Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1794 วิธีตีที่ไม่เหมือนใคร

ตอนที่ 1794 วิธีตีที่ไม่เหมือนใคร

ตอนที่ 1794 วิธีตีที่ไม่เหมือนใคร
“เจ่าชู ระดับสาม! ผ่านการทดสอบ!”

“เจ่าเจา ระดับสี่! ผ่านการทดสอบ!”

เมื่อสิ้นเสียงของผู้ดูแลหงมันก็ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาในทันที

“เจ่าเจากลับไปถึงระดับสี่ได้ สมชื่อที่ถูกเรียกขานว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งนิกายคชสารมารจริงๆ”

“เทียบกันแล้วฮันยองของนิกายเมฆาสายฟ้านั้นมันช่างอ่อนแอนัก”

“ยอดอัจฉริยะที่นิกายเมฆาสายฟ้าส่งมาคราวนี้มันช่างอ่อนแอนัก!”

ความแค้นเคืองของนิกายระดับนภาสวรรค์นั้นมันย่อมมิใช่เรื่องปิดลับใดๆ

ทุกคนในที่นี้ต่างจากมานิกายระดับนภาสวรรค์ทั้งสิ้น เรื่องความสัมพันธ์ของนิกายเมฆาสายฟ้าและนิกายคชสารมารพวกเขาจึงต่างรู้ดีแก่ใจ

ฮันยองหน้าเสียอย่างมาก เขาคิดว่าอย่างมากเจ่าเจาก็น่าจะอยู่แค่ที่ยอดระดับสาม ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเจ่าเจาคนนี้กลับขึ้นไปถึงระดับสี่ได้

เช่นนี้แล้วความกดดันที่ตัวเขามีจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

มันไม่สำคัญว่าเขาจะแก้ยังไง แต่สุดท้ายหากเขาแพ้มันก็จะหมายความว่านิกายเมฆาสายฟ้านั้นต่ำต้อยกว่านิกายคชสารมาร

ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างยืนเคียงกันมาตลอด เพียงแค่ว่าช่วงหลายปีมานี้นิกายคชสารมารนั้นได้พัฒนาไปอย่างมากโข ทำให้มันเริ่มยิ่งใหญ่จนบดบังอำนาจของนิกายเมฆาสายฟ้าไป

นั่นทำให้ฮันยองยิ่งไม่อยากจะแพ้เข้าไปใหญ่

เจ่าเจาลงมาจากกลางอากาศและจงใจเดินผ่านหน้าฮันยองมาพร้อมคำถากถาง “ฮันยอง ข้าทำได้ถึงระดับสี่ ข้ารู้ดีว่าเจ้าคงไม่ยอมง่ายๆ เพราะฉะนั้นจงอย่าได้ต่ำกว่าระดับนี้ไปล่ะ!”

ฮันยองหน้าแดงขึ้นมาด้วยความโกรธ ปากอยากเถียงกลับในสมองกลับคิดคำเถียงใดๆ ไม่ออกเลย

เพราะต่อให้อวดอ้างตัวเองไปตอนนี้ หากถึงตาแล้วไม่สามารถทำได้จริงมันก็ย่อมเป็นเขาเองก็ต้องเสียหน้า

เวลานั้นเองที่เย่หยวนกลับพูดขึ้นแทน “เจ้าวางใจเถอะ เมื่อถึงตาพี่ฮันคนนี้ เขาจะได้ระดับสูงกว่าเจ้าและไม่มีทางต่ำตมไปกว่าเจ้าได้แน่”

สามพี่น้องเจ่าและฮันยองนั้นเป็นศัตรูแค้นกันมานาน เขาแค่คิดลงมาหาเรื่องศัตรูเก่าแก่ ไม่นึกไม่ฝันว่าข้างๆ ฮันยองจะมีเย่หยวนอยู่ด้วย

ได้ยินคำพูดนั้นของเย่หยวนเจ่าเจาก็หน้าถอดสีลงทันทีด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

“หึ! ค-แค่คนอย่างมันน่ะหรือ? หรือว่าข้าจะยังไม่รู้ถึงความสามารถของมันอีก?” เจ่าเจายืนคอตอบกลับมาด้วยท่าทางฝืนๆ

เขานั้นเกรงกลัวเย่หยวน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวฮันยอง

เพราะพวกเขาสู้กันมาเกือบครึ่งชีวิต มีหรือที่เขาจะยังไม่รู้ถึงฝีมือของฮันยอง?

เย่หยวนตอบกลับไป “สิ่งที่ยอดกลองจรัสทดสอบนั้นคือความเป็นไปได้หาใช่พลังฝีมือ ตอนนี้เจ้ามีพลังฝีมือที่เหนือกว่าเขาจริง แต่มันไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าตัวเขา”

เมื่อเจ่าเจาได้ยินเขาก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน “แค่มันเนี่ยนะ? หากมันก้าวผ่านข้าไปได้จริงข้าจะมุดหัวให้มันเตะเล่นเป็นลูกบอลเลย!”

เย่หยวนยิ้มตอบ “ไม่ต้องหรอก หากเขาก้าวข้ามเจ้าไปได้เจ้าไปตะโกนต่อหน้าผู้คนว่านิกายคชสารมารมันขยะสามครั้ง! เจ้ากล้าเดิมพันไหม?”

เมื่อเจ่าเจาได้ยินคำของเย่หยวนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อขึ้นทันที

นี่คือการเดิมพันด้วยชื่อเสียงของนิกาย มิใช่เรื่องที่เขาจะเอามาล้อเล่นได้

เมื่อเย่หยวนเห็นท่าทางนั้นเขาก็บอกออกมา “ดูท่าเจ้าจะไม่ได้มั่นใจขนาดนั้นนะ ฉะนั้นเวลาคนยังไม่ทันยได้ขึ้นสนามก็อย่าเพิ่งมาอวดอ้างตัว คนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้ามันมีอีกมากมายก่ายกอง!”

เมื่อเห็นเย่หยวนหยุดเจ่าเจาไว้ด้วยคำพูดเหล่านั้น ฮันยองก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาตาม

เขาย่อมรู้ดีว่าตัวเองไม่อาจจะเทียบเคียงเจ่าเจาได้ แต่การทำให้อีกฝ่ายอึดอัดได้เช่นนั้นมันก็ทำให้เขาดีใจมากพอแล้ว

เจ่าเจายิ้มตอบกลับมา “เจ้ายั่วข้า? คิดว่าข้าจะตกหลุมพรางง่ายๆ ขนาดนั้นเลย?”

เย่หยวนยิ้มตอบ “ไม่ว่าข้าจะยั่วใดๆ หรือไม่ เจ้ามันก็เป็นได้แค่ไอ้ขยะแสนขี้ขลาด! เจ้าไม่กล้าที่จะรับคำท้าเพราะเจ้าไม่มีความมั่นใจล่ะมั้ง? เอางี้ไหม ข้าขอท้า หากตัวข้าแพ้ให้แก่เจ้าข้าจะยอมฆ่าตัวตายต่อหน้าเทือกเขาเงาจันทร์นี้เลย! เจ้าว่ายังไง กล้าไหม?”

เจ่าเจาได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา แน่นอนสิว่าเจ้าต้องกล้าท้า!

มีหรือที่ยอดอัจฉริยะผู้ผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติและแนวคิดแห่งดาบเข้าด้วยกันได้จะแพ้พ่ายให้คนอย่างเขา?

ไอเจ้าหมอนี่มันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าต้วนชิงหงและจงฮันหลินรวมกัน!

“ฮ่าๆๆ… เจ้านี่มันขี้ขลาดจริงๆ ไม่กล้าที่จะรับคำท้าแค่นี้! หากเจ้าไม่กล้าก็ไปไกลๆ อย่าได้มาทำอะไรขัดหูขัดตาแถวนี้! ระดับสี่มันเก่งมากหรือ?” ฮันยองหัวเราะเสริมเข้ามา

การโดนเย่หยวนดูถูกยังพอว่า เขาไม่มีทางใดไปตอบโต้

แต่การโดนคนอย่างฮันยองดูถูกตามเช่นนี้ เขาย่อมไม่มีทางทนทานได้

“ฮันยอง ข้ากล้าท้า เจ้ากล้ารับไหม? หากเจ้าแพ้เจ้าต้องไปตะโกนต่อหน้าผู้คนว่านิกายเมฆาสวรรค์มันขยะบ้างสามครา! เจ้ากล้ารับไหมล่ะ?” เจ่าเจายิ้มตอบกลับไปอย่างชั่วร้าย

ฮันยองหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน ตอนนี้มันราวกับว่ามีใครเอาอะไรมารัดคอเขาไว้จนหายใจแทบไม่ออก

เมื่อเจ่าเจาเห็นภาพนั้นเขาก็หันหน้าไปบอกเย่หยวน “เห็นไหม? มันต่างหากที่ไม่กล้า มิใช่ข้าเสียหน่อย!”

เมื่อฮันยองได้ยินเขาก็เงยหน้าขึ้นทันที “เอาก็เอาสิ ใครกลัววะ?”

เจ่าเจานั้นสะดุ้งตกใจอย่างมาก แต่เมื่อได้มาคิดอีกทียังไงเสียเขาก็ไม่มีทางพ่ายให้ฮันยองได้แน่เขาจึงตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ดำมืด “ได้สิ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าไก่น้อยอย่างเจ้าจะกลายเป็นหงส์ได้ด้วยเวลาแค่นี้ไหม! ข้าจะทำให้นิกายเมฆาสายฟ้าของเจ้าต้องเสียหน้าต่อหน้าทุกผู้คน”

เมื่อเรื่องกลายเป็นเช่นนี้หัวใจของฮันยองจึงยิ่งสั่นเต้นรัว

เขานั้นไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะชนะเจ่าเจาได้

“เย่หยวน เจ้าทำเกินไปแล้ว! หากฮันยองแพ้วันหน้าเขาคงไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากในนิกายเงาจันทร์แน่! เขาคงได้กลายเป็นที่น่าหัวร่อของผู้คนแทน!” หยางฝานเข้ามากล่าวว่า

ดูท่าแล้วเขาคงไม่พอใจมาก

หยางฝานนั้นสนิทกับฮันยองมาก เมื่อได้เห็นเย่หยวนไปสร้างสงครามให้เขาเช่นนี้ความโกรธจึงบังเกิดขึ้นมาในหัวใจ

หากฮันยองแพ้ นิกายเมฆาสายฟ้าคงทอดทิ้งเขาและมองเขาว่าไม่ภักดีต่อนิกาย วันหน้าเขาเองก็จะอยู่อย่างเดียวดายในนิกายเงาจันทร์ มันไม่ได้จบง่ายๆ แค่การตะโกนสามคำพูด

การเดิมพันอนาคตนี้มันมากเกินไป

แค่พูดอะไรพล่อยๆ ออกมามันอาจจะทำร้ายอนาคตทั้งหมดชีวิตของฮันยองไปได้

ที่สำคัญหยางฝานยังไม่เห็นทางใดที่ฮันยองจะชนะได้เลยด้วย

เรื่องที่เย่หยวนบอกสอนมานั้น หยางฝานย่อมไม่คิดที่จะหวังพึ่งพามันสักเท่าไหร่

หากแค่สอนไม่กี่คำคนเราจะเก่งกาจขึ้นได้ขนาดนั้นมันก็คงไม่มีต้องสำนักนิกายกันแล้วใช่ไหม?

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปเมื่อได้ยิน “ท่านลองมองมุมกลับสิ หากฮันยองชนะพวกเจ่าเจามันจะไม่มีทางโงหัวขึ้นมาในนิกายเงาจันทร์ได้อีกเลยนะ”

ตอนนั้นเองที่ศิษย์ทั่วไปก็เรียกประกาศชื่อขึ้น “ต่อไปฮันยอง!”

ฮันยองหน้าซีดลงทันที ขาสองข้างของเขานั้นเหมือนมีรากงอกไม่สามารถยกมันขึ้นมาเดินได้

เมื่อเจ่าเจาเห็นภาพนี้เขายิ่งมั่นใจหนักกว่าเก่าว่าฉันยองไม่มีทางชนะได้แน่!

เดิมทีมันเป็นฮันยองที่ด้อยกว่าเขาอยู่แล้ว

เย่หยวนตบบ่าของฮันยองเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “อย่าลืม ใช้วิธีที่ข้าบอกไปในการตี ท่านไม่แพ้แน่”

ฮันยองใจเต้นรัวขึ้น “นี่มัน… จะได้ผลจริงหรือ?”

เย่หยวนพยักหน้าตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ

ตอนนี้ขึ้นหลังเสือมาแล้วมันคงลงยาก ฮันยองมีแต่ต้องทำตามเย่หยวนไปให้สุด เขากลั้นใจกระโดดขึ้นไปหากลองยักษ์บนอากาศ

จู่ๆ ฮันยองก็หันหน้ากลับจากยอดกลองจรัสและเริ่มสูดหายใจเข้าช่องท้องไปเรื่อยๆ

เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้ พวกเขาต่างยืนงงนิ่งเป็นไก่ตาแตก

เจ่าเจาหน้าแดงขึ้นมาด้วยอาการหัวเราะที่หยุดไม่ได้ “ฮ่าๆๆ! เจ้าจะทำให้ข้าขำจนตายแล้ว! ไอ้หมอนี่มันคงไม่ได้ติดจะลั่นยอดกลองจรัสด้วยลมตดหรอกนะ?”

ไป่หลี่ชิงหยานเองก็มีใบหน้าแดงฉานด้วยความอับอายต่อภาพตรงหน้าจนอดไม่ได้ที่ต้องหันหัวหนี

ที่ด้านล่างมันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะหยอกล้อ

หยางฝานเองก็โกรธจนควันแทบพุ่งออกหูก่อนจะหันมาหาเย่หยวน “นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าบอกให้เขาทำ? เจ้าคิดอยากให้เขากลายเป็นตัวตลกของผู้คนหรืออย่างไร?”

ปูดดด…

หยางฝานยังพูดไม่ทันขาดคำก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาลั่นลาน

แต่ว่ารอยยิ้มหัวเราะของผู้คนยังไม่ทันจางหายมันกลับเกิดเสียงกลองสนั่นดังขึ้นมาตาม!

ตึง!

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Status: Ongoing
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง….
กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก…
ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท