เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 428 หน้าด้านไร้ยางอาย

บทที่ 428 หน้าด้านไร้ยางอาย

เจียงจี้หลิวกวาดสายตาสำรวจมองสนามหญ้าหน้าตำหนักไม้ไผ่ด้วยความชื่นชม  เงียบสงบและร่มรื่น ไม่ต่างจากสวรรค์บนดิน นับว่าเจ้ามีรสนิยมที่ดีเลิศ 

 พูดได้ดี 

หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก

เจียงจี้หลิวกล่าวว่า  บ้านของเจ้าสวยมาก 

ไม่นานต่อมา ทั้งสองหนุ่มก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารภายในบ้านพัก

เมื่อผู้เป็นอาคันตุกะเปิดดินปิดฝาไหสุราออก

กลิ่นหอมหวลชวนสูดดมก็ลอยในอากาศ

 ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นนักดื่มตัวยง ดังนั้น ข้าจึงซื้อสุราดาราสมุทรซึ่งเป็นสุราชื่อดังประจำเมืองเจาฮุย มาให้เจ้าได้ลองชิมโดยเฉพาะ 

เจียงจี้หลิวตบไหสุราแผ่วเบา

ของเหลวที่อยู่ในไหบางส่วนกระเด็นขึ้นมาลอยเข้าไปหาหลินเป่ยเฉิน

หลินเป่ยเฉินอ้าปากงับของเหลวเหล่านั้นเข้าปากด้วยความแม่นยำ

พลัน ความร้อนสายหนึ่งก็แล่นผ่านลำคอกระจายไปตามแขนขา หลินเป่ยเฉินรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในพริบตา เหมือนจิตวิญญาณได้ผ่านการชำระล้างอย่างไรอย่างนั้น

 นับว่าเป็นสุราที่ประเสริฐ 

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะและถามออกมาอีกครั้ง  ว่าแต่เจ้าไม่ได้ใส่ยาพิษในสุราไหนี้จริงๆ ใช่ไหม? 

เจียงจี้หลิวยิ้มแย้มเล็กน้อย  หลินเป่ยเฉินช่างเป็นคนมีอารมณ์ขันเกินกว่าที่ข้าคาดคิดทีเดียว 

พูดจบแล้ว เขาก็ยกไหขึ้นดื่มสุราเข้าไปอึกใหญ่

ผลั่ก! ผลั่ก! ผลั่ก!

บังเกิดเสียงการต่อสู้ดังออกมาจากด้านข้างตำหนักไม้ไผ่

 เสียงนี้คืออะไร…  เจียงจี้หลิวถามด้วยความสงสัย

หลินเป่ยเฉินดื่มสุราชื่อดังจากต่างเมือง 3 ถ้วยรวด ก่อนตอบว่า  อ้อ เป็นเสียงสัตว์เลี้ยงกับสหายของข้ากำลังฝึกซ้อมวิทยายุทธ์ด้วยกันนะ 

 คนกับสัตว์เลี้ยงฝึกวิทยายุทธ์ด้วยกัน? 

เจียงจี้หลิวเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นปาดคราบสุราออกไปจากมุมปาก  หากเจ้ามาตรวจสอบที่นี่ทุกวัน ก็คงได้ทราบว่ามันถือเป็นเรื่องปกติที่สุดแล้ว 

เจียงจี้หลิวเพียงยิ้มตอบกลับมา

ยิ่งได้รู้จักหลินเป่ยเฉินมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมคนคนนี้มากขึ้นเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่แปลกใหม่ ลักษณะนิสัยที่ไม่เหมือนใคร แม้เป็นพวกปากร้าย แต่จิตใจของหลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้เลวทราม

บุคคลเช่นนี้สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อื่นได้ในเวลาอันรวดเร็ว

บุคคลเช่นนี้เหมาะสมกับการคบหาเป็นสหายอย่างที่สุด

แต่ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน

เจียงจี้หลิวนำม้วนกระดาษม้วนหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ และนำมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร พูดว่า  หลินเป่ยเฉิน รบกวนเจ้าช่วยอ่านก่อน 

หลินเป่ยเฉินดื่มสุราเลิศรสอีกหนึ่งถ้วยใหญ่ ถามว่า  อะไรรึ? อย่าบอกนะว่าเจ้าจะมอบคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ให้กับข้า? ช่างเป็นคนใจดีอะไรเช่นนี้ 

ระหว่างที่พูด หลินเป่ยเฉินก็หยิบม้วนกระดาษขึ้นมาคลี่ออกอ่าน

แล้วสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปในพริบตา

 สัญญามอบชีวิต? 

เขาตวัดสายตามองหน้าเจียงจี้หลิว  เจ้าจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ? 

เจียงจี้หลิวกลับมามีสีหน้าเย็นชาอีกครั้งพร้อมกับตอบว่า  นี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว 

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่ง  ดีกว่าทางออกที่ข้าเสนอเจ้าอีกหรือ? 

 ไม่ใช่อย่างนั้น 

เจียงจี้หลิวอธิบายต่อ  นี่คือทางออกจากปัญหาที่ดีที่สุด 

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว  เจ้ามีพลังปราณธาตุสายฟ้า และมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับที่ 4 เจตนาถือสัญญาส่งมอบความตายมาให้คู่ต่อสู้ ซึ่งมีพลังเพียงขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 3 ลงนาม เช่นนี้ไม่ต้องหิ้วสุรามาฝากกันก็ได้กระมัง 

พลัน เจียงจี้หลิวพูดด้วยสีหน้าจริงจังมากกว่าเดิม  ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้ามีพลังเพียงขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 3 เลยนะ เพราะว่าเจ้ายังมีความลับอีกหลายอย่างซุกซ่อนอยู่ ถึงแม้ว่าเจ้าจะยอมลงนามในสัญญาส่งมอบความตายนี้ แต่ก็ไม่มีใครทราบเลยว่าเจ้าจะสามารถทำอะไรได้บ้างในวันประลองจริง 

 ข้ามันร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ? 

หลินเป่ยเฉินดื่มสุราดาราสมุทรจนหมดถ้วยในรวดเดียว หลังจากนั้นจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าใจว่า  แล้วถ้าเกิดข้าเป็นเพียงผู้ที่มีพลังยุทธขั้นปรมาจารย์ระดับ 3 จริงๆ ล่ะ? 

เจียงจี้หลิวตอบว่า  ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็จะโดนข้าสังหารโหด ตายคาเวทีอย่างน่าอนาถ ต่อหน้าคนดูจำนวนมาก 

หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

 เจ้าไม่คิดว่ากำลังเอาเปรียบข้าเกินไปหน่อยหรือไง 

เมื่อสักครู่นี้ เขายังมีความรู้สึกดีๆ กับเจียงจี้หลิว แต่บัดนี้ ความเกลียดชังเริ่มก่อตัวเกิดขึ้นในใจของหลินเป่ยเฉินแล้ว

เจียงจี้หลิวยิ้มแย้มอย่างไม่สะทกสะท้าน  เมื่อถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ถ้าไม่เป็นฝ่ายเอาเปรียบคนอื่น ก็ต้องตกเป็นฝ่ายที่ถูกคนอื่นเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา เจ้าเองก็น่าจะเข้าใจถึงหลักการนี้ตั้งนานแล้วนี่ ในเมื่อเจ้าลงมือก่อเหตุโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา เจ้าก็สมควรต้องยอมรับผลกรรมที่ก่อไว้ไม่ใช่หรือ? 

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในคาบเรียนวิชาศีลธรรมไม่มีผิด

หลินเป่ยเฉินยกมือตบไหสุรา ยิ้มแย้มและกล่าวว่า  แต่ปัญหาก็คือสำหรับข้าแล้ว การลงนามในสัญญามอบชีวิตในการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง ไม่ใช่ทางออกที่ดีสักเท่าไหร่ 

เขายังจำได้ดีถึงคำแนะนำของนักพรตหญิงชิน จึงไม่มีทางลงนามในสัญญามอบความตายโดยพละการเด็ดขาด

เจียงจี้หลิวส่ายหน้าปฏิเสธ  ผิดแล้ว สัญญามอบความตายนี่แหละ คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับหลินเป่ยเฉิน 

เด็กหนุ่มผู้ถูกเอ่ยนามยกมือนวดขมับด้วยความปวดหัว  เจ้าหมายความว่าอย่างไร? 

เจียงจี้หลิวก้มหน้าลง ไม่ตอบคำถาม

ผ่านไปอึดใจใหญ่ มือกระบี่ผู้หล่อเหลาจากเมืองเจาฮุยก็เงยหน้าขึ้นมา พูดว่า  มีแต่เพียงวิธีนี้เท่านั้น เจ้าถึงจะสามารถรักษาชีวิตญาติสนิทมิตรสหาย ผู้คนรอบตัวของเจ้า รวมถึงรักษาชีวิตสัตว์เลี้ยงของเจ้าเอาไว้ได้ 

หืม?

ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นมาทันที

เขาถามกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชา  นี่เจ้ากำลังขู่ข้า? 

เจียงจี้หลิวพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง  จะว่าอย่างนั้นก็ได้ 

หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก ก่อนพูดว่า  พอจะบอกได้หรือไม่ ถ้าข้าไม่ลงนามในสัญญามอบความตาย คนรอบตัวของข้าที่เจ้าจะเล่นงานมีใครบ้าง? 

เจียงจี้หลิวตอบว่า  ถึงแม้บิดาเจ้าจะทำให้ตระกูลล่มสลาย แต่เจ้าก็ยังคงมีสหายอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นฮันปู้ฟู่ เยว่หงเซียง มี่หรู่หยาน แล้วก็คนที่เป็นเหมือนครอบครัวของเจ้าอีกนับไม่ถ้วน อย่างเช่นหวังจง สองสาวรับใช้ประจำตัว เหล่าลูกศิษย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม แล้วก็อันธพาลข้างถนนที่ชื่อกงกง รวมไปถึงลูกน้องของมันอีก 40 กว่าคน ยังไม่รวมถึงชาวเมืองที่แอบทำงานลับๆ ให้กับเจ้าอีกจำนวนมาก 

หลินเป่ยเฉินถามกลับไป  หากข้าไม่ลงนามในสัญญามอบความตาย จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? 

เจียงจี้หลิวตอบว่า  ข้าไม่สามารถรับประกันได้ 

 นี่เจ้าเป็นคนที่หน้าด้านไร้ยางอายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? 

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความไม่อยากเชื่อ

เจียงจี้หลิวพยักหน้าตอบรับไม่สะทกสะท้านใดๆ

หลินเป่ยเฉินพลันหัวเราะในลำคอ  ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คงผิดหวังแล้ว 

เจียงจี้หลิวไม่พูดคำใด

หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อ  เพราะข้าก็เป็นคนที่หน้าด้านไร้ยางอายเช่นกัน 

ในเมื่อหลินเป่ยเฉินเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอาย เขาย่อมไม่เป็นห่วงชีวิตผู้อื่นอยู่แล้ว

เจียงจี้หลิวพยักหน้าและลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า  ต้องยอมรับว่าเจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ แต่ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ลองคิดดูอีกครั้ง เจ้ามีเวลาตัดสินใจก่อนการแข่งขันรอบสุดท้ายกับข้าวันพรุ่งนี้ จนกว่าจะถึงตอนนั้น เจ้ายังสามารถเปลี่ยนใจลงนามในสัญญามอบชีวิตได้ทุกเมื่อ 

หลินเป่ยเฉินยังคงนั่งหัวเราะอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม  เจ้าแน่ใจหรือว่าจะได้เข้าไปเจอข้าในรอบสุดท้ายจริงๆ? 

เจียงจี้หลิวพยักหน้าอีกครั้ง  หากเจ้าสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบนั้นได้สำเร็จ ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าได้ขบคิดอีกสักครั้ง ก่อนที่เราจะเริ่มประลองกัน 

พูดจบแล้ว เด็กหนุ่มเจ้าของฉายามือกระบี่พันหน้าก็เดินออกไปจากตำหนักไม้ไผ่

ม้วนสัญญาส่งมอบความตายยังคงวางอยู่บนโต๊ะอาหาร

หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

เขาจ้องมองแผ่นหลังของเจียงจี้หลิวพร้อมกับถอนหายใจออกมาและพูดว่า  บอกตามตรงเลยนะ ข้าก็ผิดหวังในตัวเจ้าไม่น้อยเช่นกัน ข้าเกือบจะมองเจ้าเป็นคนใหม่เสียแล้ว แต่ในเมื่อเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอถอนคำพูดทุกอย่างกลับคืนก็แล้วกัน เจ้าไม่มีค่าคู่ควรที่จะมาเป็นสหายของข้า 

เจียงจี้หลิวเดินหายลับไปจากตำหนักไม้ไผ่โดยไม่ลังเล

หลินเป่ยเฉินหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมอย่างเชื่องช้า

 หวังจง 

เขาตะโกนเรียกเสียงดัง  เจ้าไปตายอยู่ที่ไหนแล้ว? 

 พ่อบ้านหวังรีบออกไปทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จเจ้าค่ะ เห็นว่ากลุ่มหาข่าวในเมืองมีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรายงานให้ทราบ  เฉียนเหมยยื่นศีรษะเข้ามาจากห้องนั่งเล่นและกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

หลินเป่ยเฉินยกมือนวดขมับตนเอง

เจียงจี้หลิวนี่มันเป็นมหันตภัยของเขาจริงๆ

ถ้าเกิดอีกฝ่ายจับตัวญาติพี่น้องของฮันปู้ฟู่ มี่หรู่หยาน หรือเยว่หงเซียงมาข่มขู่ให้เขาลงนามในสัญญามอบชีวิต หลินเป่ยเฉินจะทำอย่างไรดี?

เฮ้อ

เขาก็คงทำได้เพียงหันหน้าหนีและปฏิเสธไม่รู้จักทุกคนเท่านั้น

ก็คนเหล่านั้นไม่ใช่ญาติพี่น้องของเขาสักหน่อยนี่นา ทำไมจะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วย?

สถานการณ์ในตอนนี้ เขาต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อนเป็นลำดับแรก

นี่คือวิธีคิดที่หลินเป่ยเฉินบอกกับตนเองเสมอเวลาเจอปัญหา

แต่ในทันใดนั้น…

ก๊อกก๊อกก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

เด็กหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นหน้าประตู ในมือของเขามีกล่องใส่อาหารสีดำถืออยู่เด่นหรา  ท่านคือคุณชายหลินเป่ยเฉินใช่ไหมขอรับ? 

หลินเป่ยเฉินชักสีหน้าด้วยความไม่ชอบใจ  ข้าเป็นถึงหนุ่มหล่ออันดับ 1 ประจำเมืองหยุนเมิ่ง เจ้าเป็นใครมาจากไหน? เพราะเหตุใดถึงไม่รู้จักข้า? 

เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย รีบเดินเข้ามาวางกล่องอาหารสีดำไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า  มีคนสั่งให้ข้าน้อยนำกล่องอาหารมาส่งมอบขอรับ 

หืม?

ใครกันนะอยากจะเลี้ยงข้าวเขา?

หลินเป่ยเฉินสังหรณ์ถึงอะไรบางอย่าง รีบเปิดกล่องอาหารออกดูทันที

กลิ่นเลือดโชยออกมาจากด้านใน

สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแปรเปลี่ยนไปในพริบตา

ด้านในกล่องอาหารชั้นแรก บรรจุไว้ด้วยมือมนุษย์ข้างหนึ่ง

เป็นมือมนุษย์ที่สดใหม่ ถูกตัดเสมอข้อด้วยอาวุธคมกริบ

 

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท