ในดวงตาของไป๋ชินหยุนปรากฏรัศมีสีแดงเลือนรางขึ้นมาเล็กน้อย มุมปากเด็กสาวบิดตัวเป็นรอยยิ้ม ดูน่ารักและลึกลับในเวลาเดียวกัน
หลิงไท่ซวีเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความไม่อยากเชื่อ “เจ้าคิดอะไรของเจ้า…”
พูดยังไม่ทันจบ
ชายชราก็หันหน้ามองไปยังท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ “ไม่ทราบนี่คือวันผีสางอันใด เหตุไฉนถึงได้มีภูตผีปีศาจร้ายปรากฏตัวขึ้นมากมายเช่นนี้…”
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยงและหันไปมองตามสายตาของหลิงไท่ซวี
บนท้องฟ้าห่างไกลออกไป จุดสีดำเล็กๆ กำลังขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
มันเป็นนกยักษ์ตัวหนึ่งที่มีรูปร่างแปลกประหลาด
นกตัวนี้มีปีกที่กว้างใหญ่ มองแวบแรกจะเข้าใจว่ามันคือนกอินทรีทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาดูให้ดี ก็จะพบเห็นว่าบริเวณหัวของมันมีผลึกน้ำแข็งแหลมยาวงอกออกมาอยู่ตรงกลางหน้าผาก เขาน้ำแข็งนั้นเป็นประกายสว่างไสว เช่นเดียวกับปีกของมันเวลากระพือพัดกับสายลม ดวงตาของมันก็เป็นประกายสดใส ยามโบยบินอยู่บนท้องฟ้า มีสง่าราศียากที่จะมีสัตว์เวหาชนิดใดเทียบเคียงได้อีก
นี่คือสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ
บนแผ่นหลังของมันบรรทุกมาด้วยผู้คนสามคน
หลินเป่ยเฉินรู้จักผู้คนสองในสามคนนั้น
เป็นองค์หญิงเค่อเอ๋อร์กับเจ้าชายอวี้ชินหวังแห่งจักรวรรดิจี้กวง
ส่วนบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังสองพ่อลูก มีลักษณะน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
บุรุษผู้นี้มีร่างกายสูงยาว สวมใส่เสื้อสีขาว คาดเข็มขัดหยก ในมือถือพัดจีบ ใบหน้าเคร่งขรึม ดูเป็นผู้ดีมีมารยาท แววตาเรียบเฉยปราศจากความร้อนรน คล้ายกับว่ามีความเยือกเย็นให้ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัว เมื่อนำองค์ประกอบทั้งหมดนี้มารวมกัน หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกว่าชายคนนี้มีบุคลิกที่จะเป็นเทพเซียนได้อย่างเหมาะสมเหลือเกิน
แล้วเด็กหนุ่มก็นึกอะไรขึ้นมาได้
เขาพอจะเดาได้แล้วว่าบุรุษเสื้อขาวคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
บางทีบุรุษเสื้อขาวอาจเป็นองครักษ์ระดับสูงผู้มีหน้าที่คอยปกป้องสองพ่อลูกระหว่างการเดินทางก็เป็นได้
คิดได้ดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาในฉับพลัน
เพราะนั่นหมายความว่าเขาคงจัดการได้ไม่ง่ายแล้วสิ
“วูบ…!”
นกอินทรียักษ์บินลงมาจอดห่างจากพวกเขาไปประมาณ 20 กว่าวา
นกยักษ์ที่มีร่างกายใหญ่โตผิดสัดส่วนถึงเพียงนี้ แต่กลับสามารถลงจอดได้อย่างนุ่มนวล เมื่อพิจารณาดูจากผู้คนที่มันบรรทุกอยู่บนแผ่นหลัง หลินเป่ยเฉินก็ไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย
ในที่สุด เด็กหนุ่มก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ เหตุไฉนทุกคนถึงมีสัตว์เลี้ยงเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่มีความน่าเกรงขามเช่นนี้หนอ แล้วดูตัวเขาเองสิ เจ้าหนูอากวงถึงจะล่องหนได้ก็จริง แต่อาวุธของมันก็คือตดพิฆาตกับอึระเบิดเพียงเท่านั้น
“ฮื่อ พี่ใหญ่ ในที่สุดข้าก็ตามท่านทันแล้ว”
องค์หญิงผู้น่ารักสวมใส่ชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้ม เมื่อเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน นางก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจสุดขีด “ข้าได้ข่าวว่ามีคนพยายามจะลอบโจมตีท่านระหว่างทาง จึงได้ร้องขอให้บิดาพาท่านอาถัวป่ามาช่วยเหลือ…”
พูดถึงตรงนี้ เด็กสาวก็ก้มหน้าลงด้วยลักษณะเอียงอายเล็กน้อย ก่อนที่จะชำเลืองตามองหลิงไท่ซวีและไป๋ชินหยุนที่ยืนหน้าตาแดงก่ำอยู่ไม่ห่างออกไป หลังจากนั้น ก็หันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินและสอบถามว่า “ท่านพี่ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
เพียงกวาดตามองดูก็รู้แล้วว่าหลินเป่ยเฉินยังคงปลอดภัยดีทุกประการ
เขาอยากจะถามกลับไปเหลือเกินว่า “ข้าเป็นพ่อเจ้าหรือไง? จะมาห่วงใยอะไรนักหนา” แต่เมื่อเห็นแววตาของบุรุษเสื้อขาวที่ถูกเรียกว่า ‘ท่านอาถัวป่า’ คำพูดถากถางเหล่านั้นก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นรอยยิ้มจริงใจใสซื่อบริสุทธิ์ “ข้าปลอดภัยดี น้องเค่อเอ๋อร์”
เจ้าชายอวี้ชินหวังขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
เหตุไฉนอยู่ดีๆ หลินเป่ยเฉินถึงเปลี่ยนท่าทีต่อบุตรสาวของเขารวดเร็วเช่นนี้?
หรือเด็กหนุ่มคิดจะใช้ประโยชน์จากเค่อเอ๋อร์แล้ว…
องค์หญิงเค่อเอ๋อร์ยิ้มแย้มอย่างตื่นเต้น “อ้า ในที่สุดพี่ใหญ่ก็เรียกชื่อข้าสักที ข้ามีความสุขจังเลย”
“เจ้ามีความสุขก็ดีแล้ว” หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างและยกมือโบกสะบัด “เอาล่ะ ทีนี้เจ้าก็รู้แล้วว่าข้ายังปลอดภัย ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล… ขอบใจน้องเค่อเอ๋อร์ที่อุตส่าห์เป็นห่วง แต่เจ้ากลับไปได้แล้วล่ะ เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เจ้าเดินทางอยู่บนแผ่นหลังนกอินทรี อากาศยามราตรีเหน็บหนาวอันตราย อย่าลืมใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้นด้วย ลาก่อน”
รอยยิ้มบนใบหน้าองค์หญิงเค่อเอ๋อร์สลายหายไปในพริบตา
ฟึบ!
พัดจีบที่ถืออยู่ในมือบุรุษเสื้อขาวพลันสะบัดออกมาอย่างกะทันหัน
แล้วในอากาศก็ปรากฏเกล็ดน้ำแข็งและเกล็ดหิมะรวมตัวกันเป็นกระแสลมปั่นป่วนอยู่เหนือหน้าผาหินที่พวกเขายืนอยู่
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ท่านอาถัวป่ามีพลังปราณธาตุน้ำแข็งสินะ
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน
พบว่าเกล็ดน้ำแข็งและเกล็ดหิมะเหล่านั้นกำลังรวมตัวกันวนเวียนอยู่เหนือศีรษะของเขา
ความเหน็บหนาวแผ่มากระทบผิวกาย แม้ว่าเกล็ดน้ำแข็งและเกล็ดหิมะเหล่านั้นจะยังหมุนวนลงมาไม่ถึงตัว แต่หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนยอดเขาหิมะอย่างไรอย่างนั้น..
เด็กหนุ่มสามารถสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของโลกแห่งความหนาวเย็น
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นพลันมีแต่สีขาว
เมื่อเห็นว่าเกล็ดหิมะและเกล็ดน้ำแข็งเหล่านั้นรวมตัวกันหมุนวนพุ่งตรงมาหาตนเอง หลินเป่ยเฉินก็ขยับปีกกระบี่บนแผ่นหลังโดยไม่รู้ตัว แม้แต่กระบี่สายฟ้าก็ดาวน์โหลดมาถือในมือเรียบร้อยแล้ว…
.
แต่อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มยังไม่ทันลงมือตอบโต้ มือของใครบางคนก็วางลงบนหัวไหล่ของเขา
มือนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“ย่ะห์!”
หลิงไท่ซวีระเบิดเสียงคำรามจากในลำคอ
หลินเป่ยเฉินถึงกับสะดุ้งโหยง
แล้วกระแสลมหมุนที่เต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งและเกล็ดหิมะสีขาวโพลนก็กระจัดกระจายไป
ไม่ต่างจากเศษกระจกที่แตกละเอียด
ประกายกระบี่สว่างไสวอยู่ตรงหน้า
เด็กหนุ่มกวาดสายตามองรอบตัวอีกครั้ง
แล้วสายตาที่มองเห็นแต่สีขาวสะอาดบริสุทธิ์เมื่อสักครู่นี้ ก็กลับมาพบเจอสภาพแวดล้อมตามปกติดังเดิม เหนือศีรษะของเขายังคงเป็นม่านราตรีสีดำสนิท ประดับด้วยดวงจันทร์สีเหลืองนวลบริสุทธิ์พร้อมด้วยดวงดาวระยิบระยับอีกมากมาย ที่นี่ยังคงเป็นหน้าผาหินบนยอดเขาที่สูงที่สุดในหุบเขา และสภาพแวดล้อมรอบตัวยังคงเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หลิงไท่ซวีค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นจากหัวไหล่ของหลินเป่ยเฉิน
ปรากฏเกล็ดน้ำแข็งและเกล็ดหิมะจำนวนหนึ่งลอยกระเด็นออกมาจากร่างของชายชรา ก่อนที่เกล็ดน้ำแข็งและเกล็ดหิมะเหล่านั้นจะกลายเป็นละอองน้ำระเหยหายไปในอากาศ
บนแขนเสื้อของหลิงไท่ซวียังคงมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะติดอยู่เล็กน้อย
“นี่คงเป็นความน่ากลัวของวิชาพายุหิมะแช่แข็งวิญญาณของมือสังหารธารน้ำแข็งถัวป่าแล้วกระมัง?”
หลิงไท่ซวีพูดพร้อมกับจ้องมองไปยังชายหนุ่มเสื้อขาว
ดวงตาของหลิงไท่ซวีเป็นประกายเย็นชา
ไม่มีความขี้เล่นหรือผ่อนคลายสบายอารมณ์อีกแล้ว
มือสังหารธารน้ำแข็งถัวป่าถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าอดีตเทพสงครามผู้หายตัวไปเนิ่นนาน นอกจากระดับพลังจะไม่ตกลงแล้ว ซ้ำยังมีความแข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรจะน่าเหลือเชื่อมากไปกว่านี้อีกแล้ว”
หลิงไท่ซวีแค่นหัวเราะในลำคอ “เจ้าอายุเพียงเท่าไหร่ ทำพูดดีเหมือนรู้จักข้ามาช้านาน ตอนที่ข้าโด่งดังนั้น ไม่ทราบว่าเจ้าคลอดออกมาจากท้องมารดาแล้วหรือยัง?”
ถัวป่าตอบกลับเสียงเรียบ “เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ ฝีมือมาก่อน อายุมาทีหลัง หลินเป่ยเฉินคงรับทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี แม่ทัพฉลามอู๋หยามีอายุอานามตั้งเท่าไหร่ สุดท้ายก็ต้องมาตายด้วยน้ำมือของเขา แต่น่าเสียดายที่…”
เจ้าของฉายามือสังหารธารน้ำแข็งหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาผิดหวังเล็กน้อย “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน ปรากฏว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนเยินยอเจ้ามากเกินไปจริงๆ”
ว่าไงนะ?
ได้ยินดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็เลือดขึ้นหน้าทันที
พูดแบบนี้หมายความว่าไง?
แบบนี้ตั้งใจดูถูกกันชัดๆ เลยนี่หว่า!!
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย