ในถ้ำลึกแห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่บนภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวิหารประจำเมือง
ม่านพลังล่องหนได้ก่อตัวขึ้นมาเป็นกำแพงอำพรางสายตาผู้คน
มันเป็นกำแพงที่ซ่อนเร้นร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งเมื่อนางลืมตาขึ้นมาก็ต้องกระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ ร่างกายสั่นสะท้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
การลงมือในครั้งนี้ ไม่ได้พึ่งพิงแต่เพียงพลังของฝ่ายปีศาจอย่างนางเท่านั้น
แต่ยังพึ่งพิงเทพเจ้าของจักรวรรดิจี้กวงอีกด้วย
เป้าหมายการโจมตีในครั้งนี้คือยึดครองพื้นที่ซึ่งเคยเป็นดินแดนของเทพีกระบี่มาเป็นของพวกนางให้ได้
นี่เป็นแผนการที่ถูกวางอย่างรัดกุมและจัดเตรียมทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบที่สุด
แต่สุดท้ายก็กลายเป็นฝ่ายพวกนางเองที่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่เทพีกระบี่
หรือนี่จะเป็นคำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ฝ่ายปีศาจจะไม่สามารถเอาชนะเทพีกระบี่ได้ตลอดไป?
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจนัก
นางปีศาจยกมือปาดเลือดออกจากมุมปาก ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความแค้นที่แน่นอก
เทพีกระบี่ไม่ควรส่งพลังมาช่วยเหลือได้เช่นนี้
นางไม่สมควรติดต่อโลกมนุษย์ได้เช่นนี้
แต่ในความเป็นจริง นอกจากเทพีกระบี่จะส่งพลังมาช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินได้ทันเวลาแล้ว ยังถึงกับแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้ทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตาอีกด้วย
เกิดอะไรขึ้นบนดินแดนทวยเทพกันแน่?
ไหนพวกเทพวิหคซึ่งเป็นเทพเจ้าประจำจักรวรรดิจี้กวงสัญญาเอาไว้แล้วไงล่ะ ว่าจะจัดการเผด็จศึกเทพีกระบี่ให้ได้ หรืออย่างน้อยก็ถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด จนการตรวจสอบวิหารผ่านพ้นไป
หรือว่าการโจมตีของกองทัพเทพวิหคจะล้มเหลว?
หากเป็นเช่นนั้น…
ใบหน้าของนางปีศาจผู้ลึกลับบิดเบี้ยวด้วยความเกลียดชัง
นางรีบลุกขึ้นและเดินออกมาจากถ้ำอย่างรวดเร็ว
เมืองหยุนเมิ่งเป็นสถานที่แปลกประหลาดพิสดารเกินไป เราไม่ควรอยู่นานมากกว่านี้อีกแล้ว
นางปีศาจกำลังจะลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
ปีศาจร้าย เจ้าจะหนีไปที่ใด?
พลัน เสียงคำรามก้องกังวานมาจากเหนือศีรษะ
ปรากฏว่าเป็นรูปปั้นหินยักษ์ของเทพีกระบี่กำลังลอยอยู่ในอากาศ
ดวงตาของรูปปั้นเปล่งแสงสว่างเรืองรอง มันมีลักษณะทรงกลมเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก พลังที่แผ่ออกมาจากดวงตาคู่นั้นทำให้มวลอากาศปั่นป่วน ปีกกระบี่บนแผ่นหลังแม้จะทำมาจากก้อนหิน แต่มันกลับสามารถกระพือพัดได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างจากปีกกระบี่ของจริง…
นางปีศาจถึงกับตกตะลึง
อยากจะฆ่าข้าหรือ? คงไม่ง่ายดายขนาดนั้น
นางปีศาจหัวเราะเยาะ กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ก่อนที่เลือดสีแดงดำพวกนั้นพลันลอยตัวในอากาศอย่างแปลกประหลาด
แล้วนางปีศาจก็ยื่นมือออกไปใช้นิ้ววาดหยดเลือดเหล่านั้นให้กลายเป็นรูปทรงมังกรและงูคู่หนึ่ง ราวกับว่านางมีนิ้วมือเป็นพู่กันศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถเสกสิ่งใดก็ได้ตามความปรารถนาด้วยหยดเลือดของตนเอง
นี่คือวิชาเวทมนตร์ที่สืบต่อกันมาหลายพันปี ไม่มีผู้ใดจะสามารถใช้งานวิชานี้ได้นอกจากพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้น
เมื่อโคจรพลังปราณปีศาจใส่เข้าไป มังกรและงูคู่นั้นก็ยิ่งระเบิดพลังออกมารุนแรงมากกว่าเดิม
บัดนี้ นางปีศาจก็กำลังระเบิดลำแสงสีดำแดงออกมาจากร่างกายเช่นกัน
มวลพลังพวยพุ่งออกไปรอบทิศทาง
ดวงตาของรูปปั้นหินในอากาศแตกกระจาย
แล้วนางปีศาจก็อาศัยจังหวะนั้นบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและหนีหายไปด้วยความรวดเร็วยิ่ง
รูปปั้นหินยักษ์ของเทพีกระบี่พยายามจะบินตามไป กระบี่หินในมือเงื้อขึ้นสูง ก่อนจะตวัดวูบส่งพลังลมปราณกระบี่ไล่หลังไปยังทิศทางที่นางปีศาจบินหายไป
นี่คือการโจมตีที่มีพลังรุนแรงถึงขั้นเอาชีวิต
หากนางปีศาจกระทบถูกพลังลมปราณกระบี่สายนี้ก็จะต้องดับดิ้นอย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ขยายครอบคลุมทั่วบริเวณ พลังลมปราณสีดำแดงสลายหายไปในอากาศ บัดนี้ บนท้องฟ้าก็หลงเหลือแต่เพียงรูปปั้นหินที่ลอยตัวอยู่เพียงลำพังเท่านั้น
รูปปั้นหินของเทพีกระบี่บินไปยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในหุบเขาแห่งนี้ มันกวาดสายตามองโดยรอบ ก่อนที่สุดท้ายลำแสงที่แผ่ออกมาจากร่างกายจะเริ่มหม่นหมองลง
ข้าตามนางปีศาจตนนั้นไปไม่ทัน
ในโทรศัพท์มือถือของหลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเทพีกระบี่หิมะไร้นามเข้ามาว่า นางปีศาจที่เล่นงานเจ้า นอกจากมีพลังแข็งแกร่งแล้ว ยังมีจิตใจกล้าหาญอย่างน่าเหลือเชื่อ เกรงว่าถ้ามันกลายเป็นศัตรูของน้องชายในอนาคต เจ้าก็คงต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้แล้ว
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาในทันใด
เขาลอยตัวไปบินวนอยู่เหนือลานหินหน้าวิหาร
ด้านล่างมีแต่กองเลือดเนืองนองอยู่เต็มไปหมด
คุณชายเหลียนซานค่อยๆ คลานขึ้นมาจากหลุมหนึ่งบนพื้นดินด้วยสีหน้าหมดหวัง เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด…
จงรอรับการลงทัณฑ์จากข้าเสียดีๆ เถิด
หลินเป่ยเฉินลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ก้มหน้ามองลงไปที่คุณชายจอมเจ้าเล่ห์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเว่ยหมิงเฉิน
ฮ่าฮ่า นี่หรือคือเทพเจ้า? แน่ใจนะว่าเจ้าคือเทพเจ้าตัวจริง? คุณชายเหลียนซานเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโต้ตอบกลับมา เทพเจ้านับเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในอีกเขตแดนหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดหรือว่าตนเองสูงส่งกว่าพวกข้าหรือมนุษย์คนอื่นๆ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรจะมาลงทัณฑ์ข้าไม่ทราบ
หืม?
ไอ้เจ้าคุณชายคนนี้มันยังไม่ยอมแพ้จนถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ แฮะ
หลินเป่ยเฉินอดประหลาดใจไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น
แต่สิ่งที่คุณชายเหลียนซานพูดออกมาก็มีเหตุผล
หากเปลี่ยนเป็นพูดที่อื่น ในสถานการณ์อื่น หลินเป่ยเฉินก็คงจะต้องนึกชอบใจในตัวคุณชายคนนี้มากแน่ๆ
แต่น่าเสียดายที่หมอนี่เป็นศัตรูกับเขา…
ดังนั้นจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด!
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
วูบ!
กระบี่ทั้งหนึ่งร้อยเล่มที่บินวนอยู่รอบกายของหลินเป่ยเฉินพลันเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าและหันปลายกระบี่พุ่งตรงลงไปที่หน้าอกของคุณชายเหลียนซานตรงเป็นจุดเดียว ซึ่งสภาพในขณะนี้ คุณชายเหลียนซานไม่สามารถป้องกันตนเองได้อีกแล้ว
ฮ่าๆๆๆ…
คุณชายเหลียนซานระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนคนเสียสติและพึมพำว่า ไม่ว่าจะทำภารกิจสำเร็จหรือล้มเหลว อย่างไรสักวันหนึ่ง เราก็คงต้องตายอยู่ดี… ฮ่าๆๆๆ ทำไมมันถึงได้เหนื่อยอย่างนี้ ช่างน่าเศร้านัก ขอเพียงแค่… น่าเสียดาย น่าเสียดาย น่าเสียดายเหลือเกิน…
เสียงพูดแผ่วเบาลงเรื่อยๆ สุดท้าย คุณชายเหลียนซานก็ถอนหายใจออกมาและตายไปอย่างสงบ
ค่ายอาคมทุกอย่างที่เขาสร้างเอาไว้สูญสลายหายไปในทันที
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินกลับมามีความเยือกเย็น
ในเมื่อเป็นศัตรูกับเขาก็ต้องตาย
นี่ไม่ใช่การลงทัณฑ์จากเทพีกระบี่
แต่มันเป็นการตัดสินใจจากเขาเอง
โดยเฉพาะกับบุคคลที่อันตรายอย่างคุณชายเหลียนซาน หากรอดชีวิตกลับไปช่วยวางแผนให้แก่เว่ยหมิงเฉินได้มากกว่านี้ ไม่ทราบเลยว่าจะมีแผนร้ายที่ทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตอีกเท่าไหร่?
สุดท้ายการต่อสู้ก็จบสิ้นลงจริงๆ สักที
พวกทหารผู้ทรยศทั้งหลาย พวกเจ้าจะหนีไปไหน?
หลินเป่ยเฉินลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า เสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วเมือง คลื่นเสียงแผ่กระจายออกไปเหมือนพายุหมุน กวาดผ่านไปทั่วภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารประจำเมือง
กลุ่มนายทหารจากแคว้นซินจินตั้งค่ายพักอยู่ที่บริเวณเชิงเขา
ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ ทุกคนหลบซ่อนตัวเป็นอย่างดี
บริเวณเชิงเขานอกจากจะมีค่ายพักแรมของทหารกลุ่มนี้แล้ว ก็ยังมีชาวเมืองหยุนเมิ่งกลุ่มหนึ่งและมือกระบี่จากต่างถิ่นอีกหลายสิบคน พวกเขายังไม่รับทราบผลการตรวจสอบ ได้ยินเพียงเสียงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนยอดเขา จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เพราะสัญญาณการถ่ายทอดสดถูกตัดจบไปนานแล้ว
พวกเขาไม่ได้รับทราบข่าวใดๆ เลย
แต่เมื่อมีเสียงคำรามเช่นนี้ดังออกมา ทุกคนก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์การตรวจสอบวิหารและอัญเชิญเทพเจ้าจบลงในรูปแบบใด
ตุบ!
กลุ่มนายทหารรีบคุกเข่าลงกับพื้นดินด้วยความร้อนรน
ท่านเทพีได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย
กราบเรียนท่านเทพี พวกเราผิดไปแล้ว…
ฮื่อ… ข้าน้อยทำผิดมหันต์ ข้าน้อยสมควรตาย แต่ท่านเทพีได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย…
นายทหารกลุ่มใหญ่โขกศีรษะกับพื้นดินและขอร้องอ้อนวอนให้เทพีกระบี่ไว้ชีวิต
พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงนายทหารเท่านั้น
แต่ยังเป็นมือกระบี่อีกด้วย
มือกระบี่ของจักรวรรดิเป่ยไห่ผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรี
นายทหารทุกคนในกองทัพล้วนแล้วแต่เป็นมือกระบี่
และมือกระบี่ ย่อมมีเทพีกระบี่เป็นเทพเจ้าประจำใจ
เหตุผลที่พวกเขาเดินทางมายังเมืองหยุนเมิ่งนั้น ก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบวิหารและอัญเชิญเทพเจ้า เพราะว่านายทหารเหล่านี้เชื่ออย่างหมดใจว่าวิหารเมืองหยุนเมิ่งเป็นผู้ทรยศและนำชื่อของเทพีกระบี่ไปแอบอ้างเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว ทั้งหมดที่พวกเขาทำลงไป ก็เพื่อจะปกป้องชื่อเสียงของเทพีกระบี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
แต่บัดนี้ ทุกคนตาสว่างแล้ว
พวกเขารู้ตัวแล้วว่าตนเองทำผิดพลาดอย่างมหันต์
บรรดานายทหารจึงร้องไห้ออกมาด้วยความขมขื่น
ในหัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเศร้าโศก
เมื่อค่ายอาคมที่คุณชายเหลียนซานสร้างเอาไว้สลายหายไป พวกเขาก็เห็นหลินเป่ยเฉินกำลังลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าเสมือนเป็นเทพเจ้า เด็กหนุ่มมีความสง่างามและดูน่าเกรงขาม แตกต่างไปจากข้อมูลที่พวกเขาได้รับทราบมาก่อนหน้านี้เหมือนคนละคน
หรือว่า…
วิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งผ่านการตรวจสอบและสามารถอัญเชิญเทพเจ้าได้สำเร็จ?
พวกเรารีบถอนกำลัง รีบกลับออกไปจากภูเขาลูกนี้ อย่าได้ลบหลู่เทพีกระบี่อีกเด็ดขาด
บัดนี้ ไม่มีแม่ทัพหรือขุนพลใหญ่คอยสั่งงานพวกเขาอีกแล้ว เหล่านายทหารจึงรีบถอนกำลังกลับออกไปจากภูเขาด้วยความชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
นี่มันพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพีกระบี่
หลินเป่ยเฉินเป็นร่างทรงเทพเจ้า เทพีกระบี่กำลังเข้าสิงร่างของเขาอยู่ใช่หรือไม่?
ผิดไปแล้ว พวกเราผิดไปแล้วขอรับ
เจ้าหน้าที่ยศนายกองคนหนึ่งคุกเข่าลงกับพื้นดินและโขกศีรษะคำนับหลินเป่ยเฉินห้าครั้งซ้อน
สำหรับนายทหารของจักรวรรดิเป่ยไห่ พวกเขามีความศรัทธาต่อเทพีกระบี่ถึงขั้นฝังลึกลงไปในกระดูกดำ เรียกได้ว่าเป็นความศรัทธาที่ถูกปลูกฝังอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกเลยด้วยซ้ำ
เหล่ามือกระบี่จากต่างถิ่นที่เฝ้ารอผลการตรวจสอบถึงกับตกตะลึงกันไปหมด
เหตุการณ์จะจบเพียงเท่านี้หรือ?
วิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งสามารถรอดพ้นหายนะได้อย่างปาฏิหาริย์
ดูเหมือนว่าหลินเป่ยเฉินที่เป็นร่างทรงเทพเจ้าจะเป็นผู้พลิกสถานการณ์อย่างแท้จริง
นั่นหมายความว่าเจ้าเด็กคนนี้กำลังจะมีชื่อเสียงโด่งดังอีกแล้วสิ?
บัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนจากฝ่ายเหนือหรือฝ่ายใต้ ทุกคนต่างก็กำลังคิดเป็นอย่างเดียวกัน
มือกระบี่จากต่างถิ่นเหล่านั้นคุกเข่าลงกับพื้นดินและประสานมือคำนับพร้อมกับสวดภาวนา
ส่วนบนขั้นบันไดหินหน้าวิหารประจำเมืองหยุนเมิ่งในขณะนี้
น่าเสียดายนัก… เฒ่าทะเลถอนหายใจออกมาและส่ายศีรษะเล็กน้อย
องค์หญิงแห่งท้องทะเลกล่าวว่า เราจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ไม่ว่าฝ่ายวิหารจะชนะหรือแพ้ ก็ไม่ส่งผลต่อแผนการของเรา ท่านรีบไปเตรียมตัวเถิด… ข้าอยากจะบอกลาเขาสักหน่อย