เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 1 ตอนที่ 28 จะยัดข้อหาให้กับแก

เล่มที่ 1 ตอนที่ 28 จะยัดข้อหาให้กับแก

ห้องที่พวกของโจวเฉิงพักคือห้องชุดราคาแพงที่สุดของบ้านพักรับรอง จดหมายแนะนำตัวของพวกเขาก็เป็นของหน่วยงานใหญ่ในปักกิ่ง

เมื่อคังเหว่ยแจ้งกับคนของบ้านพัก ทางบ้านพักก็ตกใจจนสับสน สมัยนี้ยังไม่มีกล้องวงจรปิด ใครจะรู้ว่าจางเสเพลเข้าไปได้อย่างไร จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีมีมากกว่า 5,000 หยวนเลยทีเดียว คนจากสถานีตำรวจจับจางเสเพลกดลงกับพื้น ถือเป็นคดีโจรกรรมที่ใหญ่เป็นพิเศษ

พวกของโจวเฉิงมาสถานีตำรวจเขตอันชิ่งเป็นครั้งที่สองแล้ว

ตำรวจสันติบาลยังจำทั้งสองคนได้ สองคนนี้มิใช่สหายผู้กล้าหาญเมื่อสองวันก่อนหรือ?

จางเสเพลได้แต่พูดว่าโดนใส่ร้าย คังเหว่ยเกาหัวแกรกด้วยความงุนงง

 ขอโทษด้วยนะครับ พวกเรากลับมาแล้วเจอไอ้บ้านี่กำลังขโมยเงินหลวง เลยลงมือหนักไปเสียหน่อย 

บาดแผลบนร่างกายของจางเสเพลไม่เพียงแต่หนักไปหน่อยเท่านั้น แต่ชัดเจนว่าเป็นการยำเขาให้ถึงตาย ทว่าสำหรับสหายผู้กล้าหาญมีคุณธรรมแล้ว ทางสถานีตำรวจก็ค่อนข้างเชื่อมั่นทีเดียว เมื่อตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลของจางเสเพลอีกรอบ ตำรวจที่สถานีก็รู้สึกช่างบังเอิญยิ่งนัก

เดิมทีคนคนนี้เป็นคนที่พวกเขาต้องการจับกุมตัวอยู่แล้ว การปราบปรามย่อมต้องมีเป้าหมายในการจับ หากไม่จับพวกเกกมะเหรกเทเมาทำผิดฉาวโฉ่ จะให้อยู่ดีไม่ว่าดีไปกล่าวหาคนบริสุทธิ์หรือ?

 ลักเล็กขโมยน้อย พฤติกรรมไม่ซื่อตรง มีคนรายงานว่าเขามีความสัมพันธ์อันไม่เหมาะสมกับผู้หญิงหลายคนที่แต่งงานแล้ว นี่ยังกล้าขโมยเงินหลวงอีก! 

 ความผิดฐานอันธพาลร่วมกับความผิดฐานลักขโมย ครั้งนี้เขาดิ้นไม่หลุดแน่! 

โจวเฉิงและคังเหว่ยพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้มาก จางเสเพลโวยวายไปเรื่อยว่าพวกเขาใช้เรื่องหลวงแก้แค้นเรื่องส่วนตัว [1] มาปรักปรำเขา โจวเฉิงกับคังเหว่ยออกจากสถานีตำรวจแล้ว ตำรวจหญิงที่รับรองเซี่ยเสี่ยวหลานในวันนั้นถึงได้เข้ามาสอบถามหัวหน้า

 หัวหน้าเหลียง คุณดูคดีนี้แล้วมีอะไรประหลาดอยู่ใช่หรือไม่คะ? 

หัวหน้าเหลียงสีหน้าเคร่งขรึม  คุณเสี่ยวผิง พวกเราไม่สามารถปล่อยคนร้ายไปได้ เกียรติของผู้หญิงนั้นไม่ง่ายเสียเลย จางเสเพลเป็นผู้กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อยึดตามบรรทัดฐานของการปราบปรามเขาคือกลุ่มคนที่ต้องถูกจับกุม สำหรับรายละเอียดอื่นๆ นั้น พวกเราก็ไม่ต้องไปขุดคุ้ยแล้ว 

จางเสเพลพูดจาไม่ปะติดปะต่อ เดี๋ยวก็พูดว่าพวกโจวเฉิงนำเงินทั้งหีบมากล่าวหาเขา เดี๋ยวก็บอกว่าทั้งสองคนพกปืนอยู่กับตัว ทว่าจดหมายแนะนำโจวเฉิงและคังเหว่ยว่าเป็นของหน่วยงานใหญ่ที่มั่งคั่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้วในปักกิ่ง ทั้งสองไปเซี่ยงไฮ้เพื่อจัดซื้อสินค้าแทนหน่วยงาน การพกเงินสดจำนวนมากไม่ได้เป็นเรื่องที่ปกติหรอกหรือ?

ในเรื่องนี้มีกลิ่นตุๆ จะว่าบังเอิญก็ไม่บังเอิญ จางเสเพลบอกว่าเป็นเพราะ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ หัวหน้าเหลียงมองจางเสเพลด้วยความเงียบงัน

 เขายอมรับเองแล้ว อย่างนั้นก็ต้องทำเป็นหลักฐานที่หักล้างไม่ได้ 

จางเสเพลไม่กล้าเปิดปากพูดอีกต่อไป

ถ้าเขาพูดว่าตนเองกับเซี่ยเสี่ยวหลานมีความสัมพันธ์กันจริง คดีความของเขาได้เพิ่มขึ้นอีกแน่!

เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงไม่รู้ว่าโจวเฉิงได้กำจัดศัตรูตัวเป้งแทนเธอไปหนึ่งคนแล้ว

จางเสเพลเป็นหนึ่งในผู้ร้ายที่บีบให้ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ฆ่าตัวตาย นี่ก็เป็นสิ่งที่โจวเฉิงสืบค้นจนเจอ ส่วนพี่สาวและว่าที่พี่เขยของเซี่ยเสี่ยวหลานมีส่วนร่วมเท่าไร ตอนนี้โจวเฉิงยังไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับนักศึกษาเซี่ยจื่ออวี้ซึ่งผู้คนสรรเสริญกันนั้น โจวเฉิงไม่มีความรู้สึกชมชอบให้เลยแม้แต่น้อย

เซี่ยเสี่ยวหลานขี่จักรยานกลับบ้านด้วยท่าทางภูมิใจและมีชีวิตชีวา

ข้าวจำนวนหลายหมู่ [2] ของบ้านหลิวได้เก็บเกี่ยวจากท้องนากลับบ้านหมดแล้ว ช่วงนี้แสงแดดเป็นใจ ตากไว้อีกสักสองวันก็สามารถนำเมล็ดข้าวเก็บเข้ายุ้งฉางได้ คนอื่นช่วยบ้านหลิวทำงาน เมื่อหลิวหย่งกับหลี่เฟิ่งเหมยจัดการงานไร่นาบ้านตนเสร็จก็ต้องคืนแรงให้คนในหมู่บ้าน การตากเมล็ดข้าวจึงให้หลิวเฟินรับหน้าที่ไปเสีย

ทุกหมู่บ้านล้วนมีลานตากข้าวของตัวเอง พอถึงตอนเช้าทุกบ้านจะนำเสื่อตากข้าวของตนเองมาปูไว้ ใช้ตะกร้าที่เก็บข้าวเทลงบนเสื่อตากข้าว ค่อยๆ เกลี่ยข้าวออกให้บางและสม่ำเสมอกัน ถึงจะสามารถตากจนความชื้นที่หลงเหลืออยู่เหือดแห้งหมดจด

ทุกหนึ่งถึงสองชั่วโมงก็พลิกกลับให้อีกด้านโดนแสงแดด ในเวลาเช่นนี้ลานตากข้าวมักจะเต็มไปด้วยผู้คนกองรวมกันอยู่

ชาวบ้านชีจิ่งก็มิใช่ไม่พูดเรื่องคนอื่น ลูกสาวบ้านไหนออกเรือนไปแล้วกลับบ้านแม่มาอยู่แค่หนึ่งคืนก็ถือว่าเจอได้ยากมากแล้ว จึงไม่มีใครอยู่บ้านแม่ทั้งวันโดยไม่สนงานไร่นาของบ้านแม่สามีในช่วงเก็บเกี่ยว ดังนั้นหลิวเฟินที่พาเซี่ยเสี่ยวหลานมาอาศัยบ้านแม่หลายวัน สามีอย่างเซี่ยต้าจวินก็ไม่เคยมาดูดำดูดีเลยสักหน วิเคราะห์แล้วสามีภรรยาคู่นี้น่าจะทะเลาะกันจนไม่อาจไปต่อได้แล้วใช่หรือไม่?

หลิวเฟินเป็นคนที่แม้ถูกทำร้ายก็ไม่หือไม่อือ ในเมื่อกล้ากระทำเช่นนี้ได้คงต้องมีที่พึ่งพิงอยู่บ้าง!

หมู่บ้านชีจิ่งไม่มีเหล่าแม่บ้านปากเปราะพูดจาไม่รื่นหูดั่งหมู่บ้านต้าเหอ อย่างแรกเป็นเพราะหลิวหย่งมิใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ หลิวเฟินเองก็เป็นคนของหมู่บ้านชีจิ่ง ชาวบ้านต้องปกป้องคนของตนเองอยู่แล้ว อีกอย่างธุรกิจค้าขายเก็งกำไรของเซี่ยเสี่ยวหลานเฟื่องฟูอย่างมากทั้งไข่ไก่และปลาไหล บ้านใครจะไม่อยากขายของให้เธอสักหน่อยกันเล่า?

เซี่ยเสี่ยวหลานทำธุรกิจโดยตั้งราคาชัดเจนและไม่พูดว่าตัวเองไม่หากำไร แต่กำไรที่เธอได้ก็เป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองทั้งนั้น

นอกจากนี้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักปฏิบัติตนกับผู้อื่น หากใครอยากได้ของจากในตัวเมือง แค่บอกเธอสักหน่อยก็จะช่วยจัดการให้อย่างเรียบร้อย อีกอย่างทำไมเด็กน้อยเหล่านั้นถึงได้ไปจับปลาไหลจากทุกที่เพื่อแห่มาขายให้เซี่ยเสี่ยวหลานกัน? นอกจากค่ารับซื้อจำนวน 8 เหมาแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานมักพกของกินติดตัวเสมอ บ้างก็ลูกกวาดบ้างก็เมล็ดทานตะวัน เหล่าเด็กน้อยในหมู่บ้านล้วนชื่นชอบเซี่ยเสี่ยวหลานมากเหลือเกิน!

ถ้าใครบอกว่าพี่สาวเซี่ยไม่ดี เด็กแสบพวกนี้จะต้องโวยวายน้ำตานองแน่นอน

 เสี่ยวหลานบ้านเธอนี่ทำงานเก่งนัก! 

 เธอไปรับซื้อไข่ไก่ทุกที่ทั้งวันจนดึกดื่น เดินทางจากหมู่บ้านเข้าเมืองอีกสองสามหน หาเงินได้ไม่น้อยเลยสินะ? 

 เธออิจฉาหรือ? ฉันว่าอย่าพูดถึงลูกสาวบ้านเธอเลย ต่อให้เป็นลูกชายบ้านเธอก็ทนเหนื่อยขนาดนี้ไม่ไหว 

 เด็กมันมีหัวคิด คนเป็นแม่เหนื่อยตอนนี้อีกหน่อยต้องสบายแน่… 

ชมกันเสียจนหลิวเฟินยิ้มแย้มเปี่ยมสุข

คนพวกนี้อย่างมากแค่เหน็บแนมสักสองสามประโยค มิได้มีเจตนาร้ายอื่นใด ตอนนี้หลิวเฟินใช้ชีวิตอย่างมีความหวังมากขึ้น เธอยังคงทำงานที่บ้านหลิว ทว่าไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยสักนิด เมื่อคนในครอบครัวร่วมแรงร่วมใจกัน ทุกวันก็จะผ่านไปได้ด้วยดียิ่งขึ้น ไม่เหมือนกับอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ย พี่สะใภ้ตระกูลเซี่ยอีกสองคนดูแคลนเธอ แม่สามีรังเกียจเดียดฉันท์เธอ สามีก็โทษเธอ หลิวเฟินจึงทำได้เพียงโอนอ่อนผ่อนตาม พยายามเอาใจทุกคน แต่ในโลกนี้กลับไม่ใช่ว่าคุณถอยหนึ่งก้าวแล้วคนอื่นจะยอมปล่อยคุณไป เพราะการถอยหนึ่งก้าว หมายความว่าคนอื่นก็สามารถข่มเหงเข้ามาได้อีกสองก้าว จนกว่าจะกดดันคุณจนไม่เหลือหนทางให้ถอยหลังแล้วค่อยเหยียบคุณให้จมลงดิน!

ชาวบ้านไม่ได้เอาแต่ประจ๋อประแจ๋หลิวเฟินไปโดยไม่มีเหตุผล แม้เธอเพิ่งกลับมาอยู่ที่บ้านแม่สักพัก แต่สีหน้าท่าทางดูดีขึ้นมาก

ผิวยังคงเป็นสีดำคล้ำจากการทำงานตากแดดมานานแรมปี ทว่าความระทมทุกข์บนใบหน้าสลายหายไปเกินครึ่ง สีหน้าหมองคล้ำกลายเป็นคล้ำแบบมีเลือดฝาด เมื่อมองละเอียดถี่ถ้วนแล้วหน้าตาของหลิวเฟินนั้นดูดีไม่น้อย ถึงเซี่ยเสี่ยวหลานจะได้กรรมพันธุ์ความสูงจากคนตระกูลเซี่ย ทว่ารูปลักษณ์เหมือนกับคนตระกูลหลิวเสียมากกว่า

เมื่อสภาพจิตใจไม่อัดอั้น รวมถึงอาหารการกินของชนบทในปี 83 เป็นสิ่งที่อิสระและน่าพึงพอใจโดยทั่วไป ในเวลาไม่กี่วันแก้มของหลิวเฟินก็เหมือนกับมีเนื้อเพิ่มมากขึ้น

กริ๊ง

เสียงกริ่งของจักรยานดังขึ้น เซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาแล้ว

ริมฝีบากของหญิงสาวราวกับเคลือบด้วยน้ำผึ้งก็มิปาน พอทักทายคนที่ลานตากข้าวจนครบถึงกล่าวกับหลิวเฟิน

 แม่ ฉันกลับไปหุงข้าวก่อนนะ เดี๋ยวมาช่วยแม่ 

เซี่ยเสี่ยวหลานน่ารักอรชร หลิวเฟินทนเห็นเธอทำงานหนักไม่ได้จึงไม่ให้เธอมาช่วย

 ลุงของลูกจะเลิกงานแล้ว ลูกก็อยู่บ้านทำกับข้าวไปเถอะ จะได้ดูแลเทาเทาด้วย 

วันนี้เทาเทาไปโรงเรียนเข้าเรียนเป็นวันแรก ในชนบทไม่มีโรงเรียนอนุบาล ทุกคนจึงเริ่มเรียนที่ชั้นประถมหนึ่งกันหมด เทาเทาอายุ 6 ขวบก็ถูกส่งไปเข้าเรียนแล้ว เป็นเพราะครอบครัวรักและห่วงใยเขามาก เด็กบางคนอายุสิบกว่ายังคงอยู่บ้านเล่นขี้มูกโป่งไร้สาระ บ้างก็ช่วยครอบครัวทำงานบ้านไม่ก็ทำงานในไร่นา เข้าเรียน? อายุในการเข้าเรียนไม่มีเกณฑ์กลาง และไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเรียนจบชั้นประถมได้ ชั้นประถมคัดออกหนึ่งกลุ่ม ชั้นมัธยมต้นก็คัดออกอีกหนึ่งกลุ่ม ชนบทในปี 83 นั้น หากบ้านไหนมีนักเรียนที่เรียนจนถึงชั้นมัธยมปลาย ล้วนถือว่าเป็นผู้มีวัฒนธรรมแล้ว

เซี่ยเสี่ยวหลานที่เคยเรียนมัธยมต้นเช่นนี้ ประวัติการศึกษาถือว่าไม่ขายหน้าใคร

ลองนึกดูแล้วเลยเข้าใจว่าเซี่ยจื่ออวี้ผู้สอบติดมหาวิทยาลัยในปี 83 ช่างล้ำค่ามากเพียงใด หลุดพ้นจากชนบทกลายเป็นคนเมือง รับประทานข้าวที่ต้องซื้อ [3] เรียนจบก็ได้เป็นพนักงานของรัฐ!

เทาเทาแบกกระเป๋าหนังสือใหม่โอ้อวดอยู่ทั้งวัน ตอนเลิกเรียนเพื่อนร่วมชั้นของเขาจะต้องมาขอลูบกระเป๋าสักนิดสักหน่อย

กระเป๋าหนังสือราคา 10 หยวน

สำหรับชาวบ้านชีจิ่งนั้นแพงเกินไป เงินจำนวนเท่านี้สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้ถึงสองภาคเรียนเลยทีเดียว

 พี่เสี่ยวหลาน ผมคิดถึงพี่จังเลย! 

เทาเทาพุ่งไปหาเหมือนกับประทัดน้อย กอดต้นขาของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้ไม่ยอมปล่อย เซี่ยเสี่ยวหลานให้ลูกกวาดกับเขา ซื้อกระเป๋าหนังสือให้เขา เทาเทารู้สึกได้ถึงความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน เซี่ยเสี่ยวหลานคือคนสนิทที่สุดในดวงใจของเทาเทา แม้แต่บิดามารดาก็ถอยไปอยู่ท้ายแถวแล้ว!

เชิงอรรถ

[1] 公报私仇 ใช้เรื่องหลวงแก้แค้นเรื่องส่วนตัว หมายถึง ใช้ประโยชน์จากธุระที่เกี่ยวข้องกับสาธารณะในการแก้แค้นเรื่องส่วนตัว

[2] 亩 หมู่ คือ หน่วยวัดพื้นที่ดั้งเดิมของจีน โดย 1 หมู่ เท่ากับประมาณ 0.42 ไร่

[3] 商品粮 ข้าวที่ต้องซื้อ หมายถึง พืชพันธุ์ธัญญาหารที่ซื้อขายกันทั่วไป ในที่นี้เดิมทีเซี่ยจื่ออวี้มาจากชนบท ข้าวที่รับประทานมักจะเป็นของที่ปลูกเอง เมื่อเข้าเรียนในเมืองแล้วก็เหมือนกลายเป็นคนเมือง ซื้อข้าวที่เขาขายกันรับประทานแทน

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท