เอ่อ ข้ายังเป็นเพียงเด็กน้อยเยาว์วัย อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องราวของความรักเลยขอรับ
ต่อให้หลินเป่ยเฉินอยากจะสอบถามเรื่องราวของติงซานฉือมากแค่ไหน แต่เขาก็ห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ให้ถามออกไป
เฒ่าทะเลก็รู้เช่นกันว่าเด็กหนุ่มมีเจตนาอยากจะอยู่อย่างเงียบๆ เขาจึงไม่ได้บังคับหลินเป่ยเฉินให้ตอบคำถามเดิมของตนเองอีก เพียงแต่เปลี่ยนเรื่องพูดด้วยการถามว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันพรุ่งนี้ต้องแข่งขันเกี่ยวกับอะไร?
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า ตอบว่า อาจารย์หลิวบอกว่าวันพรุ่งนี้ต้องแข่งขันวิชาตัวเบาขอรับ
วิชาตัวเบาคืออะไร ไหนเจ้าอธิบายให้ฟังหน่อยสิ? เฒ่าทะเลสอบถาม
หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอยู่เล็กน้อยก็ตอบว่า มันเป็นวิชาที่ช่วยให้เราสามารถพุ่งตัวได้ไกล ไม่ว่าจะเป็นในแนวตั้งหรือแนวนอนขอรับ
ชายชราพยักหน้าด้วยความพอใจ ถูกต้อง แต่เจ้าต้องจดจำเอาไว้ด้วยว่าสิ่งสำคัญสำหรับวิชาตัวเบานั้น อยู่ที่ความเร็วและความคล่องตัว เช่นเดียวกับความแข็งแรงของร่างกาย
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนได้กลับเข้าไปอยู่ในห้องเรียนอีกครั้ง
เฒ่าทะเลกล่าวต่อ เจ้าสามารถใช้วิชาตัวเบาแขนงไหนได้บ้าง แสดงให้อาจารย์ดูหน่อย
หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะใช้สองวิชาตัวเบาที่ติดตัว อย่างวิชาวิหคดั้นเมฆและวิชาย่องหาโฉมสะคราญออกมาให้ชายชรารับชม
วิชาวิหคดั้นเมฆมาถึงขีดสูงสุดแล้ว ไม่เหมาะสมกับขอบเขตพลังเจ้าอีกต่อไป ส่วนวิชาย่องหาโฉมสะคราญยังถือว่าใช้ได้อยู่ ต่อให้เป็นเพียงคัมภีร์ระดับ 2 ดาว แต่ก็มีหลายกระบวนท่าที่สามารถพลิกแพลงได้ในเหตุการณ์เฉพาะหน้า นั่นหมายความว่ายังไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องรีบร้อนฝึกวิชาระดับ 3 ดาวในขณะนี้…
เมื่อรับชมวิชาตัวเบาของเด็กหนุ่มจบเรียบร้อย เฒ่าทะเลก็แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ทีนี้ข้าจะสอนวิชาตัวเบาประจำเผ่าชาวทะเลให้เจ้าได้ฝึกฝน มันคือวิชาที่เรียกว่ามัจฉาไร้เงาแยกร่าง เมื่อใช้ร่วมกับการโคจรพลังลมปราณมัจฉากลายร่างเป็นมังกร ก็จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจ้าเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น…
บังเกิดเหมือนเสียงเกลียวคลื่นดังขึ้นในอากาศ
เจ้าดูให้ดี นี่คือกระบวนท่ามัจฉาไร้เงา
ชายชรากระทืบเท้าซ้ายลงไปบนพื้นเพียงเล็กน้อย ร่างกายของเขาก็ทะยานขึ้นจากพื้นดินลอยขึ้นไปบนฟากฟ้า ก่อนจะทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่บนพื้นดินอีกครั้งห่างออกไปประมาณ 10 วา ความรวดเร็วของเขาทำให้มองไม่เห็นแม้แต่เงาระหว่างการเคลื่อนไหว
ส่วนนี่คือกระบวนท่ามัจฉาแยกร่าง
เฒ่าทะเลสะกิดปลายเท้าขวาเหยียบลงไปบนใบไผ่ที่หล่นลงมาบนพื้นดิน หลังจากนั้น ร่างของเขาก็พุ่งปราดขึ้นไปในอากาศ โดยเงาของร่างเดิมยังยืนอยู่กับที่ราวกับว่าสามารถแยกร่างได้อย่างไรอย่างนั้น
หลินเป่ยเฉินดวงตาเป็นประกายแวววาว
นับเป็นวิชาที่น่าสนใจมาก
ระยะห่างเพียง 10 วาไม่ถือว่าไกล แต่ถือว่าไปได้รวดเร็วยิ่ง
สมแล้วที่มีชื่อวิชาว่ามัจฉาไร้เงาแยกร่าง
เจ้าเห็นชัดเจนหรือไม่? เฒ่าทะเลถาม
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าอีกครั้งและอีกครั้ง เห็นชัดเจนแล้วขอรับ กระบวนท่าแรกสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา ในขณะที่กระบวนท่าที่สองจะทิ้งเงาไว้ข้างหลัง ส่วนร่างจริงเคลื่อนย้ายไปตำแหน่งอื่น กระบวนท่าแรกเน้นที่ความรวดเร็ว กระบวนท่าสองเน้นที่ความคล่องตัว….จุดสำคัญของการใช้วิชานี้อยู่ที่การกระทืบเท้าและปลายเท้าลงบนพื้นดินใช่ไหมขอรับ?
ชายชราหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ ถูกต้อง นับว่าข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ เจ้าคืออัจฉริยะในกลุ่มอัจฉริยะขนานแท้
หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างมีความสุข แหม อาจารย์ก็พูดเกินไป…
แต่แล้วในทันใดนั้น เด็กหนุ่มกลับชะงักคำพูดกลางคัน
แบบนี้มันไม่ปกติแล้วมั้ง
ปกติ หลินเป่ยเฉินใช้โทรศัพท์ช่วยเหลือในการฝึกฝนวิชาทุกอย่าง แล้วทำไมเขาถึงเข้าใจว่าจุดสำคัญของวิชาตัวเบามัจฉาไร้เงาแยกร่างอยู่ที่การกระทืบเท้าและสะกิดปลายเท้าลงบนพื้นดินล่ะ?
หรือว่า…
หรือว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะจริงๆ นะ?
เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากนั้น เฒ่าทะเลก็ยื่นคัมภีร์มัจฉาไร้เงาแยกร่างให้แก่หลินเป่ยเฉิน พร้อมกับพูดว่า เจ้ากับเฉาพั่วเถียนเดิมพันชีวิตกันไว้ ข้าเองคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กขี้ขลาดอย่างเจ้าจะใจกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนั้น
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงถ่อมตัว ตอนนั้นข้าไม่ทันได้คิดอะไรหรอกขอรับ มาคิดได้ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าไม่ควรวู่วามเกินไปเลยจริงๆ…
ตอนแรก หลินเป่ยเฉินคิดว่าชายชราคงตอบรับกลับมาเหมือนคนทั่วไป เช่น ผิดแล้ว คนหนุ่มอย่างเจ้ายิ่งใจกล้ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าชายชราผมเขียวที่สะท้อนประกายอยู่ใต้แสงจันทร์ กลับเห็นด้วยกับคำพูดของเขาเสียอย่างนั้น เจ้าไม่ควรวู่วามเกินไปเลยจริงๆ หากข้าอยู่ตรงนั้น ข้าจะต้องเข้าไปห้ามเจ้าแน่นอน เจ้าคิดว่าตนเองจะสามารถเอาชนะคนของเมืองไป๋หยุนได้ง่ายๆ หรือ?
หืม อาจารย์หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ?
หลินเป่ยเฉินเริ่มรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี
เดี๋ยวเจ้าก็รู้ ชายชราส่ายหน้าและกล่าวต่อ การแข่งขันค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองจะเริ่มต้นจริงๆ ในรอบประลองกระบี่และแยกกลุ่มชิงธง ส่วนหลายรอบที่ผ่านมานี้ เป็นแค่การเตรียมความพร้อมเท่านั้นเอง ยังมีอันตรายอีกมากรอคอยพวกเจ้าอยู่ ถ้าเจ้าชนะ เฉาพั่วเถียนก็ต้องตาย แต่ถ้าเขาชนะ เจ้าก็ต้องเป็นฝ่ายมอดม้วย ..ไอรีนโนเวล
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความไม่เข้าใจ
เฒ่าทะเลกำลังพูดถึงอะไรอยู่?
เด็กหนุ่มคิดอยากจะถามหาคำอธิบาย แต่ชายชรากลับหายตัวไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินเดินกลับเข้าไปในตำหนักไม้ไผ่ด้วยความสงสัย เขาสั่งให้เสี่ยวจี้สแกนคัมภีร์มัจฉาไร้เงาแยกร่างนำไปสร้างเป็นแอปพลิเคชันภายในโทรศัพท์ เมื่อดาวน์โหลดลงเครื่องเรียบร้อย เขาก็จัดการติดตั้งเพื่อที่จะได้เริ่มต้นฝึกฝนทันที
พร้อมกันนั้น หลินเป่ยเฉินก็ได้ลบแอปวิหคดั้นเมฆออกไปจากโทรศัพท์
ขณะนี้ มีเพียงแอปกระบี่สามพิฆาตเท่านั้นที่เขายังไม่ได้ลบมันออกไป ถึงแม้มันจะไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว แต่หลินเป่ยเฉินก็อยากจะเก็บเอาไว้เพื่อเป็นความทรงจำว่า นี่คือวิทยายุทธ์วิชาแรกที่เขาฝึกฝนในโลกแห่งนี้
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินตรวจสอบแอปพลิเคชันที่ติดตั้งอยู่ในโทรศัพท์ ปัจจุบันแอปที่เขามีอยู่ประกอบไปด้วย แอปกระบี่สามสัณฐานแห่งเป่ยไห่ แอปอินทรีถลานางแอ่นเหินลม แอปฝ่ามือเทพเจ้าร้อยก้าวสู่ปรภพ แอปโลหิตกระชากวิญญาณ แอปมัจฉากลายร่างเป็นมังกร แอปกระบี่รักนิรันดร์ แอปมัจฉาไร้เงาแยกร่าง แอปย่องหาโฉมสะคราญ แอปรายละเอียดยาพิษหมื่นชนิด แอปวิชามังกรคำรณ แอปคู่มือการฝึกฝนพลังจิต แอปศรมังกรคราส แอปกระบี่เร้นกายฉบับสมบูรณ์ และยังมีอีกมากมายหลายแอปที่เขาก็ลืมไปแล้วว่าติดตั้งเอาไว้
ในกลุ่มแอปพลิเคชันเหล่านี้ แอปกระบี่รักนิรันดร์ แอปคู่มือการใช้พลังจิต แอปอินทรีถลานางแอ่นเหินลม แอปกระบี่สามพิฆาต แอปย่องหาโฉมสะคราญ แอปมังกรคำรณ แอปกระบี่เร้นกายฉบับมาตรฐาน รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ อีก 7 แอปล้วนแล้วแต่ทำงานจนถึงจุดสูงสุดของพวกมันแล้ว นั่นหมายความว่าต่อให้หลินเป่ยเฉินเปิดใช้งานต่อไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก
สงสัยต้องตัดใจลบทิ้งบ้างแล้วล่ะ
หลินเป่ยเฉินทำใจอยู่นานสองนาน ก็ตัดสินใจนั่งลบแอปพลิเคชันที่หมดประโยชน์ออกไปจากเครื่องถึง 7 แอป
เมื่อเขาลบแอปเหล่านั้นออกไปแล้ว วิชาที่เขาเคยฝึกฝนมาก็จะหายไปจากตัวของเขาด้วย
ปัจจุบัน หลินเป่ยเฉินมีระดับพลังอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ระดับ 2 มีพลังปราณธาตุน้ำ มีความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บ แต่นอกจากความสามารถนี้แล้ว พลังปราณธาตุของเขาก็ยังไม่ได้เปิดเผยถึงความสามารถอื่นๆ อีกเลย
ร่างกายของเขาแข็งแกร่ง เนื่องจากว่าแอปกระบี่เร้นกายทำงานมาจนถึงขั้นสูงสุดคือระดับกระบี่กระดูกเหล็ก มันทำให้ร่างกายของหลินเป่ยเฉินสามารถรับแรงกระแทกได้เป็นจำนวนมหาศาล และผิวหนังก็ยังมีความหนาเหนียวทนทานมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นพลังเดียวกัน
ทางด้านการใช้พลังจิต หลินเป่ยเฉินก็บรรลุขั้นสูงสุดเท่าที่แอปพลิเคชันจะมอบให้เขาได้ ซึ่งมันก็ทำให้เขามีพลังจิตเทียบเท่ากับผู้มีพลังระดับปรมาจารย์ขั้นที่ 6 เลยทีเดียว
เห็นได้ชัดว่าการฝึกพลังจิตก็ส่งผลต่อร่างกายเช่นกัน
กล่าวโดยรวมก็คือ ด้วยความสามารถที่หลินเป่ยเฉินมีติดตัวในขณะนี้ ยังไม่รวมถึงความรอบรู้เรื่องการใช้ยาพิษของเขาอีกมากมาย มันก็ทำให้เด็กหนุ่มสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีพลังเหนือกว่าตนเองถึงสองขั้นได้สบายๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความสามารถทุกอย่างของเขา ก็ขึ้นอยู่กับโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว
โบราณกล่าวไว้ว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน
ถ้าจะให้ต่อสู้กับคนที่มีระดับพลังสูงกว่าเขาสองขั้นจริงๆ หลินเป่ยเฉินก็ไม่มั่นใจเลยว่าตนเองจะสามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จ
แต่เมื่อลองวิเคราะห์ดูแล้ว เขาก็คาดเดาได้ว่าเฉาพั่วเถียนยังไม่น่าจะบรรลุถึงขั้นยอดปรมาจารย์เด็ดขาด
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกเบาใจลงเล็กน้อย
เขาวางโทรศัพท์ลงและเผลอหลับไป
คำพูดของเฒ่าทะเลทำให้เขาตาสว่าง หลินเป่ยเฉินได้ทบทวนในสิ่งที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน
การแข่งขันในรอบต่อจากนี้ เขาจะมั่นใจในตัวเองมากเกินไปไม่ได้อีกแล้ว