ดูเหมือนว่าเรา…จะโดนหลอกเงินอีกแล้วสินะ?
หลินเป่ยเฉินมองต้นหญ้าสีเขียวที่อยู่ในมือตนเอง รู้สึกได้ว่าเลือดลมในร่างกายสูบฉีดเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะตีลังกา
เด็กหนุ่มโยนหญ้าในมือทิ้งไปและรีบเปิดแอปวีแชทเพื่อตรวจสอบยอดเงินคงเหลือ
เพียงเหลือบตามอง สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่
หายไปหมด
เงิน 500 เหรียญทองคำหายไปหมดแล้ว
เด็กหนุ่มเปิดดูแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์
เงินที่เคยมีอยู่ 578 เหรียญทอง ขณะนี้เหลือเพียง 78 เหรียญทองเท่านั้น
พระเจ้าช่วยกล้วยแหก
หลินเป่ยเฉินยกมือกุมหัวใจตนเองและทำท่าเหมือนจะกระอักเลือดออกมา
เรานี่มันโง่เหลือเกิน ลืมไปได้ยังไงว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามเคยหลอกเงินเรามาแล้ว แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนขี้โกงแบบนี้จะเอาของมาให้เราฟรีๆ คิดไม่ถึงเลยว่าค่าขนส่งมันจะแพงกว่าค่าต้นหญ้าซะอีก…
หลินเป่ยเฉินจำได้ว่าราคาของต้นหญ้าดาราน้อยในแอปจิงตง มอลล์ขายอยู่ที่ต้นละ 30 เหรียญทองคำเท่านั้น
เด็กหนุ่มทักข้อความไปหาเทพีกระบี่หิมะไร้นามอีกครั้ง
ทำอย่างนี้ถือว่าข่มเหงเขาเกินไปแล้ว
เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้เด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความส่งไปว่า คนโกหกหลอกลวง…
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งเครื่องหมายคำถามตอบกลับมา ?
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความถามไปว่า ค่าขนส่ง 500 เหรียญทองคำมันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เทพีกระบี่หิมะไร้นามรีบตอบกลับมาโดยเร็ว น้องชาย เจ้ากำลังเข้าใจผิด การขนส่งพัสดุข้ามภพภูมิมีราคาแพงมาก นี่เห็นแก่หน้าเจ้า ข้าถึงได้ลดค่าขนส่งให้ครึ่งราคาแล้วนะ ความจริงค่าขนส่งทั้งหมดต้องคิดเป็นจำนวนเงิน 1,000 เหรียญทองคำต่างหาก…
ข้าไม่มีทางเชื่อที่เจ้าพูดเด็ดขาด
เด็กหนุ่มพิมพ์ข้อความด้วยสีหน้าโกรธแค้น
หากเจ้าไม่เชื่อ จะเปิดดูราคาก็ย่อมได้ มันมีข้อมูลแจ้งเอาไว้อยู่นะ… นี่คือข้อความตอบกลับจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
หลินเป่ยเฉินเปิดเข้าไปในแอปจิงตง มอลล์
กดเข้าไปที่ร้านค้าของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
แล้วเด็กหนุ่มก็ต้องมีสีหน้าตกตะลึง
แน่นอนว่าในรายละเอียดการสั่งซื้อสินค้า มีตัวอักษรเล็กๆ กำกับอยู่ตรงส่วนท้ายว่า : สินค้าส่งฟรีภายในดินแดนทวยเทพเท่านั้น แต่ถ้าข้ามขอบเขตภพภูมิ จะมีค่าขนส่ง 1,000 เหรียญทองคำต่อพัสดุน้ำหนักสองชั่ง และค่าขนส่งจะจัดเก็บกับปลายทาง หากพัสดุมีน้ำหนักมากกว่าสองชั่ง ค่าขนส่งก็จะเพิ่มขึ้นตามน้ำหนักของสินค้า…
ข้อความเหล่านี้มีขนาดเล็กมาก หากไม่สังเกตดูให้ดีก็ไม่มีทางมองเห็นเด็ดขาด
แต่ตอนที่ข้ากดเข้ามาดูสินค้าครั้งที่แล้ว มันยังไม่มีข้อความพวกนี้เลยนะ?
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามในแอปวีแชท
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ข้อความตอบกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ น้องชาย เจ้าไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรือ คราวที่แล้วตอนที่เปิดกล้อง เจ้าก็เอาแต่ฉวยโอกาสสำรวจเรือนร่างของข้าจนเลือดกำเดาไหล แล้วเจ้าคิดว่าตนเองจะจดจำเรื่องราวอื่นๆ ได้จริงหรือ…
พลัน หลินเป่ยเฉินหน้าแดงขึ้นมาในทันใด
จริงด้วยสินะ…ถ้าอย่างนั้นมันคงเป็นความผิดของข้าเอง…ขออภัยที่รบกวน
ภาพเรือนร่างอันขาวเนียนปรากฏขึ้นมาในห้วงคิดของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
เขารู้สึกหัวใจเต้นเร็วแรง ใบหน้าแดงก่ำ และตัดสินใจปิดแอปวีแชทไปแบบงงๆ
เรือนร่างเปลือยเปล่าของเทพีกระบี่หิมะไร้นามยังคงติดตาเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ในฐานะโอตาคุตัวพ่อ หลินเป่ยเฉินมีความเข้าใจในศาสตร์ของศิลปะโดจินติดเรตอย่างลึกซึ้ง
แต่เขาต้องยอมรับเลยว่าไม่มีงานโดจินติดเรตชิ้นไหน ชวนให้เกิดอารมณ์พุ่งพล่าน และวาบหวามได้เท่ากับเรือนร่างที่แสนงดงามของเทพีกระบี่หิมะไร้นามอีกแล้ว
นางงดงามราวกับงานศิลปะชั้นยอด
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินพลันรู้สึกผิดที่โทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเทพีฝึกหัด
เฮ้อ
ช่างแม่งก็แล้วกัน
คิดเสียว่าฟาดเคราะห์ไปดีกว่า
หลินเป่ยเฉินสูดหายใจสงบสติอารมณ์ จากนั้นจึงโคจรพลังลมปราณ เพื่อควบคุมระดับการเต้นของหัวใจให้กลับมาเป็นปกติ
แต่ตอนนั้นเอง เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้…
เดี๋ยวก่อนนะ วันนั้นเทพีกระบี่หิมะไร้นามเป็นคนส่งคำขอให้เราเปิดกล้องเองไม่ใช่เหรอวะ เราไม่ได้เป็นฝ่ายขอสักหน่อยนี่หว่า
หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุก
ดูเหมือนว่า…เขาจะถูกหลอกอีกแล้ว
จังหวะนั้น ห้วงคิดของเด็กหนุ่มสะดุดลงเมื่อเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
หลินเป่ยเฉินหันไปทางต้นเสียงโดยไม่รู้ตัว
แล้วเขาก็เห็นเจ้าอากวง ราชันย์หนูอสูรที่ถูกอาบน้ำและแปรงขนอย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง กำลังหมอบอยู่ข้างเตียง ปากแทะกินต้นหญ้าต้นหนึ่งอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเห็นว่าผู้เป็นเจ้านายกำลังมองอยู่ มันก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เขาอย่างน่ารักน่าชัง
อากวง กินอะไรอยู่น่ะ?
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย
เจ้าหนูถือต้นหญ้าที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งด้วยขาหน้า และส่งเสียงพูดไม่เป็นภาษา
อร่อยไหม? หลินเป่ยเฉินชวนคุย
อากวงพยักหน้า
แต่ว่า…ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นตาต้นหญ้าต้นนี้จังเลยนะ?
หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
อากวงชะงักไปเล็กน้อย
แล้วในทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินพลันคำรามออกมาด้วยความเดือดดาลว่า นี่มันต้นหญ้าสวรรค์ที่มีราคา 500 เหรียญทองคำเชียวนะ…ไอ้หนูเชี่ย กูจะฆ่ามึ้งงง!
เด็กหนุ่มกระโดดเข้าไปหาราชันย์หนูอสูร
เจ้าอากวงกระโดดหนีด้วยความตกใจ
จี๊ด…
มันพยายามกระโดดหนีไปด้วยส่งเสียงอธิบายไปด้วย
แต่เจ้าหนูกระโดดได้ไม่กี่ก้าว ร่างกายก็แข็งค้าง หมอกควันสีเขียวพุ่งออกมาจากปากและจมูก สุดท้ายมันก็ล้มฟาดพื้นเสียงดังโครม
ยังคิดจะแกล้งตายอีกหรือ?
หลินเป่ยเฉินจับคอของราชันย์หนูอสูรยกขึ้นมาจากพื้นห้อง
เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงเลยว่า ร่างกายของเจ้าหนูจะแข็งเหมือนหินไปจริงๆ เสียแล้ว
เฮ้ย ทำไมตัวแข็งแบบนี้?
หรือว่าหญ้าต้นนี้จะมีพิษ?
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความไม่อยากเชื่อ
เทพีกระบี่หิมะไร้นามจะร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?
เรื่องที่นางเคยหลอกลวงเงินเขาก็เรื่องหนึ่ง แต่เพียงเขาเคยเห็นร่างเปลือยของนางแค่ครั้งเดียว ก็คิดจะฆ่าแกงกันเลยหรือไง?
หลินเป่ยเฉินมีเหงื่อออกท่วมตัว
เขารีบโยนต้นหญ้าดาราน้อยที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งในกรงเล็บของอากวงทิ้งไปทันที
หลังจากนั้นก็เฝ้าดูอย่างระมัดระวัง
อากวงยังคงหายใจอยู่
อย่างน้อยยังมีชีพจรและหัวใจก็ยังเต้น
หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะใช้วงแหวนวารีครอบคลุมลงไปที่ศีรษะของเจ้าหนูอสูร
วงแหวนวารีหายวาบเข้าไปในร่างกายของอากวง
ยังใช้พลังของเรารักษาได้อยู่ อาการน่าจะยังไม่หนักเกินไปนัก
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาเริ่มต้นใช้วงแหวนวารีรักษาเจ้าหนูต่อไป
แต่เมื่อโยนวงแหวนวารีเข้าใส่ได้ประมาณ 20 ครั้ง ลำตัวของเจ้าหนูอสูรก็มีชั้นพลังสีเขียวห่อหุ้มบางๆ
แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะตื่นขึ้นมา
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความไม่แน่ใจ
เขาชะโงกตัวเข้าไปดู
ทันใดนั้น…
ปู้ด!
เจ้าหนูอากวงที่สลบไสลไม่ได้สติพลันผายลมออกมาเป็นกลุ่มหมอกควันสีเขียว
หลินเป่ยเฉินไม่ทันระวังตัวจึงสูดดมเข้าไปเต็มปอด
หลังจากนั้น โลกทั้งใบของเขาก็หมุนติ้ว อาการเวียนหัวและคลื่นไส้เล่นงานทันที
ไม่ได้การแล้ว ตดของมันมีพิษ!
หลินเป่ยเฉินซวนเซถอยหลัง
เขาสร้างวงแหวนวารีครอบคลุมลงมาที่ตนเอง หลังจากนั้น อาการวิงเวียนศีรษะทั้งหมดก็หายไป
หญ้าต้นนี้มีพิษจริงๆ ด้วย มันเข้าไปทำลายอวัยวะภายในหมดแล้ว จบกัน เราไม่มีทางช่วยอากวงได้อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความเศร้าสลด
ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงส่งข้อความไปสอบถามเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
แต่ไม่ทราบเลยว่าเทพีกระบี่ฝึกหัดกำลังยุ่งอยู่กับภารกิจอื่น หรือมีเจตนาไม่ยอมตอบข้อความของเขากันแน่ นางถึงได้เงียบหายไปเลยเช่นนี้
ช่างมันเถอะ ตอนนี้เอาศพอากวงไปฝังก่อนดีกว่า จะได้ไม่แพร่พิษเดือดร้อนคนอื่น
หลินเป่ยเฉินอยากจะร้องไห้ด้วยความสงสารเจ้าหนูสัตว์เลี้ยงผู้น่ารัก
ขอบคุณนะที่ยอมรับพิษแทน
เดี๋ยวจะฝังดินให้อย่างดีเลย
จากนั้น เด็กหนุ่มก็หันหน้ามองไปที่ร่างไร้วิญญาณของราชันย์หนูอสูร
แต่แล้ว หลินเป่ยเฉินก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
เดี๋ยวก่อนนะ?
เป็นไปได้ยังไง?
อากวงหายไปไหนแล้ว?
เมื่อสักครู่มันยังนอนทอดร่างอยู่ตรงนี้ แล้วบัดนี้กลับหายไปในพริบตาได้อย่างไร?
เป็นไปได้หรือที่หนูอสูรตัวใหญ่ขนาดนั้น จะหายตัวไปโดยที่เขาไม่ทันสังเกต?
หลินเป่ยเฉินขยับตัวเดินไปข้างหน้า
หรือว่าเจ้าหนูตัวแสบจะแกล้งตายและใช้จังหวะทีเผลอหลบหนีไปแล้ว
แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินลองยื่นมือออกไปคลำดูตำแหน่งที่เคยเป็นที่นอนของเจ้าอากวง สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น…
อากวงยังคงนอนอยู่ตรงนี้
เขาสัมผัสตัวของมันได้
เพียงแต่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
เจ้าหนูอากวง…สามารถล่องหนได้อย่างนั้นหรือ?