ตอนที่ 1813 สั่งสอนคนเขลา!
บนเตียงนอนเชียนเย่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ในดวงตาที่ลืมขึ้นมานี้มันแฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจไม่น้อย
“ข้า… ข้าไม่ตาย! ฮ่าๆๆ ข้าไม่ตายจริงๆ!”
ความรู้สึกตอนที่ถูกเศษดับนับร้อยนับพันนั้นพุ่งผ่านทะลุร่างไปยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ
ตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองคงต้องตายแน่แล้ว
เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้เขาจะกลับรอดมาได้
ที่ด้านข้างผู้อาวุโสเถากล่าวขึ้น “ใจเย็นก่อน ครานี้ผู้อาวุโสเจียงหงออกมาจัดการเรื่องเองมันย่อมไม่มีใครสังหารเจ้าลงได้!”
ความตื่นตกใจปรากฏออกมาเต็มใบหน้าของเชียนเย่ เพื่อเขาแล้วผู้อาวุโสถ่ายทอดถึงกับออกมารับหน้าให้แทน
เรื่องนี้มันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาในสายตาของผู้อาวุโสถ่ายทอดอย่างมาก
ผู้อาวุโสถ่ายทอดนั้นปกติแล้วไปไหนมาไหนไม่มีใครรับรู้ได้ พวกเขาเหล่าศิษย์ทั้งหลายมิอาจติดต่อพวกท่านได้และย่อมไม่สามารถรู้ด้วยว่ายอดหลักกำลังต้องการอะไร
เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยอดดอกตูมสวรรค์ปกติแล้วผู้อาวุโสเถา ผู้อาวุโสแห่งโถงหน้าคนนี้จะเป็นคนจัดการ
“มีเรื่องแบบนั้นด้วย! นี่มันโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตเลยนี่นา ข้าอยากจะขอบคุณผู้อาวุโสเจียงหงท่าน สงสัยเหลือเกินว่าจะมีโอกาสนั้นไหม” เชียนเย่บอกอย่างตื่นเต้น
แต่ผู้อาวุโสเถากลับทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีตอบกลับมา “เจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป วันนี้ยอดดอกตูมสวรรค์เราต้องเสียหน้าไปมาก เรื่องทั้งหมดทั้งสิ้นนี้มันเกิดเพราะคนนิกายบุปผาเหิน ที่ผู้อาวุโสเจียงหงออกมาจัดการเรื่องราวให้มันก็คงขัดใจตัวเขาเองอยู่ไม่น้อย ในวันหน้าเจ้าจงหมั่นพยายามฝึกฝนและกู้หน้ายอดดอกตูมสวรรค์เรากลับมาให้ได้ ทำเช่นนั้นได้ผู้อาวุโสเจียงหงก็คงพอใจเช่นกัน”
เมื่อเชียนเย่ได้ยินเช่นนั้นความตื่นเต้นดีใจใดๆ ที่เขาเคยมีมันก็จางหายไปสิ้น
“ไอ้เด็กเย่หยวนคนนั้น ต-ตายไหม?” เชียนเย่ถามขึ้น
“ตาย? หึๆ เรื่องของเจ้ามันยังไม่จบง่ายๆ หรอก!” ผู้อาวุโสเถาหัวเราะขึ้นมา
เชียนเย่สะดุ้งตัวขึ้นทันทีเมื่อได้ยิน “ยังไม่จบ?”
ผู้อาวุโสเถาบอกเล่าเรื่องที่เย่หยวนท้าทายกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ให้ฟัง เรื่องนั้นมันทำให้เชียนเย่อดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆ ไอ้เด็กคนนี้มันฉลาดดีจริงๆ ถึงขั้นคิดจะใช้วิธีนี้ในการสังหารข้า! ข้าขอยอมรับว่ามันนั้นมากพรสวรรค์ แต่ไม่ว่าจะมากพรสวรรค์แค่ไหนมันก็ยังเป็นแค่ราชันพระเจ้า มีหรือที่มันจะตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ได้?”
เมื่อเชียนเย่ได้ยินว่าเย่หยวนไป ‘ทำเรื่องโง่ๆ’ นั้นเขาก็กล่าวออกมาด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
เรื่องเช่นนี้ใครมันจะไปทำได้?
ผู้อาวุโสเถาหัวเราะขึ้น “ไอ้เด็กคนนี้มันก็ช่างเป็นคนรั้นไม่ยอมฟังใคร เจ้าไม่รู้หรอกว่าตอนที่ผู้คนได้ยินมันบอกเช่นนั้น ทุกคนมองมันด้วยสายตาแบบไหน”
ผู้ดูแลเถาเองก็ไม่ชอบใจในตัวเย่หยวนผู้ดื้อรั้นมาก
เขาและเชียนเย่หันไปมองหน้าพร้อมหัวเราะลั่นขึ้นพร้อมๆ กัน
ตึง!
จู่ๆ ก็มีเสียงกลองหนึ่งดังลอยทะลุฟ้าออกมา
ผู้อาวุโสเถาและเชียนเย่นั้นกำลังหัวเราะกันอยู่ เมื่อพวกเขาได้ยินปากที่อ้าหัวเราะอยู่นั้นก็ได้แต่อ้าค้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชียนเย่ที่ตอนนี้ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจ
“ผู้อาวุโสเถา นี่… นี่มัน… เสียงตีอะไร?”
น้ำเสียงของเชียนเย่เปี่ยมไปด้วยความสั่นกลัวอย่างที่ไม่อาจปกปิดได้
ผู้อาวุโสเถาเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเก ดวงตาของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นตกใจเช่นกัน “ไม่รู้ว่าในนิกายเงาจันทร์นี้มีคนตีกลองมากมายแค่ไหน แต่เสียงกลองที่ออกมาจากหุบเขาเจ็ดดารานั้นข้าย่อมจำมันได้แน่!”
เชียนเย่นั้นอายุน้อยและขาดประสบการณ์กว่าผู้อาวุโสเถามาก แต่เมื่อเขาได้ยินคำยืนยันจากผู้อาวุโสเถาใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดลง
“เช่นนั้น… งั้นมัน… ไม่มี…”
เชียนเย่รู้สึกเหมือนปากคอร้อนเป็นไฟ ท่าทางยโสของเขาเมื่อสักครู่นั้นมันไม่มีให้เห็นอีกต่อไปแล้ว
ตึง!
เสียงแรงยังไม่ทันหาย เสียงที่สองก็ดังตามขึ้นมา
แถมเสียงนี้มันยังดังกว่าเสียงก่อนหน้ามาก
ขณะเดียวกันนั้นเหล่าคนในนิกายเงาจันทร์ทั้งหลายต่างก็ตื่นตกใจ
เพราะนี่คือครั้งแรกของพวกเขาเลยที่ได้ยินเสียงกลองลั่นดังเช่นนี้ออกมาจากหุบเขาเจ็ดดารา
เสียงกลองนี้มันดังสนั่นราวเสียงฟ้าร้อง ราวกับว่านี่มันคือเสียงคำรามของสวรรค์
เสียงของมันนี้สามารถทำให้ทุกผู้คนได้ยินมันจากทุกซอกมุมของนิกายเงาจันทร์
ทุกคนที่ยอดหลัก ยอดรองทั้งเก้า รวมไปถึงยอดร้างนับร้อยและดินแดนในเทือกเขาเงาจันทร์ทั้งหมดต่างได้ยินเสียงของกลองนี้
เหล่าคนเดินออกมาจากโถง ออกมาจากถ้ำหลวงของตน พวกเขาทั้งหลายต่างหันไปมองดูที่หุบเขาเจ็ดดารากันอย่างมิได้นัดหมาย
เมื่อเป็นศิษย์นิกายเงาจันทร์แล้วพวกเขาย่อมรู้ดีว่าเสียงกลองนี้มันคืออะไร
พวกเขาแค่สงสัยว่ากลองนี้มันจะดังขึ้นมากี่ครั้ง
เวลานี้ทุกผู้คนต่างปล่อยปราณเทวะของตนออกมาตามจังหวะคลื่นของเสียงกลอง
ราวกับว่าเสียงกลองนี้มันทำให้เลือดของพวกเขาไหลเวียนไปตามเสียงมัน
หลายต่อหลายคนเริ่มทำการบรรลุออกมาระหว่างที่เสียงของกลองยังไม่ขาดสายไป
ตึง!
เสียงกลองที่สามดังขึ้นทำให้ไป่หลี่ชิงหยานอดไม่ได้ที่จะแสดงใบหน้าอันตื่นเต้นและปลื้มใจ
“ศิษย์พี่ ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าคนอย่างเขาไม่มีทางถูกหยุดได้ ท่านกลับไม่คิดเชื่อข้า!”
ไป่หลี่ชิงหยานไม่ต้องหันหน้ากลับไปนางก็รู้ได้ว่าเจียงเชอเหยียนมายืนอยู่ข้างหลัง
เจียงเชอเหยียนมีใบหน้าที่แสนจะอธิบายได้ยาก ในที่สุดนางก็ถอนหายใจยาวออกมา “นังเด็กโง่เอ้ย หากเขาได้เข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่แล้วเขาจะต้องกลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของเจ้าอย่างแน่นอน!”
ไป่หลี่ชิงหยานยิ้มออกมาอย่างสบายใจ “แล้ว? ชีวิตนี้สายพิณของข้าถูกเขาก่อกวนไปนานแล้ว!”
นั่นทำให้ดวงตาของเจียงเชอเหยียนสั่นคลอน ในที่สุดนางก็ตัดสินใจเดินจากไป
เดินไปได้หลายก้าวในที่สุดนางก็พูดขึ้นเบาๆ “เด็กโง่เอ้ย ความรู้สึกนั้นของเจ้ามันจะได้รับการตอบรับหรือ?”
พูดจบนางก็จากไป
ตึง!
เสียงที่สี่ดังขึ้นอย่างที่ทุกคนคาดคิด
ในมิติว่างเปล่าบนยอดหลักนั้นมีชายแก่คนหนึ่งค่อยๆ เปิดตาลืมขึ้นมาด้วยสายตาที่ล้ำลึก
“ไม่นึกเลยว่าในโลกนี้จะมีคนที่สามารถตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ได้จริงๆ!”
ตึง!
ตึง!
ครั้งที่ห้าและหกดังตามออกมา
ภายในหุบเขาเจ็ดดารานั้นเหล่าเก้ายอดผู้อาวุโสถ่ายทอดต่างกำลังมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึงจนไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้
พวกเขานั้นคือคนที่อยู่ใกล้กลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ที่สุดและย่อมรู้สึกถึงคลื่นพลังจากมันได้มากที่สุด
คลื่นยอดเต๋าที่ส่งออกมานี้มันราวกับว่าเต๋าสวรรค์ได้ลงมาจุติตรงหน้า
ความรู้สึกนี้มันเหนือล้ำกว่าจะใช้คำพูดใดมาอธิบายได้
“นี่มัน… นี่หรือคือพลังของกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่!”
“ข้านึกไม่ออกเลยว่าหากคนตีเป็นเทพถ่องแท้แล้วมันจะส่งพลังมากมายแค่ไหนออกมา!”
“แล้วทำไม… ไอ้เด็กคนนี้มันจึงทำได้? มันปล่อยพลังยอดเต๋าออกมาจากกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่จนดังสะท้อนไปทั่วทั้งนิกายเงาจันทร์!”
“หลังออกไปครั้งนี้เฒ่าคนนี้คงต้องไปหาที่เก็บตัวเสียแล้ว! เสียงกลองนี้มันชี้ทางสว่างให้ข้านัก!”
…
เสียงกลองนี้เหมือนมีพลังเวทมนตร์ทำให้ผู้คนที่ได้ยินได้ฟังต่างรับความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่
เฉียวฟูเองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าคนอื่นๆ เลยเช่นกัน
เขามองดูแผ่นหลังนั้นของเย่หยวนด้วยความรู้สึกราวกับว่ามันช่างสูงใหญ่
เขารู้ดีว่าเย่หยวนนั้นมากพรสวรรค์ ความเป็นไปได้ของเขานั้นไร้สิ้นสุด แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะแข็งแกร่งได้มากมายถึงขั้นนี้
แข็งแกร่งจนทำให้เขากลัวขึ้นมาหน่อยๆ!
กลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ที่ไม่เคยมีใครตีได้ครบกำลังส่งเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งนิกายเงาจันทร์ในขณะนี้
เสียงกลองแรกยังไม่ทันขาด เสียงกลองที่สองก็จะดังตามมา
ครั้งที่สองเองก็เช่นกัน
ตอนนี้กลองทั้งหกครั้งมันดังขึ้นมาอย่างชัดเจนไร้ข้อกังขาใดๆ
ตึง!
ในที่สุดเสียงสุดท้ายก็ดังขึ้น!
มันทำให้นิกายเงาจันทร์ทั้งหมดสั่นสะเทือน
เสียงกลองทั้งเจ็ดนี้มันราวกับสายฟ้าที่วิ่งผ่านเหนือนิกายเงาจันทร์ไป
ตอนนี้มันไม่เพียงแค่ไม่จางหายไป แต่เสียงที่วิ่งวนอยู่นี้มันกลับดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนต่างเฝ้าฟังมันอย่างแน่วแน่ ทุกคนใช้หัวใจสัมผัสมันและทุกคนก็ใช้สติที่มีทั้งหมดในการพยายามทำความเข้าใจมัน
เสียงกลองนี้มันช่างเหนือล้ำ!
…………………………