พลังปราณธาตุคือสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มีอยู่ตามดินฟ้าอากาศ และร่างกายสามารถดูดซับมาใช้เป็นพลังงานเพื่อต่อสู้กับศัตรู รวมถึงใช้ขับเคลื่อนสิ่งที่เรียกว่าพลังลมปราณภายในร่างกาย
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์ เปรียบเสมือนแบตเตอรี่ของโทรศัพท์
หลังจากชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ก็พร้อมสำหรับการต่อสู้
แต่ถ้าแบตเตอรี่หมด พลังที่จะใช้ต่อสู้ก็หมดตามไปด้วย
จำเป็นต้องชาร์จให้เต็มอีกครั้ง
หากเป็นในสถานการณ์ปกติ ผู้ฝึกยุทธ์จะใช้วิธีนั่งสมาธิบำเพ็ญตบะ ดูดซับพลังปราณที่เหมาะสมกับร่างกายของตนเองจากธรรมชาติ เปรียบเสมือนการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยวิธีการเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จไฟตามปกติ
แต่การเติมพลังด้วยศิลาบูชานั้น เปรียบเสมือนการเปิดโหมด ‘ชาร์จแบตเตอรี่แบบรวดเร็ว’
เหมือนสามารถชาร์จแบตโทรศัพท์ให้เต็มได้ในเวลา 2 นาที แทนที่จะเป็น 2 ชั่วโมง
หลินเป่ยเฉินบัดนี้กำลังนั่งอยู่ในห้องพักที่อู๋เฟิ่งกูจัดเตรียมไว้ให้เป็นกรณีพิเศษ มือทั้งสองข้างกำศิลาบูชาที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส และกำลังดูดซับพลังปราณธาตุออกมาจากศิลาเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายของตนเอง
หากมีผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นมาพบเห็นเข้า พวกเขาก็คงต้องน้ำลายไหลด้วยความอิจฉาเป็นแน่แท้
เพราะนี่เป็นวิธีการดูดซับพลังที่สิ้นเปลืองมากเกินไป
เด็กหนุ่มใช้ศิลาบูชาถึงครั้งละ 2 ก้อน
ระดับพลังของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพียงเวลาก้านธูปเดียวเท่านั้น พลังที่เคยอยู่ในศิลาบูชาทั้ง 2 ก้อนนี้ก็ถูกดูดซับหมดสิ้น เดิมทีมันเคยเป็นก้อนหินที่มีประกายระยิบระยับดูสวยงาม แต่เมื่อถูกดูดพลังออกไปหมดแล้ว บัดนี้ ศิลาบูชาก็มีสภาพเป็นก้อนหินผิวขรุขระหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่มีความสวยงามหลงเหลืออีกต่อไป
พลังจากศิลาบูชาสองก้อน ทำให้เรากลับมาอยู่ในขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 8 แล้วแฮะ
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความลิงโลดใจ
เขาไม่สงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดศิลาบูชาถึงมีราคาแพงนัก
เพราะมันมีประโยชน์มากมายเหลือเกิน
ให้ตายสิ ฮ่าฮ่าฮ่า มีเหมืองเป็นของตัวเองมันดีแบบนี้นี่เอง
อีกหน่อยเราคงนำศิลาพวกนี้ออกไปวางขายจนร่ำรวยและไม่รู้จะใช้เงินอย่างไรหมด ไม่ว่าต้องการสิ่งใดก็คงสามารถชี้นิ้วสั่งได้ตามปรารถนา เราจะแต่งงานมีภรรยากี่คนก็ได้ มีลูกกี่คนก็ได้ จะจ้างคนรับใช้สักกี่คนก็ได้ อีกหน่อยจ้างไว้แบ่งหน้าที่คนละอย่างเลยก็ดี คนหนึ่งเอาไว้กวาดบ้านถูบ้าน คนหนึ่งเอาไว้ทำอาหาร คนหนึ่งทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็ก เพราะต่อให้เราใช้เงินฟุ่มเฟือยอย่างไร ขนหน้าแข้งก็ไม่มีทางร่วงอยู่แล้ว…
หลินเป่ยเฉินตื่นเต้นกับภาพฝันของตนเองเป็นอย่างยิ่ง
ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่เด็กหนุ่มจะสามารถสงบสติอารมณ์ และกลับมานั่งดูดซับพลังต่อไป
หลินเป่ยเฉินเอื้อมมือไปหยิบศิลาบูชามาอีกสองก้อนจากข้างตัวเหมือนเด็ดดอกไม้ริมทางที่ไร้ค่า ต่อจากนั้น เขาก็เริ่มต้นขั้นตอนการดูดซับพลังปราณธาตุจากศิลาบูชาเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกาย
ผ่านไปอีกช่วงหนึ่งก้านธูป
หลินเป่ยเฉินลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ
เขาบรรลุขั้นผู้ฝึกยุทธ์เรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดพลังปราณธาตุประจำตัวให้ได้อีกครั้ง และเขาก็จะเลื่อนขึ้นมาอยู่ในขั้นปรมาจารย์อย่างเป็นทางการ
แต่นั่นแหละที่เป็นปัญหา
การที่ใครสักคนจะเปิดพลังปราณธาตุได้สำเร็จ จำเป็นต้องได้รับการอวยพรจากเทพีกระบี่
แต่วิหารที่มีอยู่ทั่วเมืองหยุนเมิ่งขณะนี้ถูกชาวทะเลยึดครองหมดแล้ว
หลินเป่ยเฉินจะไปนั่งขอพรได้ที่ไหนอีก?
เด็กหนุ่มนำโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเปิดเข้าไปในแอปวีแชท
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง
เสียงสัญญาณแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
‘เป็นอย่างไรบ้าง น้องชาย?’
‘น้องเป่ยเฉิน เจ้าสบายดีหรือไม่?’
‘ยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีกหรือ?’
‘น้องชาย ทำไมร่างกายของเจ้าช่างอ่อนแอเสียจริง เมื่อครั้งที่แล้ว…’
‘นี่ก็ผ่านมาได้ 30 วันแล้วนะ…’
‘หรือว่าเจ้าโกรธข้า? เจ้ามีอะไรไม่พอใจพี่สาวคนนี้หรือเปล่า?’
‘ให้ตายเถิด นี่มัน 60 วันเข้าไปแล้วนะ น้องเป่ยเฉิน รีบตอบกลับมาได้แล้ว…’
‘เจ้ายังพอจะหารากชงโหลวได้อีกหรือไม่ พี่สาวอยากจะซื้อ…’
‘น้องชาย ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบข้อความข้า…’
‘ข้อความถูกยกเลิก’
‘ข้อความถูกยกเลิก’
‘ข้อความถูกยกเลิก’
‘ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็รีบติดต่อข้าด้วยแล้วกัน ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะบอก…’
‘ผ่านมาได้ 89 วันแล้วนะ เจ้าคงไม่ได้ตายจริงๆ ใช่ไหม?’
‘ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะสร้างอนุสาวรีย์ให้เจ้าเอง บัดนี้ข้าเลี้ยงสุนัขเอาไว้ตัวหนึ่ง และตั้งชื่อมันว่าหลินเป่ยเฉินเพื่อให้ระลึกถึงเจ้าอยู่เสมอ…’
ทั้งหมดนี้เป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
เฮ้อ
ดูเหมือนนางก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันนะเนี่ย
แต่คิดอีกที ไม่รู้ยัยนี่เป็นห่วงเขาหรือเป็นห่วงเงินของเขากันแน่
หลินเป่ยเฉินอ่านข้อความทั้งหมดรวดเดียวจบ และกำลังจะพิมพ์ตอบกลับไป…
‘เจ้าตื่นแล้วหรือ?’
ทันใดนั้น เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ส่งข้อความทักทายมาทันที
หลินเป่ยเฉินอดขนลุกไม่ได้ ตกลงแล้วเทพีกระบี่หิมะไร้นามเป็นเทพเจ้าอยู่บนดินแดนทวยเทพ หรือว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แถวนี้กันแน่ ทำไมถึงได้รู้ว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ?
หลินเป่ยเฉินไม่เข้าใจอะไรอีกแล้ว
แต่ถึงอย่างไร นางก็คงเป็นเทพเจ้าตัวจริงละนะ
ถึงเป็นแค่เทพเจ้าฝึกหัด แต่อย่าไปล่วงเกินเลยดีกว่า
แล้วเขาจะตอบกลับไปอย่างไรดี?
ว่าแต่ว่า เขาไม่ควรเสียเวลากับนางมากเกินไปนักใช่ไหม?
เหมือนเมื่อครั้งก่อนโน้นที่เผลอเปิดกล้องและวิดีโอคอลล์โดยไม่ได้ตั้งใจ หลินเป่ยเฉินถึงกับมั่นใจว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามมีเจตนาที่จะหลอกลวงเขาให้ลุ่มหลงในความสวยงามของนางแน่นอน
‘เรามาคุยธุระกันเลยดีกว่า ข้ากำลังฟื้นฟูพลังกลับขึ้นมาใหม่ บัดนี้อยู่ที่ขั้นปรมาจารย์แล้ว จำเป็นต้องเปิดพลังปราณธาตุให้ได้ ท่านช่วยหาวิธีติดต่อเทพีกระบี่ให้หน่อยสิ คราวนี้ขอเป็นพลังปราณธาตุน้ำแบบครั้งแรกก็ได้นะ เพราะข้าอยากจะทำตัวเป็นคนดี คอยช่วยเหลือรักษาผู้คน พลังที่มาพร้อมกับการต่อสู้และการฆ่าฟันอย่างพลังปราณธาตุไฟนั้น ไม่เหมาะสมกับข้าแม้แต่นิดเดียว!’
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ทั้งหมดนี้ส่งไปในข้อความเดียว
พลังปราณธาตุไฟมันควบคุมได้ยากมากเกินไป
แถมยังเผาไหม้เสื้อผ้าทำให้อับอายผู้คนอีกด้วย
พลังปราณธาตุน้ำใช้งานได้ง่ายมากกว่ากันเป็นไหนๆ
ในอนาคต หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์จากผู้ศรัทธา
พลังปราณธาตุน้ำมีความสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่ผู้คนได้ราวปาฏิหาริย์… และมันย่อมสร้างจำนวนผู้ศรัทธาให้เพิ่มมากขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย
…
ณ ดินแดนทวยเทพ
วิหารที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
ตัววิหารสะท้อนประกายกับแสงแดดระยิบระยับ
เทพีกระบี่หิมะไร้นามหันหน้าชำเลืองมองห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่า ใบหน้าขาวใสปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเล็กน้อย
ไหสุราหายไปนานแล้ว
หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ… นางไม่มีเงินไปซื้อสุรามาดื่มกินได้หลายเดือนแล้ว
เพราะฉะนั้น เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ไม่รู้จะเอาน้ำที่ไหนไปสร้างเป็นพลังปราณธาตุน้ำให้แก่เด็กหนุ่มเหมือนกัน
‘ข้าเกรงว่ามันคงจะยากหน่อยนะ สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการเปิดพลังปราณธาตุน้ำหมดเกลี้ยงจากคลังของเทพีกระบี่แล้ว แต่เอาอย่างนี้ดีไหม…’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามสวมใส่เสื้อคลุมให้กับร่างกายที่เปลือยเปล่าของตนเองอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินทอดน่องออกไปนอกวิหาร กวาดสายตามองรอบตัว และก้มลงหยิบก้อนดินขึ้นมาหนึ่งกำมือ นี่คือเศษดินเหลือใช้จากการซ่อมแซมวิหารของพวกเทพแห่งการก่อสร้างนั่นเอง
นางพิมพ์ข้อความต่อเนื่องส่งกลับไปว่า ‘เทพีกระบี่บอกว่า ครั้งนี้นางจะมอบพลังปราณธาตุพิเศษให้กับเจ้า อยากลองดูไหมล่ะ?’
‘พลังปราณธาตุพิเศษอะไรหรือ? พลังปราณธาตุสายฟ้า? พลังปราณธาตุไฟฟ้า? พลังปราณธาตุแห่งกาลเวลา? หรือพลังปราณธาตุจักรวาล?’
หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเทพีกระบี่หิมะไร้นามมีข้อความเด้งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเด็กหนุ่มกำลังตื่นเต้นมาก
แต่ก็จำเป็นต้องบอกให้เขารู้ความจริง
‘เอ่อ ไม่ใช่พลังที่เจ้าเอ่ยถึงมาทั้งหมดหรอกนะ สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าพลังปราณธาตุที่เจ้าจะได้นั้น มีพลังแข็งแกร่งหรือไม่ หรือมันเป็นพลังปราณธาตุชนิดใด… แต่สิ่งสำคัญก็คือมันเป็นพลังปราณธาตุที่หาได้ยากมากอย่างไม่น่าเชื่อ และจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์ในคลังของเทพีกระบี่หลายอย่าง ถึงจะสามารถเปิดพลังปราณธาตุชนิดนี้ได้สำเร็จ ข้าไม่เคยเห็นนางจะเปิดพลังปราณธาตุชนิดนี้ให้ใครมาก่อนด้วยซ้ำ…’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้น นางก็ใช้เวทมนต์เปิดประตูมิติเปลี่ยนดินก้อนนั้นในกำมือให้กลายเป็นพลังปราณธาตุ
…
‘พลังปราณธาตุชนิดพิเศษอย่างนั้นหรือ?’
หลินเป่ยเฉินดวงตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น
ดูเหมือนว่าการที่เขาเคยติดต่อธุรกิจกับเทพีกระบี่สองครั้งสองคราก่อนหน้านี้ คงจะทำให้นางนึกเอ็นดูเขาขึ้นมาบ้างกระมัง?
ฮ่าฮ่าฮ่า
เพียงคิดหัวใจก็พองโตแล้ว
หลังจากนั้น เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ให้คำแนะนำมาว่า เขาควรรอรับการเปิดพลังปราณธาตุอย่างไรเมื่อไม่ได้อยู่ในวิหารตามปกติ เด็กหนุ่มเริ่มต้นดูดซับพลังโดยไม่ใช้ศิลาบูชา พลังลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่างกาย จิตใจของเขาตั้งมั่นอยู่ในสมาธิสูงสุด
เด็กหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ของข้า เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ…
โลกของเจ้ายามนี้กำลังเต็มไปด้วยความยากลำบาก เจ้าคือแสงแห่งความหวังของมวลมนุษย์ จงรับการประทานพรจากข้าไปเดี๋ยวนี้
เสียงของเทพีกระบี่ดังขึ้นข้างหู
ตามมาด้วยความว่างเปล่า
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
นอกจากพลังที่แปลกประหลาดสายหนึ่งไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของหลินเป่ยเฉินอย่างไม่รู้จบ
ความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับมาแล้วสิ
หลินเป่ยเฉินลืมตาขึ้นมาด้วยความพอใจ
เขาลองโคจรพลังลมปราณดูอีกครั้ง
แล้วเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น
ปรากฏแสงสีเหลืองสว่างเรืองรองอยู่ที่มือซ้ายของเขา
ส่วนมือขวาเป็นแสงสีเขียวเหมือนสีของต้นไม้ใบหญ้า
นี่มันอะไรเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินตกตะลึง
ทำไมพลังปราณธาตุของเขาในครั้งนี้ถึงมี 2 สีล่ะ?
อย่าบอกนะว่าเขามีพลังปราณธาตุอยู่ในร่างกาย 2 ชนิด?
ถ้าอย่างนั้น มันก็เป็นพลังปราณธาตุชนิดพิเศษจริงๆ ด้วย
ระยะหลังเริ่มมีข่าวลือว่าเว่ยหมิงเฉินก็เป็นผู้ที่มีพลังปราณธาตุ 2 ชนิดเช่นกัน
แต่ทำไมพลังปราณธาตุ 2 ชนิดของเขานี้ มันถึงดูแปลกประหลาดพิกล
ตกลงแล้วมันคือพลังชนิดใดกันแน่?
เด็กหนุ่มเริ่มตรวจสอบดูด้วยความระมัดระวัง