ข้าคือเทพีกระบี่
หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นสวมบทบาทตามที่ได้รับ
พูดออกไปแล้วเขาก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
เพราะเสียงของเขามันเปลี่ยนไป
เสียงพูดที่เปล่งผ่านออกจากลำคอเหลือเสียงเดิมของเขาอยู่เพียง 3 ส่วนเท่านั้น
อีก 7 ส่วนที่เหลือเป็นน้ำเสียงที่แปลกประหลาด มันเหมือนเสียงโลหะกระทบกัน ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก ไม่ใช่เสียงของมนุษย์ทั่วไป
แต่สำหรับผู้ที่ศรัทธาในเทพีกระบี่ นี่กลับยิ่งทำให้พวกเขาเชื่อว่าหลินเป่ยเฉินมีวิญญาณของเทพีกระบี่สิงอยู่ในร่างจริงๆ
หลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่เบื้องหน้าทุกคนขณะนี้ไม่ใช่มนุษย์
แต่เป็นเทพเจ้า
เด็กหนุ่มคือตัวแทนที่เทพีกระบี่เลือกสรรมาแล้ว
คารวะท่านเทพพระเจ้า
พวกเราขออุทิศชีวิตให้แก่ท่าน
ชาวเมืองก้มหัวคำนับหลินเป่ยเฉินด้วยความเคารพนับถือ
เดี๋ยวนะ?
เป็นแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะเนี่ย
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเทพเจ้าขึ้นมาจริงๆ แล้ว
เขาค่อยๆ กางแขนออกไป
ไม่รู้มีปีกกระบี่งอกออกมาจากแผ่นหลังของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันแผ่พลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกคลุมผู้คนทั่วทั้งลานจัตุรัส ระเบิดลำแสงสว่างไสวครอบคลุมไปทั่วตัวเมืองหยุนเมิ่ง
หลินเป่ยเฉินไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ข้าคือเทพีกระบี่ เขาพูดออกมาอีกครั้ง
เสียงพูดที่แปลกประหลาดดังก้องกังวานทั่วแผ่นฟ้า
แล้วร่างของเขาก็ค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นดินอย่างเชื่องช้า
เมื่อมีเสียงสวดมนต์ขับขานมาจากพวกของนักพรตหญิงชิน เยว่เว่ยหยางและบรรดานักบวชสาวคนอื่นๆ พลังปราณศักดิ์สิทธิ์ก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของหลินเป่ยเฉินตลอดทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นรูขุมขนบนผิวหนังหรือรูจมูกบนใบหน้า
พวกเจ้าคือสาวกผู้ซื่อสัตย์ของข้า หลินเป่ยเฉินยกมือโบกสะบัด
แล้วโซ่ตรวนที่พันธนาการพวกของฉู่เหิน พานเว่ยหมิน อู๋เฟิ่งกู หยางเฉินโจวและคนอื่นๆ ก็ขาดสะบั้นลงในที่สุด
ตุบ!
ทุกคนถูกจับมัดกับเสาไม้เป็นเวลาเนิ่นนาน จุดก่อกำเนิดพลังลมปราณถูกสกัดปิดกั้น เมื่อได้รับการปลดปล่อยพันธนาการอย่างกะทันหัน คณะอาจารย์ของหลินเป่ยเฉินก็ล้มลงคุกเข่ากับพื้นดินทันที
พวกเขาหอบหายใจเหมือนกำลังเจ็บปวดทรมาน
ไม่มีใครมองเห็นเลยว่าหลินเป่ยเฉินกำลังยิ้มแหยๆ เพราะแสงสว่างที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขามันเจิดจ้ามากเกินไป
เอ๋?
สงสัยเมื่อกี้มือลื่นไปหน่อย
นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินได้ควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ เขาจึงคำนวณเป้าหมายผิดพลาด แทนที่จะปล่อยพลังใส่โซ่ตรวนอย่างแม่นยำ กลายเป็นว่าพลังบางส่วนได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของฉู่เหินและพรรคพวกเสียอย่างนั้น
ขอโทษทีนะขอรับอาจารย์ฉู่
หลินเป่ยเฉินยกมือโบกสะบัดอีกครั้ง
คราวนี้พวกของฉู่เหินกลับมามีสีหน้าเป็นปกติแล้ว
หลินเป่ยเฉิน เจ้าเด็กคนนี้เป็นผู้ที่เทพีกระบี่เลือกหรือนี่ เขาช่างโชคดีเหลือเกิน ทีนี้ก็ได้เวลาล้างแค้นแล้วสินะ…
ฉู่เหินปัดเศษฝุ่นออกจากร่างกาย ลุกขึ้นยืนยิ้มหน้าบาน
แต่พูดยังไม่ทันจบ พานเว่ยหมินกับหลิวฉีไห่ก็ต้องรีบดึงให้ชายชรากลับลงมานั่งคุกเข่าโขกศีรษะคำนับกับพื้นดิน
เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว คนที่อยู่ต่อหน้าเราตอนนี้ไม่ใช่หลินเป่ยเฉิน แต่เป็นท่านเทพีกระบี่เขียวนะ
ถูกต้อง นี่คือท่านเทพีกระบี่ในตำนาน เราจะทำตัวตามปกติได้อย่างไร
พานเว่ยหมินกับหลิวฉีไห่ที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างรีบกระซิบกระซาบบอกฉู่เหิน
ฉู่เหินสะดุ้งโหยงด้วยความร้อนรน ตั้งสติได้ก็รีบโขกศีรษะคำนับพื้นดิน
หลังจากนั้น ก็มีใครอีกคนหนึ่งรีบทำตามโดยทันที
คารวะท่านเทพเจ้า ถังกู่จินนั่งคุกเข่าโขกศีรษะคำนับพื้นดินและตะโกนออกมาเสียงดังฟังชัด
หัวใจของเขาแตกสลายหมดสิ้นแล้ว
หลินเป่ยเฉินคือผู้ที่เทพีกระบี่เลือกให้เป็นตัวแทน
ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ยืนกรานว่าหลินเป่ยเฉินเป็นสาวกปีศาจ แล้วจะเอาตัวรอดอย่างไรดี?
ในขณะที่โขกศีรษะคำนับหลินเป่ยเฉิน ถังกู่จินก็กำลังกระอักเลือดอยู่ในใจ
บรรดาผู้ติดตามของเขาทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว
ไป๋ไห่ชินที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสกำลังคิดหาทางเอาตัวรอด
ก่อนหน้านี้ เขามั่นใจว่าอย่างไรหลินเป่ยเฉินก็ไม่มีทางรอดพ้นความตายเด็ดขาด แต่บัดนี้… ชายชราไม่รู้แล้วว่าจะจัดการหลินเป่ยเฉินได้อย่างไรดี
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้ว
ถังกู่จินแทบจะคลานเข้าไปกอดขาหลินเป่ยเฉินในขณะที่กล่าวละล่ำละลักว่า ท่านเทพีกระบี่ขอรับ ได้โปรดฟังคำอธิบายจากข้าก่อน!
แต่หลินเป่ยเฉินไม่มีเจตนาจะพูดคุยกับเขาอีกแล้ว
ทหาร เด็กหนุ่มออกคำสั่ง ปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์เดี๋ยวนี้
เขากำลังหมายถึงเซียวปิง หวังซินอวี่ โจวเค่อ หลินเสว่หยินและสมาชิกครอบครัวของทุกคนที่ถูกจับกุมตัวรอรับการลงโทษ เช่นเดียวกับคณะอาจารย์และลูกศิษย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม และบรรดาพ่อค้าวาณิชที่เคยทำธุรกิจร่วมกับหลินเป่ยเฉิน
เจ้าหน้าที่มือปราบรีบลงมือปลดพันธนาการนักโทษทุกคนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
มีใครบ้างที่จะกล้าขัดคำสั่งเทพเจ้า?
ทหารผู้ซื่อสัตย์ของข้า ไปลากตัวสาวกปีศาจออกมารับโทษทัณฑ์เดี๋ยวนี้
หลินเป่ยเฉินชี้มือเข้าไปด้านในวิหารอีกครั้ง
กลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบอีกส่วนหนึ่งรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งหายไปยังทิศทางที่เด็กหนุ่มยกมือชี้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉาพั่วเถียน ตงฟางจัน มู่อวี่ซุนและเจิ้งโจวก็ถูกลากตัวออกมาจากที่พักผู้บาดเจ็บ
ทุกคนมีพลังปีศาจแผ่ออกมาจากร่างกาย เจ้าหน้าที่มือปราบเหล่านี้จึงมั่นใจว่ากลุ่มเด็กหนุ่มคือสาวกปีศาจที่เทพีกระบี่เอ่ยถึง
ท่านเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์… ได้โปรดเมตตาข้าน้อย ช่วยขับไล่พลังปีศาจออกไปจากร่างกายของพวกเราด้วย
เฉาพั่วเถียนที่อยู่ในสภาพปางตายเมื่อเห็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสว เขาก็รีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง ขอร้องอ้อนวอนด้วยความคาดหวัง
เด็กหนุ่มผมทองรู้สึกว่าตนเองต้องปลอดภัยแน่นอน
พลังปีศาจที่อยู่ในตัวเจ้าไม่ได้มาจากที่อื่น แต่มันมาจากจิตใจของเจ้าเอง เจ้าคือสาวกปีศาจ มีโทษสมควรตายและต้องถูกนำตัวไปประหารเดี๋ยวนี้
หลินเป่ยเฉินยังคงสวมบทบาทตัวแทนเทพีกระบี่ได้อย่างสมจริง เขาตราหน้าเฉาพั่วเถียนว่าเป็นสาวกปีศาจ เหมือนที่อีกฝ่ายหนึ่งเคยทำกับเขามาตลอด
ทหาร จับตัวเขาไปเผาทั้งเป็น
ไม่นะ ไม่ ไม่… เฉาพั่วเถียนร่ำร้องด้วยความตื่นตกใจ พยายามดิ้นรนขัดขืนการจับกุม ท่านเทพ ท่านกำลังเข้าใจผิด ข้านี่แหละคือสาวกผู้ศรัทธาท่านหมดหัวใจ ข้ายอมอุทิศทุกอย่างให้แก่ท่าน ได้โปรดช่วยเหลือข้าน้อยด้วย ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยผิดไปแล้วจริงๆ อ๊าก…
แต่เจ้าหน้าที่มือปราบที่ได้รับคำสั่งจากเทพเจ้า มีหรือที่จะฟังคำขอร้องของเฉาพั่วเถียน พวกเขานำตัวเด็กหนุ่มผมทองไปมัดติดกับเสาไม้บนกองฟืนโดยทันที
หากเป็นบุคคลทั่วไป เจ้าหน้าที่มือปราบอาจเกิดความลังเลใจขึ้นมาบ้าง
แต่นี่ผู้ที่ถ่ายทอดคำสั่งต่อพวกเขาคือเทพเจ้า แล้วพวกเขาจะสามารถรับฟังคำแก้ตัวของเฉาพั่วเถียนได้อย่างไร?
หลังจากนั้น ตงฟางจัน มู่อวี่ซุนและเจิ้งโจวก็พบเจอชะตากรรมเดียวกัน
ท่านเทพ ข้าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย พลังปีศาจอยู่ในตัวข้าเพียงน้อยนิดเท่านั้น…
ไม่นะ ข้ายังไม่อยากตาย
ท่านเทพได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยไม่ควรร่วมมือกับเฉาพั่วเถียนเพื่อลอบสังหารหลินเป่ยเฉิน เป็นเฉาพั่วเถียนหลอกให้ข้าน้อยรับประทานน้ำยาเพิ่มพลังลมปราณเข้าไป แล้วเขาก็สอนเรื่องชั่วร้ายพวกนี้กับเราทั้งหมด…
เด็กหนุ่มทั้ง 3 คนพยายามหาทางรอดให้แก่ตนเอง
ในจำนวนนั้น คำพูดของเจิ้งโจวทำให้ชาวเมืองตกตะลึงมากที่สุด
นี่มันเท่ากับสารภาพผิดแล้วไม่ใช่หรือ?
เฉาพั่วเถียนเป็นคนวางแผนการทั้งหมดและมีปีศาจคอยหนุนหลัง
หลินเป่ยเฉินถูกใส่ความจริงๆ
เทพีกระบี่รู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง
เมื่อเป็นเช่นนี้…
สายตาของทุกคนพลันเลื่อนไปจับจ้องไป๋ไห่ชินผู้เป็นอาจารย์ของเฉาพั่วเถียน
ในเมื่อลูกศิษย์เป็นสาวกปีศาจ แล้วผู้ที่เป็นอาจารย์นั้นเล่า?
วูบ!
ไป๋ไห่ชินที่มีสภาพบาดเจ็บปางตายไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อยู่ดีๆ ก็ผุดกายลุกขึ้นใช้วิชาตัวเบาพยายามหลบหนีออกไปจากลานจัตุรัส…
เขาอยู่ที่นี่อีกไม่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ที่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉินนั่นก็นับว่าน่าเจ็บปวดพอแล้ว แต่ถ้าจะให้ร้องขอความเมตตาจากเด็กหนุ่มอีกล่ะก็ ไป๋ไห่ชินไม่สามารถทำได้จริงๆ
บัดนี้ เฉาพั่วเถียนซึ่งถูกตัดสินว่าเป็นสาวกปีศาจ ก็แน่ใจในสิ่งที่ตนเองสงสัยมาตลอดเวลาว่า อาจารย์ของเขาเป็นสาวกปีศาจจริงๆ
ความลับนี้เมื่อถูกเปิดโปง ก็มีปลายทางอยู่ที่ความตายเท่านั้น
แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ไป๋ไห่ชินจะหลบหนีไปที่ไหนได้อีก?