยลิ่วเยว่ในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้
และการที่กลุ่มยอดฝีมือที่ทรงพลังเช่นนั้นประกาศตัวเข้าร่วมกับฝ่ายลิ่วเยว่ก็ทำให้อีกหลายกลุ่มจอมยุทธ์ต้องกัดฟันกันเข้าร่วมด้วยในที่สุด พวกเขาคิดว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยผูกสัมพันธไมตรีกับคนของอารามได้… และในเมื่อขุมกำลังใหญ่ของเมืองยังเข้าร่วม พวกเขาก็ควรจะทำบ้าง อย่างน้อยที่สุดในอนาคตก็จะได้ไม่เป็นที่เพ่งเล็งว่าเฉยเมยต่อขุมกำลังอำนาจล้นฟ้าอย่างอาราม
ในที่สุดการประกาศจุดยืนแบ่งฝักฝ่ายกันในเทศกาลอสูรล้อมเมืองครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง ฝ่ายฉินอวี้โม่ที่แต่เดิมเสียเปรียบด้านจำนวนอย่างมหาศาลนั้น เวลานี้สถานการณ์ก็ดีขึ้นอย่างมหาศาลเช่นกัน หลังจากที่มีหลายกลุ่มจอมยุทธ์ขอเข้าร่วมด้วย ตอนนี้ ‘กลุ่มพันธมิตรอวี้โม่’ มีกำลังพลไม่ห่างชั้นกับฝ่ายของลิ่วเยว่จนดูน่าหวาดหวั่นอีกแล้ว
เมื่อเห็นจำนวนสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรอวี้โม่ หลี่เปียวและลิ่วเยว่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย การที่มียอดฝีมือจำนวนมากมายยอมแสดงตัวต่อต้านพวกเขาและเข้าร่วมกับสตรีอย่างฉินอวี้โม่เป็นสิ่งที่คนทั้งสองไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เอาล่ะ เรื่องสนุกกำลังจะเริ่มแล้ว!
เมื่อได้ยินเสียงที่ดัง *ครืน* อันกึกก้อง จากฝั่งของป่าแสงจันทร์ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินอวี้โม่