ฝีเท้าของหลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก
เหลียวหวังซูเริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้ง หากเจ้าไว้ชีวิตข้า ข้าขอรับปากว่าฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงก็จะต้องปลอดภัยเช่นกัน
หมายความว่าตราบใดที่เจ้าไม่ตาย พวกเขาก็จะไม่ตายเหมือนกันใช่ไหม?
หลินเป่ยเฉินถาม
เหลียวหวังซูข่มกลั้นความเจ็บปวด พยักหน้าตอบว่า ใช่แล้ว ใช่แล้ว…
หลินเป่ยเฉินก็พยักหน้าเช่นกัน เป็นเช่นนั้นก็ประเสริฐ
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้พูดอะไรอีก เขาก็กลับมาถึงบริเวณที่หยางเฉินโจวและพรรคพวกยืนอยู่
กลุ่มกบฏมีใบหน้าดุดัน แววตาอาฆาต แทบรอที่จะถลกหนังเหลียวหวังซูไม่ไหวแล้ว
พวกเรารีบหนีกันดีกว่า
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง พี่หยาง รบกวนท่านช่วยคุ้มครองทุกคนออกไปทางประตูหลังด้วย
เด็กหนุ่มยังคงยืนอยู่รั้งท้าย
ที่ประตูหลังทางด้านนอก เซียวปิงและอากวงกำลังล่องหนคอยช่วยเหลือทุกคนอยู่
ระมัดระวังตัวด้วย
หยางเฉินโจวสะกดกลั้นความเศร้าโศกในหัวใจ อุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของคนรักขึ้นมา และนำกลุ่มกบฏหลบหนีออกไปทางด้านหลัง
บรรดานักรบชาวทะเลกลุ่มหนึ่งพยายามจะไล่ตามไป
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก มือหนึ่งกำคอเสื้อเหลียวหวังซู ส่วนอีกมือหนึ่งดาวน์โหลดปืนอินทรีหิมะมาลั่นกระสุน
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
นักรบชาวทะเลที่เป็นมนุษย์กุ้งมีผิวหนังเป็นเปลือกหนาแข็งแรงทนทาน ซ้ำยังสวมใส่ชุดเกราะอีกหนึ่งชั้น แต่เมื่อเผชิญหน้ากระสุนลำแสงจากปืนอินทรีหิมะ มนุษย์กุ้งเหล่านั้นก็ล้มลงตายโดยทันที
ใครที่ติดตามพวกเขาไป อย่าหวังเลยว่าจะรอดชีวิต
หลินเป่ยเฉินยืนถือปืนอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นหินผาที่ไม่สั่นคลอนต่อกระแสลม
แววตาดุดันน่าเกรงขาม
เมื่อเห็นอานุภาพการสังหารของฝ่ามือลำแสงพิฆาตด้วยตาของตนเอง บรรดานักรบชาวทะเลที่เหลืออยู่ก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่และจ้องมองพวกของหยางเฉินโจวหลบหนีไปโดยทำอะไรไม่ได้
เจ้าสังหารขุนพลโยวไฮว่และชาวทะเลอีกหลายชีวิต รับรองว่าวันนี้เจ้าไม่มีทางหนีรอดแน่…
หนึ่งในกลุ่มมนุษย์ดาวทะเลตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น
เปรี้ยง!
คำตอบที่มันได้รับคือเสียงระเบิดจากวิชา ‘ฝ่ามือลำแสงพิฆาต’
รูโหว่ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของมนุษย์ดาวทะเลตัวนั้น
เลือดเป็นสายพุ่งกระฉูด ก่อนที่ตัวของมนุษย์ดาวทะเลจะล้มลงไปกับพื้นห้อง
หลินเป่ยเฉินยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
พวกเจ้าก็ฆ่ามนุษย์ไปไม่น้อยเหมือนกัน… ข้าไม่อยากเสียเวลาพูดคุยอีกแล้ว
ดวงตาของเด็กหนุ่มแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น
เขารู้สึกได้ถึงความกระหายเลือดและจิตสังหารที่ตนเองไม่เคยมีมาก่อน บรรดานักรบชาวทะเลไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มในชุดนอนคนหนึ่ง เพียงมีกระบี่อยู่ในมือเล่มหนึ่ง ก็สามารถสร้างความหวาดผวาให้แก่พวกมันได้ถึงขนาดนี้
เมื่อหยางเฉินโจวและพรรคพวกหลบหนีออกไปได้อย่างปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
เขาไม่ได้เดินออกทางประตูหลัง
แต่หลินเป่ยเฉินเดินลากตัวเหลียวหวังซูออกจากจวนผู้ว่าหลังเก่าทางประตูหน้า
ไม่ว่าเขาเดินผ่านไปที่ไหน กลุ่มนักรบชาวทะเลก็จะหลีกทางให้โดยทันที
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…
หลินเป่ยเฉินเดินออกมาพร้อมกับเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า
เหล่าแม่ทัพชาวทะเลมีใบหน้าขาวซีดกันหมดแล้ว
พวกมันอาศัยอยู่ในเมืองหยุนเมิ่งมาหลายเดือน และนี่เป็นครั้งแรกยามเผชิญหน้ากับมนุษย์ ที่พวกมันไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ในหัวใจของพวกมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอาฆาต
พวกมันล้วนแล้วแต่สาบานว่าจะต้องแก้แค้นหลินเป่ยเฉินให้จงได้
…
ในตัวเมือง
พื้นที่ปลอดภัย
พี่หยางคงพอทำใจได้แล้วสินะ
หลินเป่ยเฉินฉีกยิ้มกว้างขณะเดินลากตัวเหลียวหวังซูเข้าไปหาพวกของหยางเฉินโจวและคนอื่นๆ
หยางเฉินโจวพยักหน้าตอบรับด้วยความเศร้าหมอง
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจและพูดว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกเราจะมาเศร้าเสียใจ พี่หยาง พวกเรากำลังจะเริ่มอพยพชาวเมืองกันแล้ว ทุกคนต้องการท่าน
หยางเฉินโจวพยักหน้าแช่มช้า
เด็กหนุ่มมองหน้าพวกของหยางเฉินโจวและปรับเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจังมากขึ้น จากนี้ไปต้องขอรบกวนทุกท่านแล้ว ขอให้ทุกคนรีบไปกระจายข่าวบอกชาวเมืองให้พวกเขาไปรวมตัวกันที่ภูเขาเสี่ยวซีโดยเร็วที่สุด… โปรดจำไว้ว่า กำชับทุกคนไม่ต้องนำอาหารติดตัวมา ให้เอามาแต่ข้าวของส่วนตัวและสัมภาระที่ไม่มีน้ำหนักมากเกินไปเท่านั้น และพวกเราจะอพยพกันเร็วกว่ากำหนด
หยางเฉินโจวพยักหน้ารับคำสั่ง อุ้มศพของหลู่หลิงโจวหมุนตัวเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับมามองอากวง เซียวปิงและหวังจง พวกเจ้าก็ไปช่วยเหลือชาวเมืองด้วยอีกแรง เร่งมือหน่อยก็แล้วกัน ชาวทะเลมันต้องแก้แค้นพวกเราแน่ การอยู่ในเมืองนี้ต่อไป มีแต่จะอันตรายมากเกินไปเท่านั้น
หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็หันมากล่าวกับไต้จือฉุน พี่ไต้ รบกวนท่านขึ้นไปที่ภูเขาเสี่ยวซีและบอกให้จวงปู้โจวจัดเตรียมกำลังพลให้พร้อมสำหรับปฏิบัติการ และแจ้งให้อาจารย์พานกับอาจารย์หลิวคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของชาวทะเลตลอดเวลา รวมถึงพยายามปกป้องชาวเมืองให้ได้มากที่สุด
ไต้จือฉุนผงกศีรษะรับคำหนักแน่น
แล้วทุกคนก็กระจายกำลังกันออกไปปฏิบัติการ
หลินเป่ยเฉินไม่ใช่คนที่เก่งเรื่องการวางแผนมาแต่ไหนแต่ไร
เด็กหนุ่มต้องเสียเวลาคิดอยู่อีกพักใหญ่ กว่าจะแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดตกหล่นอีกแล้ว
นั่นแหละเขาถึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
บรรยากาศในเมืองหยุนเมิ่งขณะนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินรู้สึกอึดอัด
ถ้าที่นี่มีบุหรี่ขายนะ… สงสัยเราคงต้องติดบุหรี่แหงเลย
แต่เด็กหนุ่มไม่ใช่คนสูบบุหรี่
เมื่อวางแผนในใจเสร็จสิ้น หลินเป่ยเฉินก็เดินลากตัวเหลียวหวังซูผู้อยู่ในสภาพกระดูกสันหลังหัก แขนและขาขาดไปอย่างละหนึ่งข้าง เดินขึ้นไปยังหอคอยที่สูงที่สุดของเมืองหยุนเมิ่ง
ยามขึ้นมายืนอยู่บนนี้ จะสามารถมองเห็นเกาะกลางทะเลสาบ ซึ่งเป็นที่ทำการของจวนผู้ว่าหลังใหม่ได้อย่างชัดเจน
หรือต่อให้มองเห็นไม่ชัด แต่ก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรจากเกาะกลางทะเลสาบแห่งนั้น หลินเป่ยเฉินดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความโกรธแค้นที่ชาวทะเลมีต่อตนเองไม่ใช่น้อย
เขาช่วยห้ามเลือดให้แก่เหลียวหวังซู
เด็กหนุ่มลงมือห้ามเลือดด้วยความระมัดระวัง
เพราะเขายังไม่อยากให้สุนัขเฒ่าผู้นี้ต้องเสียเลือดจนตาย
จากนั้น หลินเป่ยเฉินจึงตบหน้าเหลียวหวังซูเบาๆ และพูดว่า ฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงถูกขังอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบใช่หรือไม่?
เหลียวหวังซูมีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีเมื่อกล่าวตอบ พวกชาวทะเลอยากจับเด็กสองคนนั้นเป็นตัวประกัน ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากล่อให้เจ้าไปที่นั่น แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดของข้าเด็ดขาด ข้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอีกแล้ว…
จะไม่ยอมพูดใช่ไหม
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม
รู้หรือไม่ว่าตัววายร้ายทุกคน เมื่อถูกจับตัวมาแล้ว พวกมันก็มักจะคายความลับออกมาหมดสิ้น
หลินเป่ยเฉินถอนต้นหญ้าที่ตายซากอยู่บนยอดหอคอยออกมากำหนึ่ง เขาใช้มือถูรากของพวกมันและโคจรพลังลมปราณลงไป เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ต้นหญ้าเหล่านั้นก็กลับมางอกงามเขียวขจีอยู่บนฝ่ามือของเขาพร้อมกับผลิตเมล็ดออกมาจำนวนหนึ่ง
แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือนิ้วมือของหลินเป่ยเฉินกลับมีความคมกริบยิ่งกว่าคมกระบี่ เขากรีดนิ้วลงไปบนบาดแผลที่ตอแขนบริเวณหัวไหล่ขวาของเหลียวหวังซู จากนั้นจึงได้ยัดเมล็ดต้นหญ้าสดใหม่เหล่านั้นเข้าไปด้านในพลางพูดว่า อีกไม่นานเดี๋ยวเจ้าก็จะต้องร้องขอความเมตตาจากข้าและคายความลับออกมาเอง ว่าไหม?
เหลียวหวังซูรู้สึกหวาดกลัวกับการกระทำของหลินเป่ยเฉิน
ถึงเขาจะไม่รู้เลยว่าหลินเป่ยเฉินกำลังจะทำสิ่งใดต่อไป แต่ในหัวใจก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกมากแล้ว
ตอนนั้นเอง เหลียวหวังซูก็ได้ยินหลินเป่ยเฉินถามว่า เพราะเหตุใดเจ้าถึงต้องทรยศจักรวรรดิเป่ยไห่?
ชายชราตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ข้าไม่มีทางเลือก เว่ยหมิงเฉินจับตัวลูกๆ ของข้าไปและบังคับให้ข้าทำงานให้พวกมัน…
หมายความว่าเว่ยหมิงเฉินร่วมมือกับพวกชาวทะเลใช่ไหม?
หลินเป่ยเฉินพูดพร้อมกับโคจรพลังปราณธาตุไม้เพื่อใช้ความสามารถพิเศษในการเร่งการเจริญเติบโตของพืชพรรณไม้ มันคิดหรือว่าตนเองจะสามารถอยู่ร่วมกับชาวทะเลได้อย่างสงบสุข?
เมื่อเหลียวหวังซูก้มหน้ามองลงไปที่เมล็ดต้นหญ้าในบาดแผลของตนเอง ก็ต้องเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ เพราะในเวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ต้นหญ้าเขียวสดก็งอกงามออกมาจากตอแขนที่ด้วนกุด รากของมันขยายตัวไปตามเส้นเลือดและกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังในร่างกาย
เหลียวหวังซูมีแขนข้างใหม่กลายเป็นกิ่งไม้งอกยาวตะปุ่มตะป่ำ ปลายสุดที่เคยเป็นนิ้วมือก็กลายเป็นพุ่มไม้สีเขียวสด เมื่อโดนสายลมพัด กิ่งไม้ก็จะไหวเอนตามแรงลม ใบไม้สีเขียวสดเหล่านั้นขยับไหวไปมา ราวกับพวกมันไม่เข้าใจเลยว่าตนเองสามารถเกิดขึ้นมาในฤดูกาลนี้ได้อย่างไร…
หลังจากนั้น เหลียวหวังซูก็ส่งเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือด
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าบนโลกนี้จะมีวิธีการทรมานที่โหดร้ายทารุณเช่นนี้อยู่ด้วย
ยามที่รากไม้แผ่ขยายไปตามเส้นเลือดและกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง มันก่อให้เกิดเป็นความเจ็บปวดทรมานในชนิดที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เลยจริงๆ
ได้โปรด อย่าทำอะไรข้าเลย…
เหลียวหวังซูส่งเสียงกรีดร้อง เว่ยหมิงเฉินกับชาวทะเลก็เพียงกำลังหลอกใช้กันและกันอยู่เท่านั้น… โอ๊ย เจ็บเหลือเกิน…หยุดได้แล้ว… เว่ยหมิงเฉินมีเป้าหมายอยู่ที่การโค่นล้มราชบัลลังก์ของราชวงศ์ปัจจุบัน เพราะมันอยากจะตั้งตัวขึ้นเป็นจักรพรรดิคนใหม่ของจักรวรรดิเป่ยไห่… เว่ยหมิงเฉินจึงได้ทำข้อตกลงพิเศษกับชาวทะเล แต่ข้าไม่รู้รายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้แล้วจริงๆ อ๊ากกก ข้ายังมีตำแหน่งไม่สูงมากพอ… ได้โปรดหยุดทรมานข้าได้แล้ว สิ่งที่ข้ารู้ก็มีอยู่แต่เพียงเท่านี้…
ใบหน้าของชายชราบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและความหวาดกลัว น้ำตาไหลทะลักออกมาพร้อมกับน้ำมูกที่รูจมูก
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักการเจริญเติบโตของต้นหญ้าและกิ่งไม้
เขาหันหน้ามองไปทางจวนผู้ว่าหลังใหม่
เห็นได้ชัดว่าคงมีการประกาศให้นักรบชาวทะเลมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว..
ถ้าอ่าน เซียนกระบี่มาแล้ว ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย