หลินเป่ยเฉินตื่นขึ้นมาในอีก 3 วันให้หลัง
ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า จมูกของเขาก็สูดดมได้กลิ่นหอมอ่อนโยน
เมื่อลืมตาขึ้นมอง หลินเป่ยเฉินก็เห็นแสงทองของยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง อาบไล้ใบหน้าที่สวยงามของนักพรตหญิงชิน ผู้ซึ่งกำลังชะโงกเข้ามาตรวจดูอาการของเขาอย่างใกล้ชิด
เส้นผมของนางตกลงมาระใบหน้าหลินเป่ยเฉิน ส่งผลให้เด็กหนุ่มรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย
และมันก็ทำให้ใบหน้าของเขารู้สึกชาดิกลงไปถึงหัวใจ
หลินเป่ยเฉินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เส้นผมของนางก็หล่นเข้ามาในปากเขาพอดี
นักพรตหญิงชินหันขวับกลับมามองด้วยแววตาเย็นเยือก แล้วนางก็ยืดตัวยืนตรงอย่างเชื่องช้า
เส้นผมถูกดึงออกไปจากปากของหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ
นางจะรู้ไหมว่าเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้ตั้งใจ?
แต่เขาหน้าตาออกจะหล่อเหลาขนาดนี้ นักพรตหญิงชินคงไม่ถือสาหาความหรอกกระมัง?
เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? นักพรตหญิงชินสอบถามเสียงเรียบ ไม่มีลักษณะที่บ่งบอกว่าจะไม่พอใจแม้แต่น้อย
หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึกและเริ่มตรวจสอบร่างกายตนเอง
เขาพบว่าในร่างกายไม่มีพลังลมปราณเหลืออยู่เลย
หลินเป่ยเฉินลองโคจรพลังลมปราณ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถรวบรวมพลังออกมาได้ ดูเหมือนว่าบัดนี้ระดับพลังในร่างกายของเขายังไม่ฟื้นตัวขึ้นมาสักเท่าไหร่
พลังจิตก็อ่อนแอเช่นกัน
เด็กหนุ่มปวดหัวตุบ
หรือถ้าจะอธิบายความรู้สึกให้ชัดเจนก็คือ เขากำลังรู้สึกเหมือนคนเมาค้างที่เพิ่งเดินทางกลับจากโรงพยาบาล หลังปีนบันไดขึ้นไปช่วยแมวที่ติดอยู่บนหลังคาตอนเมามาย ก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นด้วยความสูงของตึกสามชั้น
การรับพลังจากเทพเจ้าเข้าร่างกายนี่ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยจริงๆ
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า
ขนาดตอนเป็นวัยรุ่นยังเหนื่อยถึงเพียงนี้ แล้วถ้าอายุเยอะกว่านี้ เขาจะทนรับพลังเทพเจ้าเหล่านั้นได้อย่างไร
บัดนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้วขอรับ หลินเป่ยเฉินพยายามฝืนยิ้มและกล่าวต่อไปว่า ได้พักผ่อนอีกสักวันสองวัน ทุกอย่างน่าจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม
นักพรตหญิงชินพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน การเป็นร่างทรงเทพเจ้าคือเรื่องที่ดี ระดับพลังปราณธาตุของเจ้าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม แต่น่าเสียดายที่พลังจิตยังอ่อนแอมากเกินไป เจ้าคือผู้ที่เทพีกระบี่เลือกสรรให้เป็นร่างทรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เจ้ามีแต่ต้องทนทานให้ได้เท่านั้น อีกอย่าง เมื่อเจ้ามีสถานะเป็นผู้ที่ถูกเลือกแล้ว หลังจากนี้เจ้าก็จะได้รับผลประโยชน์มากมาย เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมก็แล้วกัน ช่วงนี้อาจลำบากหน่อย แต่อีกไม่นานเจ้าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ
เอาล่ะสิ
ตกลงว่าการเป็นร่างทรงเทพเจ้าอะไรเนี่ย มันต้องเป็นต่อไประยะยาวหรือเปล่า?
เทพีกระบี่หิมะไร้นามไม่เห็นบอกอะไรสักคำว่าจะมีผลกระทบตามมามากมายถึงเพียงนี้…
เขาไม่น่าเชื่อใจยัยเทพีนั่นมากเกินไปเลยจริงๆ…
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองตกเป็นเหยื่อถูกเทพีกระบี่หิมะไร้นามหลอกลวงอีกแล้ว
เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด ตอนบ่ายจะมีแขกคนสำคัญแวะมาเยี่ยม พูดจบ นักพรตหญิงชินก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง
หลินเป่ยเฉินยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก
สังเกตจากการตกแต่งภายในห้องและเสียงทะเลที่ดังอยู่ห่างออกไป คาดการณ์ได้ว่าบัดนี้เขากำลังอยู่ในที่พักผู้บาดเจ็บของวิหารเทพกระบี่นั่นเอง
มันเป็นสถานที่ใช้รักษาผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัส
หลินเป่ยเฉินกำลังนั่งอยู่บนเตียงสีขาวและมีผ้าปูที่นอนสีขาว เขาเริ่มต้นใช้วิชามัจฉากลายร่างเป็นมังกรโคจรพลังลมปราณ แต่ร่างกายอ่อนล้าเกินไปหรืออย่างไรไม่ทราบ พลังลมปราณจึงไม่ไหลเวียนเลยแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มลองพยายามดูอีกหลายรอบ แต่ทุกครั้งที่กระแสลมปราณกำลังจะไหลพล่านไปทั่วร่างกาย มันก็เหมือนกับมีกำแพงเหล็กปิดกั้นมวลพลังนั้นไม่ให้ไหลผ่าน
ดูเหมือนว่าผลข้างเคียงจะหนักหนามากกว่าที่คิดแล้วสิ
แต่หลินเป่ยเฉินไม่รีบร้อน
เขานำโทรศัพท์มือถือออกมา
เมื่อดูหน้าจอก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจสุดขีด
เพราะแบตเตอรี่เหลืออยู่เพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง
ถ้าเขาหลับต่อไปอีกสักวันสองวัน โทรศัพท์ไม่ดับไปเลยหรือ?
ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะเขาได้ตายแน่ๆ
เด็กหนุ่มรีบใช้เหรียญทองคำชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ
เมื่อชาร์จแบตเต็มแล้ว หลินเป่ยเฉินก็น้ำตาจะไหล
หลังทำงานหนักหาเงินตัวเป็นเกลียว สุดท้ายเขาก็กลับกลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน
เงินจำนวนนับหมื่นเหรียญที่ได้มาจากการพนันก่อนหน้านี้ หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยเหรียญแล้วเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินไม่รู้ว่าจะโทษให้เป็นความผิดของใครดี?
สงสัยคงต้องกลับมาหาเงินอีกแล้วสินะ
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจและเริ่มต้นตรวจสอบโทรศัพท์
โชคดีที่แอปต่างๆ ในมือถือยังคงทำงานได้ตามปกติ และนั่นก็หมายความว่าร่างกายของเขายังคงเป็นปกติดีเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงไม่ต้องรีบร้อน
เพราะเทพีกระบี่หิมะไร้นามเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรับพลังเทพเจ้า จะคงอยู่เป็นระยะเวลาเพียงไม่นาน แล้วทุกอย่างก็จะกลับสู่สภาพปกติดังเดิม
นักพรตหญิงชินก็เพิ่งยืนยันว่าอีกไม่นานเขาคงกลับมาเป็นปกติ
หลินเป่ยเฉินทำได้แค่รอคอยอย่างอดทนเท่านั้น
ไม่น่าเชื่อเลยว่าก่อนหน้านี้เขายังถูกยกย่องให้เป็นตัวแทนของเทพีกระบี่
มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ อยากจะสั่งประหารใครก็ได้
แต่บัดนี้ หลินเป่ยเฉินกลับทำได้เพียงนั่งโง่ๆ อยู่บนเตียง เหมือนปลาน้อยเกยตื้นที่รอคอยความตาย
หลังจากยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เด็กหนุ่มก็กระโดดลงจากเตียงและเดินไปเปิดประตู ตั้งใจจะออกไปสูดอากาศข้างนอก
ไม่คิดเลยว่าทันทีที่เปิดประตูออกไป…
นายท่านจำเป็นต้องพักผ่อน ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาดนะเจ้าคะ เสียงอ่อนหวานของคนแปลกหน้าดังขึ้น
หลินเป่ยเฉินเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีนักบวชสาวในชุดเกราะเหล็กสองนาง ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้าประตูห้องพักของเขา
พวกนางทั้งสองคนมีร่างกายสูงใหญ่ มัดกล้ามเนื้อกำยำไม่แตกต่างไปจากชายหนุ่ม ใบหน้าอำพรางด้วยหน้ากากโลหะสีเงินแวววาว นักบวชสาวทั้งสองคนนี้มีความสูงเท่ากัน ระดับพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายก็เท่ากัน หลินเป่ยเฉินมองพวกนางที่ยืนอยู่คนละฝั่งของประตูด้วยความแปลกใจ ก่อนจะประสานมือทำความเคารพและถามด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า
ไม่ทราบพวกท่านเป็นใครหรือ?
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ชุดเกราะที่พวกนางสวมใส่มีตราประทับลายดวงจันทร์ของวิหารเทพกระบี่เด่นหรา
หมายความว่านักบวชในชุดเกราะเหล็กทั้งสองนางนี้ ต้องเป็นคนของวิหารเทพกระบี่แน่นอน
แต่หลินเป่ยเฉินไม่เคยพบเห็นพวกนางในเมืองหยุนเมิ่งมาก่อน
เรามาจากมหาวิหารเจาฮุยประจำมณฑลเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งให้มาอารักขาความปลอดภัยของนายท่านโดยเฉพาะ
หนึ่งในนักบวชสาวตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเคารพสูงสุด
นายท่านอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า
นี่เขาเป็นนายท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
นายท่านเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นร่างทรงของเทพีกระบี่ ไม่ว่าจะเป็นสถานะหรือเกียรติยศ ล้วนมีลำดับชั้นสูงสุดตามกฎระเบียบของวิหารเทพ เพราะฉะนั้น พวกเราจึงมีฐานะเป็นผู้ติดตามของนายท่านเจ้าค่ะ
นักบวชสาวทางซ้ายมืออธิบาย
ผู้ที่ถูกเลือก?
ร่างทรงของเทพีกระบี่?
ทำไมเป็นชื่อตำแหน่งที่ฟังดูไม่น่าไว้ใจเลยแฮะ
แต่เห็นได้ชัดว่าคงเป็นตำแหน่งสูงส่งในวิหารเทพแน่นอน
ข้าอยากออกไปเดินสูดอากาศข้างนอกสักหน่อย ไม่ทราบว่าจะออกไปได้หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินพยายามขอร้อง
นักบวชสาวทางขวามือตอบว่า ขออภัยนายท่านด้วยเจ้าค่ะ แต่พวกเราจำเป็นต้องรับประกันความปลอดภัยของท่าน จึงไม่สามารถอนุญาตให้นายท่านออกไปไหนได้จริงๆ
หา? หลินเป่ยเฉินที่สมองกำลังว่างเปล่าขบคิดคำตอบจากนักบวชสาวด้วยความตึงเครียด สุดท้ายก็ถามออกไปว่า หมายความว่าข้าอาจตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่ออย่างนั้นหรือ?
นักบวชชาวทางซ้ายมือพยักหน้า ใช่แล้วเจ้าค่ะ
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปทันที เขาถอยหลังกลับเข้าไปในห้องพัก พร้อมกับพูดด้วยความฉุนเฉียว ใครกันอยากจะมีปัญหากับข้า? มันไม่รู้หรือไงว่านอกจากเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อที่สุดในเมืองหยุนเมิ่งแล้ว ข้ายังมีสถานะเป็นตัวแทนของเทพีกระบี่ผู้ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย… เมื่อวันก่อนข้าก็เผาสาวกปีศาจกับตัดหัวพวกคนชั่วให้ดูแล้วนี่นา… แล้วยังจะมีใครกล้ามีเรื่องกับข้าอีกได้อย่างไร?
ยิ่งพูดเด็กหนุ่มก็ยิ่งไม่เข้าใจ
นักบวชสาวในชุดเกราะเหล็กทั้งสองนางอดหัวเราะออกมาไม่ได้
รอจนถึงตอนบ่าย เดี๋ยวนายท่านก็เข้าใจทุกอย่างเองเจ้าค่ะ นักบวชสาวทางขวามือยิ้มตอบ