ยกขึ้นจริงๆ ด้วย
ล้อกันเล่นใช่ไหม? ทำไมถึงได้ง่ายดายเพียงนี้
ข้ารู้สึกว่าเฉาพั่วเถียนจะต้องไปยกกระถางหมายเลขห้าต่อแน่ๆ…
เสียงอุทานดังขึ้นในห้องโถงใหญ่
กลุ่มคณะอาจารย์จากสถานศึกษาต่างๆ มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาในพริบตา
เด็กหนุ่มผมทองมีพลังน่ากลัวเหลือเกิน
มีแต่เพียงชิวเทียนจากสถานศึกษากระบี่ที่หกคนเดียวเท่านั้นที่สามารถยิ้มแย้มออกมาอย่างตื่นเต้น
หลังได้รับบาดเจ็บไปเมื่อคืนก่อน ชายชราร่างอ้วนก็เข้ารับการรักษาที่วิหารเทพกระบี่ อาการบาดเจ็บจึงทุเลาเกินครึ่ง ทำให้สามารถกลับมาปรากฏตัวได้อีกครั้ง เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ชิวเทียนก็อดส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความดีใจไม่ได้
เฉาพั่วเถียนสามารถยกกระถางได้อย่างมั่นคง
ร่างกายของเขาไม่มีอาการสั่นไหวแม้แต่น้อย
นี่เท่ากับว่าตำแหน่งผู้ชนะการทดสอบในรอบนี้ เข้ามาอยู่ในกระเป๋าของสถานศึกษากระบี่ที่หกเกินครึ่งแล้ว
ตอนแรก เป็นชิวเทียนเองที่ถูกคัดค้านการรับตัวเฉาพั่วเถียนเข้ามาเป็นลูกศิษย์ชั่วคราวโดยคณะอาจารย์ผู้อาวุโสในสถาบัน แต่บัดนี้ เด็กหนุ่มก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของชิวเทียนคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง
คิดได้ดังนั้น ชายชราร่างอ้วนก็ต้องหันไปมองทางตำแหน่งที่นั่งของคนจากสถานศึกษากระบี่ที่สาม
เขาเห็นหลิวฉีไห่ ฉู่เหินและพานเว่ยหมินนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง
ชิวเทียนหัวใจพองโตยิ่งนัก
ตึ๊ง!
กระถางที่มีน้ำหนัก 2,000 ชั่งถูกโยนกลับลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง
เฉาพั่วเถียนยืนอยู่ที่เดิม ขยับแขนไล่ความเมื่อยขบ ลักษณะท่าทางผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
ต่อให้ในขณะนี้ตงฟางจันยังคงเป็นผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุด แต่เขาก็ต้องถอนหายใจออกมาแล้ว
ตงฟางจันพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างเฉาพั่วเถียน ช่องว่างระหว่างฝีมือยังคงห่างชั้นมากเกินไป
เฉาพั่วเถียนหันมาชำเลืองมองหลินเป่ยเฉิน ก่อนจะส่ายศีรษะ ยิ้มเหยียดหยาม และทำในสิ่งที่ทุกคนคิด ซึ่งก็คือการเดินไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้ากระถางหมายเลขห้าที่มีน้ำหนัก 2,500 ชั่ง
ทันใดนั้น ทุกคนแทบจะกลั้นหายใจ
เป็นเวลานานมากกว่าสี่ปีแล้ว ไม่เคยมีใครสามารถยกกระถางที่มีน้ำหนัก 2,500 ชั่งได้มาก่อน
คนสุดท้ายที่สามารถทำได้ ก็คือยอดหญิงอัจฉริยะแห่งสถานศึกษากระบี่หลวงหลิงถิงซาน ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เคยถูกคาดหวังว่าจะเติบใหญ่ในจักรวรรดิเป่ยไห่
เฉาพั่วเถียนยืนอยู่เบื้องหน้ากระถางหมายเลขห้า ขยับแขนขยับขา เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการยก
เขาหันหน้ากลับมามองหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า ข้าจะทำลายสถิติที่พี่สาวเจ้าเคยทำเอาไว้ นับจากวันนี้ไป ทุกสิ่งที่ตระกูลหลินเคยสร้างจะต้องถูกข้าเหยียบย่ำจมปฐพี!
พูดจบ เด็กหนุ่มก็ก้มตัวลง เขาใช้สองมือจับขาตั้งของกระถางหมายเลขห้า จากนั้นจึงดึงตัวมาทางด้านหลังเล็กน้อย แขนและขาของเขามีเส้นเลือดปูดโปน เห็นได้ชัดว่ากำลังรวบรวมพละกำลังที่มีทั้งหมดออกมาจากทุกส่วนของร่างกาย
ขึ้นมาเดี๋ยวนี้! เฉาพั่วเถียนระเบิดเสียงคำราม
แล้วกระถางที่มีน้ำหนัก 2,500 ชั่งก็ค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นอย่างเชื่องช้า
ยกขึ้นจริงๆ ด้วย!
ให้ตายเถอะ เขาต้องทำลายสถิติได้แน่ๆ
แบบนี้…เขาก็ทำคะแนนขึ้นมาเป็นที่หนึ่งแล้วน่ะสิ
เสียงผู้เข้าแข่งขันพูดคุยกันกึกก้องห้องโถงใหญ่ บางส่วนเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ยกกระถางไปแล้วและบางส่วนก็ยังคงรอคอยการเรียกชื่อ แต่ขณะนี้ บรรยากาศอื้ออึงด้วยเสียงพูดคุยที่ควบคุมไม่ได้ ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่ตนเองเพิ่งพบเห็น
เด็กหนุ่มผมทองสามารถทำคะแนนขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งขัน โดยทำลายสถิติเดิมด้วยน้ำหนักที่มากกว่ากันถึง 1,000 ชั่ง
สำหรับกับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว การที่ต้องปิดพลังลมปราณและยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมหาศาลด้วยพละกำลังจากร่างกาย เป็นการกระทำที่ไม่ต่างไปจากการเข็นครกขึ้นภูเขา มีคนจำนวนไม่น้อยขอยอมแพ้ ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบด้วยซ้ำ
แม้แต่สีหน้าของหลี่ชิงสวน ผู้สังเกตการณ์ประจำการแข่งขันครั้งนี้ ก็ยังเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ถึงเฉาพั่วเถียนจะมีชื่อเสียงไม่ค่อยดี แต่ความแข็งแกร่งทางพละกำลังของเขาคือสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้
เมื่อเฉาพั่วเถียนยกกระถางหมายเลขห้าค้างอยู่เหนือศีรษะเป็นเวลาสูดลมหายใจเข้าออกห้าครั้งได้สำเร็จ เขาก็โยนกระถางกลับลงไปที่เดิมพร้อมทั้งระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
เสียงหัวเราะดังกังวานทั่วห้องโถงใหญ่
เขาไม่ได้เดินไปที่กระถางหมายเลขหก
เพราะเพียงเท่านี้ เฉาพั่วเถียนคิดว่าคงพอแล้ว
เด็กหนุ่มมั่นใจว่าด้วยคะแนนรวมของน้ำหนักที่ทำได้ เขาก็สามารถเอาชนะทุกคนได้แล้ว
…
ฮ่าฮ่าฮ่า แบบนี้เราก็รู้แล้วว่าใครเป็นผู้ชนะ
เจ้าเด็กคนนี้มันไปกินอะไรมา สามารถยกได้ถึง 2,500 ชั่ง นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
เสียงตะโกนของนักเสี่ยงโชคดังกึกก้องทั่วบ่อนพนันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหยุนเมิ่ง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโถงใหญ่ที่จัดการแข่งขันยกกระถาง ถูกส่งสัญญาณภาพมาปรากฏขึ้นบนหน้าจอการถ่ายทอดสดของบ่อนพนันแห่งนี้
ชายหนุ่มผู้ไว้ผมจุกแซ่กงระเบิดเสียงหัวเราะดังมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ทุกคนได้ยินที่ข้าพูดแล้วใช่ไหม? เฉาพั่วเถียนเก่งกาจสมคำร่ำลือจริงๆ ฮ่าฮ่า พวกเรามาร่ำรวยไปด้วยกันเถอะ… หลังจากนั้น เขาก็หันมาส่ายหน้าใส่หวังจงและพูดว่า ช่างน่าสงสารท่านผู้เฒ่าคนนี้เสียจริง เฮ้อ!
หวังจงได้แต่หัวเราะในลำคอ
เพราะอย่างไรก็เอาเงินเดิมพันคืนกลับมาไม่ได้แล้ว
ชายชรายกมือลูบเคราแพะของตัวเองและกล่าวว่า คอยดูให้ดีก็แล้วกัน
ฮะ? ท่านยังมีหวังจะชนะอยู่อีกหรือ?
ฮ่าฮ่า ท่านลุง เห็นอย่างนี้ท่านยังเชื่อว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถชนะเขาได้อีกหรือ?
นี่สินะโบราณถึงบอกว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ..ไอลีนโนเวล
ชายหนุ่มผมจุกแซ่กงมีเสียงหัวเราะดังมากกว่าทุกคน ท่านผู้เฒ่า เลิกหวังลมๆ แล้งๆ เสียเถอะ มันคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หากหลินเป่ยเฉินสามารถเอาชนะเฉาพั่วเถียนได้จริงๆ ข้าจะยอมแทะโต๊ะไม้ตัวนี้แทนมดปลวกให้ท่านดูเป็นบุญตา!
…
เฉาพั่วเถียน มีพลังอยู่ในระดับจอมทะเลทราย เสียงประกาศผลการทดสอบดังกังวานไปทั่วห้องโถงใหญ่อีกครั้ง
สถิติของตระกูลหลินถูกทำลายลงแล้ว เฉาพั่วเถียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว
เสียงของเขาดังทะลุรูหูทุกคน
จริงหรือ?
พลัน ใครคนหนึ่งพูดสวนกลับไป
ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจผิดแล้วนะ แค่ยกกระถางหมายเลขห้าได้หน่อย ก็คิดว่าตนเองจะเป็นผู้ชนะแล้วหรือ? ไม่ทราบว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?
คนพูดก็คือหลินเป่ยเฉิน
เขาค่อยๆ เดินแหวกกลุ่มผู้เข้าแข่งขันออกมาข้างหน้า เมื่อสบตามองหน้าเฉาพั่วเถียน ริมฝีปากก็บิดตัวเป็นรอยยิ้มเหยียดหยาม ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ เจ้าคิดว่าการยกกระถางหมายเลขห้าได้สำเร็จ มันทำให้เจ้าเป็นจอมพลังแล้วอย่างนั้นหรือ?
เฉาพั่วเถียนเหยียดยิ้มเย้ยหยันและหัวเราะเยาะตอบกลับไป เจ้าทำได้หรือเปล่าล่ะ?
หลินเป่ยเฉินหัวเราะฮ่าฮ่า เดี๋ยวเจ้าจะได้รู้ว่ารสชาติของความหมดหวังมันเป็นอย่างไร
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็หันไปทางหลี่ชิงสวนและกล่าวว่า กราบเรียนใต้เท้าหลี่ ข้ามีเรื่องอยากจะร้องขอเป็นกรณีพิเศษ โปรดให้สิทธิ์ข้าเข้ารับการทดสอบต่อจากเฉาพั่วเถียนได้ไหมขอรับ?
หลี่ชิงสวนยังไม่ทันได้กล่าวตอบอะไร หลินอี้ก็ชิงพูดขึ้นมาว่า ข้าขอคัดค้าน
แล้วเด็กหนุ่มก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น กฎกติการะบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องเข้ารับการทดสอบตามหมายเลขที่ได้รับ พี่เป่ยเฉิน ไม่ทราบว่าท่านตื่นเต้นเกินไปหรืออย่างไร? รู้ตัวหรือไม่ว่าท่านกำลังทำผิดกฎการแข่งขัน และมันจะทำให้ท่านต้องถูกไล่ออก!
บังเกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นรอบบริเวณ
ใบหน้าของหลินอี้ประดับด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองหน้าญาติร่วมสายเลือดด้วยแววตาเหนื่อยใจ ทำไมเจ้าต้องอวดรู้แสดงความโง่เขลาของตัวเองด้วย? ข้าเป็นผู้ที่ได้คะแนนเต็มจากการสอบวัดความรู้รอบแรก และผู้ที่ได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งจากรอบที่แล้ว มีสิทธิ์พิเศษที่จะขออะไรก็ได้จากผู้ควบคุมการแข่งขัน ข้าถึงได้ใช้สิทธิ์นั้นขอเข้ารับการทดสอบต่อจากเฉาพั่วเถียน อย่าบอกนะว่าเรื่องแค่นี้เจ้าก็ไม่รู้?
สีหน้าของหลินอี้เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
จังหวะนั้น ผู้สังเกตการณ์หลี่ชิงสวนกล่าวออกมาเสียงดังว่า อนุมัติคำร้องขอ หลินเป่ยเฉินจะเป็นผู้ที่เข้ารับการทดสอบต่อจากเฉาพั่วเถียน
เด็กหนุ่มผมทองขยับไปยืนกอดอกยิ้มเหยียดหยามอยู่ด้านข้าง
หลินเป่ยเฉินเดินไปข้างหน้าภายใต้การจับจ้องของสายตาจำนวนนับไม่ถ้วน…แล้วเขาก็เคลื่อนกายไปหยุดอยู่ที่หน้ากระถางหมายเลขหนึ่ง
กระถางหมายเลขหนึ่งที่มีน้ำหนักเพียง 500 ชั่ง
ทันใดนั้นเอง แม้แต่กลุ่มคณะอาจารย์ก็อดส่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
เจ้าเด็กคนนี้คิดจะทำอะไร…
เริ่มมีเสียงพูดคุยด้วยความเหยียดหยามดังขึ้น
แต่แล้วพวกเขาก็ได้เห็นหลินเป่ยเฉินสามารถยกกระถางหมายเลขหนึ่งขึ้นจากพื้นได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว เมื่อครบกำหนดระยะเวลาสูดลมหายใจห้าครั้ง เขาก็วางมันกลับคืนลงที่เดิมอย่างนุ่มนวล
เด็กหนุ่มเดินต่อไปที่กระถางหมายเลขสอง
เขายังคงจับหูกระถางด้วยมือเพียงข้างเดียว ลักษณะท่าทางยังคงผ่อนคลาย เมื่อยกขึ้นเหนือศีรษะได้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด เขาก็วางกระถางกลับคืนลงที่เดิม
บัดนี้ แม้แต่ผู้ที่โง่เขลาที่สุดก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด
เพียงพริบตาเดียว หลินเป่ยเฉินก็เดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระถางหมายเลขสาม
เขายังคงยกกระถางที่มีน้ำหนัก 1,500 ชั่งได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว มิหนำซ้ำ ยังสามารถชูขึ้นเหนือศีรษะได้อย่างมั่นคง เมื่อครบกำหนดตามระยะเวลา เด็กหนุ่มก็วางกระถางกลับคืนลงที่เดิมอีกครั้ง
แล้วเขาก็ยกกระถางหมายเลขสี่
ตามด้วยกระถางหมายเลขห้า
หลินเป่ยเฉินยังคงยกกระถางด้วยมือเพียงข้างเดียว
เขาไม่เคยเปลี่ยนไปใช้มืออีกข้างสักครั้ง
หลินเป่ยเฉินใช้งานเพียงแต่มือซ้ายของตัวเอง กล่าวได้ว่า มือขวาของเขายังไม่ต้องออกแรงเลยสักนิด
ในห้องโถงใหญ่บัดนี้เกิดความเงียบในชนิดที่แม้แต่เสียงเข็มตกก็คงได้ยินแล้ว