เมื่อถูกมือของหลินเป่ยเฉินสัมผัสลูบไล้ ร่างของเจ้าหนูอากวงก็กลับมาปรากฏตัวต่อสายตาของเขาอีกครั้งได้อย่างปาฏิหาริย์
แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็คือขนสีเทาของมันกลายเป็นขนสีขาวบางๆ มีความพริ้วไหวเหมือนเส้นไหม ให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มสบายมือเวลาสัมผัส
ร่างกายที่เย็นเฉียบของมันเริ่มกลับมาอบอุ่น
อากวงยกระดับตนเองจากหนูอสูรป่า กลายเป็นหนูอสูรผู้สูงศักดิ์
มันมีความน่ารักมากกว่าเดิม
ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่ามันคือหนูอสูรจากในป่าลึก
ครืดคราด!
มีเสียงแปลกๆ ดังออกมาจากในท้องของอากวง
แล้วมันก็ลืมตาขึ้นมาในทันใด ร่างกายกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง เจ้าหนูลุกขึ้นยืนด้วยสองขาหลัง และใช้สองขาหน้ากุมหน้าท้องของตนเองพร้อมกับส่งเสียงจี๊ดจี๊ด
แต่หลินเป่ยเฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร มันก็กระโดดออกไปทางหน้าต่าง วิ่งเข้าสู่กระท่อมไม้ที่เป็นห้องน้ำสำหรับขับถ่ายในสนามหญ้าข้างบ้าน
อ้าว? หลินเป่ยเฉินเดินมายืนดูที่ขอบหน้าต่างด้วยความประหลาดใจ นี่มันกำลังท้องเสียเพราะถูกพิษจากต้นหญ้าเล่นงานใช่ไหมเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินเดินไปหยิบต้นหญ้าดาราน้อยที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งมาจ้องดูด้วยความระมัดระวัง
ในแอปจิงตง มอลล์เขียนสรรพคุณไว้สั้นๆ ว่า ใช้สำหรับรับประทาน
แต่รับประทานเข้าไปแล้วจะเกิดผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ไม่มีข้อความอธิบายเอาไว้เลยสักนิด
ไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ถึงเป็นได้แค่เทพีกระบี่ฝึกหัด
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
เขาพยายามส่งข้อความไปสอบถามเทพีกระบี่หิมะไร้นามอีกหลายครั้ง แต่นางก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมตอบข้อความ
หรือว่าหญ้าต้นนี้เมื่อกินเข้าไปแล้วก็จะล่องหนได้วะ?
หลินเป่ยเฉินจำได้ดีถึงความเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้ของเจ้าหนูอากวง
ถ้าอย่างนั้นก็มีประโยชน์มากมาย
เสียแต่ว่ามีผลข้างเคียงรุนแรงมากเกินไป
หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอยู่อึดใจใหญ่ ก็ล้มเลิกแผนการที่จะกินมันด้วยตัวเอง
หลังจากนั้น
เขารู้สึกได้ว่าในห้องมีพลังงานที่แปลกประหลาด
เด็กหนุ่มปล่อยกระแสจิตออกไปสำรวจ
อากวง!
หลินเป่ยเฉินคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล
ไม่รู้เลยว่าราชันย์อสูรมาแอบอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ขาหน้าของมันกำลังถือมีดเล่มหนึ่งเข้ามาประชิดตัวหลินเป่ยเฉิน สีหน้าของมันเคร่งเครียดจริงจัง เหมือนกำลังจะลอบสังหารเขา
จี๊ด? อากวงพลันหรี่ตาลง ใบหน้ากระตุก
บัดนี้ มันกำลังจ้องมองหลินเป่ยเฉิน ก่อนจะก้มหน้ามองมีดในกรงเล็บของตนเอง…แล้วขนทุกเส้นในร่างกายของเจ้าหนูอสูรก็ลุกซู่
โดนจับได้เสียแล้วหรือ?
แย่แล้ว
เด็กหนุ่มผู้นี้จะต้องฆ่ามันแน่นอน
อากวงรีบโยนมีดทิ้งไปทางหน้าต่าง ก่อนที่มันจะหันมาทำหน้าปั้นยิ้มใส่ผู้เป็นเจ้านาย
เพี๊ยะ!
หลินเป่ยเฉินสะบัดมือตบราชันย์หนูอสูรลอยกระเด็นไปกระแทกผนังอย่างแรง
เจ้าคิดจะลอบฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินคำรามด้วยความโมโห
จี๊ด! อากวงไถลตัวลงมาจากผนังห้อง มันวิ่งกลับมาคุกเข่าอยู่แทบเท้าของเด็กหนุ่ม ในลำคอเปล่งเสียงจี๊ดจี๊ดออกมาไม่หยุดยั้ง เหมือนอยากจะบอกเขาว่า นายท่าน ได้โปรดฟังข้าน้อยก่อน
หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด
เขาจับตัวมันขึ้นมาแล้วต่อยไปอีกหลายหมัด
หลังจากนั้น อากวงก็มีดวงตาดำคล้ำเหมือนหมีแพนด้า
จี๊ด จี๊ด… ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่รอดทำให้ราชันย์หนูอสูรคุกเข่าลงแทบเท้าหลินเป่ยเฉิน มันขยับกรงเล็บเหมือนพยายามอธิบายอะไรบางอย่าง ต่อจากนั้น เจ้าหนูก็ใช้กรงเล็บข้างหนึ่งชี้ไปที่หัวใจของตนเอง ก่อนจะยกขาหน้าชี้ไปบนท้องฟ้า เหมือนกำลังสาบานอะไรบางอย่าง
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายวูบวาบ
ราชันย์หนูอสูรตัวนี้ถูกจับตัวมาเป็นทาสของเขาอย่างไม่เต็มใจ และมันก็รู้ชะตากรรมแล้วว่าจะต้องอยู่เป็นสัตว์เลี้ยงของเขาตลอดไป
เมื่อรับทราบว่าตนเองล่องหนได้ มันก็คิดจะลอบสังหารเขาแล้วหรือ
ความผิดครั้งนี้จะสั่งสอนอย่างไรดี?
เห็นทีเขาคงจับตัวมันส่งให้อาจารย์พานนำไปต้มยำดีกว่า อย่างน้อยก็ยังสามารถรับประทานเป็นอาหารอร่อยได้หลายมื้อ
ขณะที่เด็กหนุ่มคิดมาถึงตรงนี้ เจ้าหนูอากวงก็เหยียดตัวยืนตรง ใช้สองขาหน้ากุมท้อง ส่งเสียงร้องในลำคอ และกระโดดออกจากหน้าต่าง วิ่งไปที่สนามหญ้าอีกครั้ง
ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าในวีแชท
น้องชาย เจ้าอย่าส่งข้อความมาหาข้าบ่อยนักสิ รู้ไหมว่าข้าต้องเสียอะไรไปบ้างเพื่อสื่อสารกับเจ้า…
หลินเป่ยเฉินเพิ่งจะอ่านจบ แต่แล้วข้อความนี้ก็ถูกผู้ส่งลบทิ้งไป
อ้าว?
หลินเป่ยเฉินกระพริบตาปริบๆ
ทำไมต้องลบทิ้งด้วยล่ะ?
แล้วเทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ส่งข้อความใหม่มาหาเขาว่า หญ้าดาราน้อยคือหญ้าสวรรค์ชนิดหนึ่ง แต่ปกติแล้วมันเป็นอาหารสัตว์เลี้ยงของเทพเจ้าน่ะ เมื่อกินเข้าไปแล้วมันจะช่วยล้างพิษภายในร่างกาย เจ้าบอกว่าหนูของเจ้ากินเข้าไปแล้วใช่หรือไม่? บัดนี้ มันคงกลายเป็นศพไปแล้วสินะ ขอแสดงความยินดีด้วย น้องชายได้รับศพหนูพิษเอาไว้คอยเล่นงานผู้อื่นแล้ว
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่ง
แบบนั้นมันมีประโยชน์ตรงไหนกัน
ไม่เห็นจะคุ้มค่ากับเงิน 500 เหรียญทองที่เสียไปสักนิด
แต่หนูตัวนั้นมันไม่ตายแล้ว ซ้ำเมื่อรู้ว่าตัวมันเองสามารถล่องหนได้ มันก็พยายามจะสังหารข้าด้วย เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่? หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความถามกลับไป
เจ้ากับสัตว์เลี้ยงไม่ค่อยลงรอยกันหรือ? เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ข้อความถามกลับมาด้วยความประหลาดใจ เจ้าบอกว่ามันไม่ตายใช่ไหม? ตามทฤษฎีแล้วเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่ว่า…เจ้าจะใช้พลังปราณธาตุของตนเองรักษามัน?
ถูกต้อง หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด แล้วข้าควรทำอย่างไรดี?
ไม่ต้องเป็นห่วง เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาเร็วไว ในเมื่อมันถูกเจ้าช่วยชีวิตเอาไว้ มันก็จะไม่สามารถล่องหนได้เมื่ออยู่ข้างตัวเจ้า ทีนี้มันก็ไม่สามารถลอบสังหารเจ้าได้อีกแล้ว
หืม?
เป็นแบบนั้นจริงสิ?
แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินลองทบทวนดู เขาก็พบว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ตอนที่อากวงแอบเข้ามาในห้อง มันไม่ส่งเสียงเลยสักนิด เจตนาคือต้องการแฝงตัว โชคดีที่เขาสามารถใช้พลังจิตตรวจสอบตำแหน่งของมันได้ก่อน จึงรู้ตัวทันเวลาเมื่อเจ้าหนูอสูรเข้ามาประชิดตัว
น้องชายคงเห็นแล้วว่าหญ้าดาราน้อยมีสรรพคุณมหัศจรรย์แค่ไหน ข้ายังมีสินค้าดีๆ ให้เจ้าได้ซื้อหาอีกเยอะเลยนะ ขอแค่เจ้ามีเงินมากพอ สินค้าทุกอย่างของข้าก็เป็นของเจ้าแล้ว
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความมาขายของได้หน้าตาเฉย
ครั้งก่อนข้าถามเรื่องหนทางรักษาใบหน้าที่เสียโฉม เจ้าพอมีวิธีบ้างหรือยัง?
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามไปเมื่อนึกขึ้นมาได้
อ๋อ ข้าเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องไปทำ…ขอตัวก่อนนะ ไอรีนโนเวล
แล้วก็ไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาจากเทพีกระบี่หิมะไร้นามอีกเลย
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
แสดงว่ายังไม่มีวิธีสินะ
หลังจากนั้น อากวงก็วิ่งกลับเข้ามาในห้องในสภาพล่องหนอีกครั้ง
แต่หลินเป่ยเฉินมีพลังจิตแข็งแกร่งมากพอ เมื่อตรวจพบตำแหน่งของมัน เขาก็สามารถมองเห็นร่างของราชันย์หนูอสูรยืนอยู่ที่มุมห้องได้อย่างชัดเจน
การล่องหนของอากวงไม่มีผลต่อเขาจริงๆ ด้วย
หลินเป่ยเฉินระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ออกไปเฝ้ายามที่สนามหญ้าซะ หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุร้าย สัตว์ที่เลี้ยงไม่เชื่องอย่างเจ้า ข้าจะต้องลงโทษเจ้าด้วยวิธีที่ทรมานที่สุดในโลก หากเจ้าคิดหนี ข้าจะจับเจ้าโยนลงหม้อต้มน้ำซุป
อากวงพยายามทำหน้าตาน่ารักน่าชัง แต่เมื่อพบว่าไม่ได้ผล มันก็ต้องเดินออกจากตำหนักไม้ไผ่ ไปยืนเฝ้ายามอยู่ที่สนามหญ้าด้านหน้าด้วยความเหงาหงอย
หลินเป่ยเฉินนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง ก่อนที่จะตั้งค่าแอปพลิเคชั่นต่างๆ ให้เหมาะสมสำหรับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
หลินเป่ยเฉินลงมารับประทานอาหารค่ำภายใต้การดูแลจากสองสาวรับใช้
ตาเฒ่าหวัง บัดนี้สถานะทางการเงินของเราฝืดเคือง ช่วยกันประหยัดค่าอาหารและเสื้อผ้าหน่อยก็ดี หลินเป่ยเฉินพูด อย่าใช้จ่ายให้พุ่มเฟือยเกินไปนัก
หวังจงมีสีหน้าตื่นตกใจไม่น้อย พวกเราถังแตกอีกแล้วหรือขอรับ?
แต่ชายชราก็ไม่กล้าถามอะไรมากไปกว่านั้น
หลินเป่ยเฉินคว้ามือข้างหนึ่งของสาวรับใช้มาอ่านลายมือ หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหนุ่มก็ยกมือตบหน้าอกตัวเองและกล่าวว่า พวกเจ้าสองคนไม่ต้องเป็นห่วง ถึงจะฝืดเคืองอย่างไร ข้าก็จะดูแลพวกเจ้าเป็นอย่างดี เมื่อข้าอิ่มท้อง พวกเจ้าก็จะต้องอิ่มท้องด้วยเช่นกัน
หวังจงปากกระตุก
นายน้อยของเขาปฏิบัติตัวต่อทาสรับใช้สองมาตรฐานเหลือเกิน
ขอบคุณคุณชาย สองสาวประสานเสียงรับคำพร้อมเพียง
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง ว่าแต่เจ้าทั้งสองคนอ่านหนังสือออกหรือไม่?
กราบเรียนคุณชาย พวกเราอ่านออกเขียนได้…หาได้โง่เขลาอย่างที่ท่านเข้าใจไม่
ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ พวกเราถูกฝึกให้ดีดพิณเ ล่นหมากรุก คัดตัวอักษรมาตั้งแต่เด็กๆ แม้แต่บทกวีหรือบทเพลง พวกเราก็สามารถขับร้องได้เช่นกัน…
หลินเป่ยเฉินตบมือด้วยความชอบใจ หัวเราะฮ่าฮ่า ดีเลย งั้นข้ามีภารกิจให้พวกเจ้าทั้งสองคนทำ นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเจ้ามีหน้าที่สอนหนังสืออากวง ถ้ามันไม่ยอมเรียน เดี๋ยวข้าจะตบสั่งสอนมันเอง ขอแค่พวกเจ้าเตรียมการบ้านไว้ให้มันเยอะๆ ทุกวันก็พอแล้ว…
อุ๊วะ อะฮิอะฮิ
นี่คือบทลงโทษที่โหดร้ายที่สุดในโลกที่หลินเป่ยเฉินจะทำกับสัตว์เลี้ยงของเขา
สำหรับกับหลินเป่ยเฉิน ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรทรมานมากไปกว่าการทำการบ้านที่ไม่มีวันจบอีกแล้ว
อากวงที่ยืนเฝ้ายามอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านพัก ได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ตลอดเวลา และบัดนี้มันก็มีน้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า
หลังจากหยอกเย้าสาวรับใช้พอเป็นพิธี หลินเป่ยเฉินรับประทานอาหารเสร็จ ก็กลับขึ้นมาที่ห้องพักของตนเอง
เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เริ่มต้นการโคจรพลังลมปราณ
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
ราตรีกาลเงียบสงบ
พรุ่งนี้ก็ถึงวันแข่งแล้วสินะ
หลังจากเสร็จสิ้นการโคจรพลังลมปราณ เด็กหนุ่มก็ลงจากเตียงเดินมาที่ริมหน้าต่าง
เขาจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยตัวอยู่เหนือคาคบไม้ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า ก่อนหน้านี้อุตส่าห์เตรียมตัวมาดีแล้วแท้ๆ แต่ก็โดนยัยเทพีจอมหลอกลวงนั่นโกงเงินไปเสียได้ ดูเหมือนว่าระหว่างการแข่งขัน เราคงต้องคิดวิธีหาเงินอีกแล้วสิ
แต่ในจังหวะนั้นเอง…
ตู้ม!
เกิดการระเบิดขึ้นที่หน้าตำหนักไม้ไผ่