เจ้าเป็นคนพูดเองนะ
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นดีดนิ้ว
แล้วเปลวไฟสีส้มก็ลุกโชนขึ้นที่ปลายนิ้วของเขา
นี่ ข้าจะบอกความจริงให้นะ เปลวไฟของข้าสามารถเผาไหม้ได้ทุกอย่าง แม้แต่เสื้อผ้าของข้าก็ไม่มีข้อยกเว้น…
หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างผู้ชนะ
เด็กสาวผมทองหมุนวนมือในอากาศ แล้วพลังปราณธาตุน้ำของนางก็รวมตัวเป็นกระบี่ 2 เล่ม ประจำการอยู่ในมือทั้งสองข้างเป็นประกายระยิบระยับท้าทายแสงตะวัน ในเวลาเดียวกันนั้น ทั่วทั้งเวทีประลองก็ก้องกังวานไปด้วยเสียงคลื่นน้ำซัดสาด
หึหึ มีไฟที่ไหน ย่อมมีน้ำดับที่นั่น… คิดไม่ถึงเลยว่าชะตากรรมของเจ้าจะต้องมาพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของข้า
เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ?
หลินเป่ยเฉินดีดนิ้วมืออีกครั้ง
วูบ!
เปลวไฟพุ่งเข้าไปหาเด็กสาวฝ่ายตรงข้ามโดยทันที
ต่อให้เจ้าดีดนิ้วเป็นร้อยครั้งมันก็ไร้ประโยชน์
นางคำราม
เมื่อกระบี่คู่ในมือทั้งสองข้างตวัดกวัดแกว่ง มวลพลังสีน้ำเงินก็หมุนวนในอากาศ ทันใดนั้น ร่างที่บอบบางของเด็กสาวก็ถูกกำบังอยู่ในเสาน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเปลวไฟของหลินเป่ยเฉินพุ่งเข้าไปกระแทกกับเสาน้ำต้นนั้น เปลวไฟก็ดีดสะท้อนกลับมาหาใบหน้าของเขาเอง
นับว่ามีความร้ายกาจไม่ใช่เล่น
แต่ผลลัพธ์จากการที่เปลวไฟดีดสะท้อนกลับมา หลินเป่ยเฉินกลับรู้สึกเพียงคันยุบยิบบนผิวหนังเท่านั้น
ต้องยอมรับเลยว่าเด็กสาวมีพลังมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ไม่เสียทีที่เป็นตัวแทนประจำเมือง
วิทยายุทธ์ที่เด็กสาวผมทองกำลังใช้ออกมานี้ มีอานุภาพการโจมตีรุนแรงมากกว่าวิทยายุทธ์ที่หลินเป่ยเฉินเคยใช้มาทั้งหมด สมัยที่เขายังมีพลังปราณธาตุน้ำ
แต่ว่า…
ถึงอย่างไรก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
เจ้าไม่รู้หรอกว่าตนเองกำลังสู้อยู่กับใคร
หลินเป่ยเฉินกระแทกหมัดออกไปข้างหน้า
ที่กำปั้นของเขามีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาแล้ว
นับเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง
ระดับการโจมตีรุนแรงมากกว่าครั้งก่อน
แต่เด็กสาวกลับยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
เปรี้ยง!
เมื่อกำปั้นกระแทกเข้ากับเสาน้ำเสียงดังสนั่น เสาน้ำก็แตกกระจายหายไปในอากาศ แต่ทว่า กลับมีสายน้ำขนาดเล็กม้วนตัวรัดพันแขนของหลินเป่ยเฉินไม่ต่างจากงูพิษผู้ฉลาดเฉลียว เล่นงานเด็กหนุ่มในจังหวะที่เขาไม่ทันระวังตัว
หืม?
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
สายน้ำที่กำลังรัดพันแขนของเขาอยู่นี้ มีพละกำลังมหาศาล ไม่สามารถสะบัดหลุดออกไปได้ง่ายๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น
หลินเป่ยเฉินก็เห็นกับตาว่ามีสายน้ำอีกจำนวนมากกำลังถักทอเหมือนรังดักแด้ ห่อหุ้มเปลวไฟบนกำปั้นของเขาเอาไว้ด้านใน
เจ้าต่างหากที่ไม่รู้ว่าตนเองกำลังสู้อยู่กับใคร เด็กสาวผมทองยิ้มเหยียดหยาม
นางยกมือโบกสะบัด
แล้วลูกบอลวารีที่ห่อหุ้มเปลวไฟอยู่ด้านใน ก็ลอยกลับไปอยู่เบื้องหน้านาง
นิ้วชี้ที่เรียวยาวหมุนวนในอากาศ สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกบอลวารีได้ตามใจชอบ สิ่งที่ทุกคนเห็นในขณะนี้ก็คือลูกบอลสีฟ้าครามที่ด้านในมีประกายไฟสว่างไสว กำลังหมุนวนในอากาศด้วยการควบคุมจากปลายนิ้วของเด็กสาว ดูสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง
คนที่มีพลังสูงส่งจริงๆ น่ะ เขาไม่คุยโวกันหรอก ผมหางม้าของเด็กสาวปลิวไสวตามกระแสลม ใบหน้าที่สะสวยแสดงออกถึงความมั่นใจเปี่ยมล้น
เกิดเสียงอุทานดังขึ้นจากกลุ่มคนดูรอบเวที
นางถึงกับสามารถควบคุมพลังปราณธาตุได้ระดับนี้เชียวหรือ
ฉู่เหินพูดด้วยความไม่อยากเชื่อ
แม้แต่เขาเองก็ยังไม่มีความสามารถถึงขั้นนี้ด้วยซ้ำ
พานเว่ยหมินใช้เวลาคิดอยู่เล็กน้อย ก็กล่าวว่า เด็กคนนี้สามารถควบคุมพลังได้ถึงระดับสูงสุดแล้ว เมื่อมาเทียบกับหลินเป่ยเฉิน บัดนี้เขายังควบคุมพลังปราณธาตุไฟของตนเองไม่ได้เลยสักนิด จะเรียกว่าอยู่กันคนละระดับชั้นก็ไม่ผิด
แต่ว่าท่านพี่หลินคงไม่แพ้หรอกใช่ไหมเจ้าคะ?
ฮันปู้ฮวยส่งเสียงถามขึ้นมาด้วยความเป็นกังวล
เขาย่อมไม่แพ้อยู่แล้ว พานเว่ยหมินพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เด็กสาวคนนี้อาจจะควบคุมพลังได้อย่างชำนาญก็จริง แต่พลังปราณธาตุไฟของหลินเป่ยเฉินมีความพิเศษเฉพาะตัว มันไม่ใช่พลังธาตุไฟธรรมดา อีกไม่กี่อึดใจต่อจากนี้ เดี๋ยวเขาก็น่าจะสร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จ เจ้าคอยดูเอาเถอะ…
เสียงพูดยังไม่ทันจางหาย
เปรี้ยง!
งูวารีที่รัดพันอยู่รอบแขนของหลินเป่ยเฉินมีอันระเบิดตัวแตกกระจาย
หยดน้ำสาดกระเซ็น
เปลวไฟลุกโชนทั่วแขนขวา
สลายสายน้ำที่เคยพัฒนาการแขนของเขาหมดสิ้น
แขนเสื้อข้างขวาของหลินเป่ยเฉินถูกเปลวไฟเผาไหม้ไม่มีเหลือ
และด้วยความที่เมื่อสักครู่นี้ถูกหยดน้ำกระเด็นใส่จำนวนมาก เสื้อคลุมของหลินเป่ยเฉินจึงเปียกชุ่มไปทั้งตัว
ดังนั้น เสื้อผ้าของเขาจึงมีความชื้นชุ่มฉ่ำจากหยดน้ำ ทำให้ในระหว่างที่โคจรพลังปราณธาตุไฟเมื่อสักครู่ เสื้อผ้าส่วนอื่นๆ ของเขาจึงยังอยู่ครบถ้วน ไม่ได้ถูกเผาไหม้ไปเหมือนแขนเสื้อแต่อย่างใด
มิฉะนั้นแล้ว เด็กหนุ่มก็คงได้เปลือยกายต่อหน้าสาธารณชนเป็นแน่แท้
หืม?
เด็กสาวผมทองแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนางก็คืองูวารีที่รัดพันแขนของหลินเป่ยเฉินอยู่เมื่อสักครู่
มันอาจจะมีลักษณะเหมือนสายน้ำขนาดเล็ก เป็นเหมือนอสรพิษร้ายตัวเล็กจ้อย แต่ในความจริงนั้น มันมีความเหนียวและยืดหยุ่น รวมถึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า นางถึงกับเคยใช้พลังวารีนี้ตัดกำแพงเหล็กทิ้งมาแล้ว
เดิมทีเด็กสาวตั้งใจพันธนาการแขนของหลินเป่ยเฉิน เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือนเท่านั้น
เต็มที่ก็แค่หักแขนเขาเท่านั้น
นางกำลังรอฟังคำว่ายอมแพ้จากปากหลินเป่ยเฉิน ถ้าเขาพูดคำนั้นเมื่อไหร่ เด็กสาวก็จะสลายพลังลงไปทันที
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป่ยเฉินกลับสามารถสลายพลังของนางได้ด้วยตัวเขาเองภายในระยะเวลาที่รวดเร็วยิ่งนัก
เจ้า…
เด็กสาวอุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว ก้มมองเสื้อคลุมที่เปียกชุ่ม พร้อมกับกล่าวว่า คนสวย เจ้าทำให้ข้าเปียกไปหมดแล้วนะ…
เด็กสาวผมทองถึงกับชะงักกึก จากนั้นจึงได้คำรามออกมาราวกับเป็นแม่เสือสาวตัวน้อย ไร้ยางอายที่สุด! อย่าได้คิดพูดจาบัดสีเยี่ยงนี้กับข้าอีก…
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ
เขาพูดอะไรผิดหรือไง?
ก็นางทำเขาเปียกไปทั้งตัวจริงๆ นี่
ป๊อก!
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นดีดนิ้วอีกครั้ง
เดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ซึ้งเองว่าข้ามีความเร่าร้อนมากแค่ไหน…
พูดได้เพียงเท่านั้น
พรึบ!
ลูกบอลไฟขนาดใหญ่ที่ลุกโชนขึ้นมาเหนือมือของหลินเป่ยเฉินก็ระเบิดตัวแตกกระจาย สะเก็ดไฟปลิวว่อนไปรอบทิศทาง ไอน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศระเหยหายไปทันที มวลความร้อนพุ่งเข้ามาแทนที่ เด็กสาวผมทองไม่ทันระวังตัว ต้องถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความตื่นตระหนก
เป็นไปไม่ได้
นางกรีดร้อง
พลังปราณธาตุน้ำของนางสามารถโจมตีได้แม้แต่ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ แล้วเหตุไฉนหลินเป่ยเฉินถึงสามารถทำลายทุกอย่างลงไปได้ต่อหน้าต่อตาอย่างนี้
ทั้งๆ ที่เขายังไม่รู้วิธีควบคุมพลังปราณธาตุไฟของตนเองสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ
เด็กสาวผมทองก้าวเท้าถอยหลังต่อเนื่องด้วยความตื่นตระหนก
แต่ทันใดนั้น นางก็เห็นสายตาของหลินเป่ยเฉินที่จ้องมองมายังตนเองอย่างผิดปกติ
เจ้ามองอะไรของเจ้า?
นางตวาดถามกลับไป
ไฟ…
หลินเป่ยเฉินชี้มือไปที่ชายเสื้อของเด็กสาวด้วยสีหน้าแปลกประหลาดพิกล ไฟกำลังไหม้เสื้อของเจ้า
เด็กสาวก้มหน้ามองแขนเสื้อของตนเอง
แล้วนางก็ต้องตกใจสุดขีด
เพราะบัดนี้ได้มีสะเก็ดไฟปลิวเข้ามาลุกไหม้บริเวณชายเสื้อของนางตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ มันเผาไหม้อย่างรวดเร็ว เปิดเผยให้เห็นถึงผิวขาวเนียนที่ซ่อนอยู่ด้านใน
แต่คำถามก็คือ ทำไมเปลวไฟพวกนี้ถึงไม่มีความรู้สึกร้อนเลยนะ?
เด็กสาวพยายามตบมือลงไปเพื่อดับไฟ
แต่แล้วนางก็นึกเสียใจที่ทำเช่นนั้น
เพราะว่ายิ่งตบมือลงไป สะเก็ดไฟก็ยิ่งกระจายตัว บางส่วนกระเด็นไปยังแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งของนาง ยิ่งเด็กสาวพยายามดับไฟบนเสื้อผ้ามากเท่าไหร่ เสื้อผ้าของนางก็ถูกเผาไหม้มากเท่านั้น เพียงพริบตาเดียว ผิวขาวๆ ก็ปรากฏออกมาอวดสายตาประชาชนหลายส่วนแล้ว
เด็กสาวตื่นตระหนก
นางรีบโคจรพลังปราณธาตุน้ำของตนเองเพื่อนำมาดับเปลวไฟเหล่านี้
แต่มันกลับไม่ได้ผล
เพียงพริบตาเดียว แขนเสื้อของนางก็ถูกไฟไหม้หมดเกลี้ยง เผยให้เห็นท่อนแขนเรียวยาวขาวเนียนปราศจากตำหนิราคี แม้ผู้คนจะไม่ได้ตั้งใจมอง แต่พวกเขาก็อดจ้องมองไม่ได้
ทว่า นั่นไม่ใช่ปัญหา
เพราะปัญหาสำคัญก็คือ ได้มีสะเก็ดไฟส่วนหนึ่งกระเด็นไปตกอยู่ตามไหล่เสื้อ ด้านหลังเสื้อ ด้านหน้าเสื้อ และบางส่วนกระเด็นลงไปอยู่ที่ชายกระโปรงของนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
ไม่นะ…
นางจะปล่อยให้ไฟไหม้เสื้อผ้าของตนเองได้อย่างไร?
เด็กสาวสติแตกโดยสมบูรณ์
นางพยายามใช้ฝ่ามือของตนเองตบไปตามจุดต่างๆ ที่กำลังมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ตามเสื้อผ้า
แต่เปลวไฟยิ่งตบก็ยิ่งลุกโชนร้อนแรง
ที่น่าแปลกก็คือเปลวไฟเผาไหม้แต่เฉพาะเสื้อผ้า ไม่ได้ทำร้ายผิวหนังของนางเลย
ผิวพรรณที่ขาวเนียนใต้ช่องโหว่ของเสื้อผ้า ปรากฏออกมาอวดสายตาชาวโลก ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ เสื้อผ้าก็ยิ่งถูกสะเก็ดไฟเผาไหม้จนลดจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ
หลินเป่ยเฉินยืนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?
ทักษะการควบคุมเปลวไฟของเขาพัฒนาขึ้นอย่างนั้นหรือ?
นอกจากเผาไหม้เสื้อผ้าของตนเองแล้ว ยังเผาไหม้เสื้อผ้าของผู้อื่นอีกด้วย?
คำถามก็คือทำไมมันถึงไหม้แต่เสื้อผ้า เหตุไฉนถึงไม่ไหม้ร่างกายผู้คน?
แบบนี้คนดูไม่เข้าใจว่าเขาเจตนากลั่นแกล้งเด็กสาวฝ่ายตรงข้ามหรืออย่างไร?
เจ้าคนลามก…
เด็กสาวผมทองกรีดร้องด้วยความโกรธแค้น
เพียงพริบตาเดียว เสื้อผ้าของนางที่สวมใส่อยู่ก็ปรากฏรูโหว่ขนาดเท่าฝ่ามือคนอยู่หลายตำแหน่ง
อย่าขยับนะ…
หลินเป่ยเฉินพูดเสียงดัง เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าดับไฟเอง
แล้วเด็กหนุ่มก็พุ่งเข้าไปใช้สองมือตบเปลวไฟที่เผาไหม้อยู่บนกระโปรงของนางด้วยความปรารถนาดี