เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 2 ตอนที่ 43 ขยับขยายธุรกิจใหม่

เล่มที่ 2 ตอนที่ 43 ขยับขยายธุรกิจใหม่

หงส์ฟ้าทองแห่งตระกูลเซี่ยราวกับอยู่บนหอคอยงาช้าง อุทิศตนให้แก่หวังเจี้ยนหัวอย่างสุดกำลัง

ส่วน ‘รองเท้าผุพัง’ ประจำตระกูลเซี่ยขี่จักรยานลัดเลาะไปทั่วถนนตรอกซอกซอยของเมืองซางตู เธอเปลี่ยนทิศทางระหว่างการเดินทาง จึงสามารถนำปลาไหลที่หูหย่งไฉสั่งไว้มาส่งที่บ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองได้ก่อน ที่เหลือค่อยเอาไปขายในตลาดสินค้าเกษตร

นี่เป็นครั้งที่สองในการขายให้บ้านพักรับรอง เซี่ยเสี่ยวหลานวนไปทางประตูหลังด้วยความคุ้นชิน

 คุณคะ ฉันมาหาคุณหูหย่งไฉค่ะ 

ไม่ถึงห้านาที หูหย่งไฉก็วิ่งออกมา ท่าทางรีบเร่ง

 วันนี้เธอมาเร็วพอดี ฉันยังกังวลว่าเธอจะมาไม่ทัน 

หูหย่งไฉเมียงมองในตะกร้าบนจักรยาน ปลาไหลของเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ได้ขายเลย เมื่อเปิดฝาไม้ไผ่ออก พวกมันพันกันยั้วเยี้ยไปมา ดูแล้วมีชีวิตชีวาทีเดียว หูหย่งไฉปลื้มปีติมาก  น้องเซี่ย นี่เป็นโชคดีของเธอนะ วันนี้มาเร็วอย่าเพิ่งย้ายปลาไหลลงมา ไปภัตตาคารหวงเหอตรงนั้นกับฉันก่อน เย็นวันนี้พวกเรามีงานเลี้ยงหลายสิบโต๊ะ เธอนำสินค้ามาเท่านี้เอง รับรองว่าขายหมดในครั้งเดียวแน่ 

 หา? ถ้าอย่างนั้นขอบคุณพี่หูมากๆ เลยค่ะ! 

หูหย่งไฉได้แนะนำเครือข่ายทางสังคมให้กับเธอแล้ว

เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้ ยังนึกว่าต้องติดต่อกันอีกสักพักก่อน เขาถึงจะยอมใจอ่อนให้

เมื่อชาติก่อนตอนเซี่ยเสี่ยวหลานจบการศึกษามหาวิทยาลัยเข้าสู่วงสังคม ก็เป็นเรื่องของสิบกว่าปีให้หลังแล้ว ธรรมเนียมของสังคมย่อมแตกต่างกันบ้าง เช่นคนจัดซื้อของบ้านพักรับรองอย่างหูหย่งไฉผู้นี้ เคยชินกับ ‘การทุจริตเคลือบน้ำตาล’ ที่กัดกินเขา บุหรี่หนึ่งคอตตอนจะเท่าไรกันเชียว? แต่ในปี 83 คนที่กล้าใจกว้างส่งของขวัญขนาดใหญ่เพื่อหวังผลทางธุรกิจดั่งเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานนี่เห็นได้ไม่บ่อยนัก บุหรี่สองคอตตอนกับสุราหนึ่งขวดเพียงพอจะใช้เส้นสายหางานหนึ่งตำแหน่งได้แล้ว

แค่เริ่มต้นก็เป็นบุหรี่หนึ่งคอตตอน เซี่ยเสี่ยวหลานจัดการเรื่องนี้ได้หน้าใหญ่ใจโตมาก หูหย่งไฉกลับบ้านไปคิดทบทวน รับของมาย่อมควรช่วยเหลือธุระให้สำเร็จ สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานขอร้องก็มิใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพียงแต่หาลูกค้าปลาไหลที่มั่นคงให้เท่านั้น มาตรฐานอาหารของบ้านพักรับรองมีข้อกำหนดอยู่ ไม่เหมือนบ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองดั้งเดิม ทว่าภัตตาคารหวงเหอซึ่งเปิดกิจการในปี 1975 นั้นคือภัตตาคารที่เปิดให้คนนอกเข้าใช้บริการ

ภัตตาคารทำอาหารกวางตุ้งและอาหารเสฉวนเป็นหลัก จึงต้องการปลาไหลจำนวนไม่น้อย

จะอธิบายเช่นนี้ก็ได้ คนมาบ้านพักรับรองคณะกรรมการพรรคประจำเมืองล้วนมีอำนาจ แต่คนไปภัตตาคารหวงเหอนั้นมีเงินแน่นอน

ปลาไหลหม้อร้อนหนึ่งที่สามารถขายได้ถึง 10 หยวน สั่งปลาไหลผัดมาตามเรื่องตามราวยังมีราคาถึง 6 หยวนด้วยซ้ำ ร่ำรวยกว่าบ้านพักรับรองมากโข

หูหย่งไฉแนะนำสถานการณ์ของภัตตาคารหวงเหอพอสังเขป ภัตตาคารหวงเหออยู่บนถนนจงหยวน ห่างจากบ้านพักรับรองไม่ไกล หูหย่งไฉนำเซี่ยเสี่ยวหลานไปที่นั่น อาจเพราะได้ติดต่อไว้ล่วงหน้าแล้ว คนจัดซื้อทำการซื้อปลาไหลทั้งหมดของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้โดยไม่ต้องเอ่ยปากใดๆ

ปลาไหล 57 ชั่ง ราคาที่ให้ยังคงเป็น 1.2 หยวนต่อชั่ง เซี่ยเสี่ยวหลานนำไข่ไก่มาด้วย 200 ใบ และเขาก็รับซื้อเอาไว้ทั้งหมด

คนผู้นี้ค่อนข้างสนิทสนมกับหูหย่งไฉ แม้ไม่ได้รับปากบอกว่าจะสั่งจองปลาไหลล่วงหน้าเหมือนหูหย่งไฉ แต่ก็น่าไว้วางใจได้ดีทีเดียว

 อีกหน่อยถ้าเธอมีของ มาลองถามที่นี่ดูก่อนก็ได้ แค่บอกว่ามาหาจูฟ่าง 

จูฟ่างผู้นี้วางมาดเป็นอย่างยิ่ง หากจัดแจงให้เขาทำงานในภัตตาคารหวงเหอได้ อิทธิพลครอบครัวของเขาคงไม่เลวนัก ทำงานจัดซื้อเหมือนกันทั้งคู่ เขาและหูหย่งไฉจากบ้านพักรับรองจึงเป็นเพื่อนกัน สองคนถือว่าแลกเปลี่ยนสินค้าที่ขาดไปให้กันและกันเป็นประจำ เมื่อวานหลังเลิกงานหูหย่งไฉมาหาเขา ถามว่าภัตตาคารหวงเหอต้องการรับซื้อปลาไหลหรือไม่ เนื่องจากตนมีญาติที่กำลังขายอยู่ในช่วงนี้

ภัตตาคารหวงเหอต้องการปลาไหลอยู่แล้ว เพราะอาหารหลักคืออาหารกวางตุ้ง ถ้าแม้แต่ปลาไหลหม้อร้อนยังไม่ขาย เช่นนั้นจะนับว่าเป็นภัตตาคารอาหารดั้งเดิมได้อย่างไร

เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ ถ้าเขาไม่จัดการให้สำเร็จไป มิใช่ว่าเป็นการเสียหน้าต่อหน้าหูหย่งไฉหรือ?

สิ่งที่จูฟ่างคาดไม่ถึงก็คือญาติของหูหย่งไฉ… สวยขนาดนี้เชียว?

สวยอย่างกับดาราหญิงฮ่องกง ไต้หวันในเทปพวกคาสเซ็ท จูฟ่างนึกไม่ถึงว่าในความเป็นจริงจะมีบุคคลแบบนี้อยู่ในเมืองเล็กๆ เช่นนี้ เมื่อครู่เกือบเสียอาการให้เซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว

 พี่หู เธอเป็นญาติฝ่ายไหนกัน เมื่อก่อนทำไมไม่เคยได้ยินพี่พูดถึง? 

เอาอีกแล้ว เป็นอีกหนึ่งคนที่หลงเสน่ห์เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าแล้วสินะ

โดยปกติแล้วจูฟ่างมาตรฐานสายตาสูงเท่าหลังคา เมื่อเขาจุดบุหรี่ให้หูหย่งไฉด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ หูหย่งไฉก็รู้สึกประหลาดใจ

 อะไร? ไอ้หมอนี่ นายสนใจเธอล่ะสิ? 

จูฟ่างกระแอมแห้งๆ สองที  ทำความรู้จักเป็นเพื่อนได้ไหม? 

หูหย่งไฉคิด ตอนนี้ทุกที่กำลังปราบปรามอยู่ ผู้หญิงเขาคงสมองสับสนมาเป็นเพื่อนอะไรกับนายหรอก ความรักที่ไม่ยึดถือการแต่งงานเป็นเป้าหมายล้วนคือการกลั่นแกล้ง ถึงกระนั้นหูหย่งไฉก็ไม่รู้จักเซี่ยเสี่ยวหลานมากมาย จึงตอบส่งๆ ไปพอให้ดีใจบ้าง

 เวลาที่พวกนายจะได้ทำความรู้จักกันมีเยอะอยู่นะ ธุรกิจนี้ของเธออย่างไรก็ต้องทำถึงเดือนพฤศจิกายน นายอย่าไปข่มเหงผู้หญิงเขาเข้า รู้จักเว้นระยะห่างให้มันสมควร! 

ครอบครัวของจูฟ่างพอมีอิทธิพล เจ้านี่ก็ถือเป็นหนุ่มโสดผู้เป็นที่ต้องการของตลาด หน้าตารึไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ ถ้าเกิดว่ามีวาสนากับเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นมาจริงๆ …. หูหย่งไฉจึงไม่ได้กล่าวขัดความตั้งใจของเขามากจนเกินไป

จูฟ่างได้ยินคำพูดเช่นนี้… นี่หมายความว่าเขามีความหวังสินะ!

เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่แต่งงานเป็นแน่ ถ้าแต่งงานแล้วหูหย่งไฉจะตักเตือนเขาเอง

เขารู้สึกว้าวุ่นไม่มีสิ้นสุดในทันที เมื่อครู่ไม่น่าหยิ่งทะนงเลย แค่สั่งปลาไหลกับเธอ บอกให้เธอมาส่งยังภัตตาคารหวงเหอทุกวัน อย่างนั้นมิใช่ว่าเท่ากับสามารถพบกันได้ทุกวันหรอกหรือ? ช่างเป็นโอกาสทำความรู้จักที่ดีเหลือเกิน!

เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับรู้เลยว่าตนเองได้ใช้ความสะดวกสบายจากหน้าตาอีกแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกค้ารายใหญ่ของปลาไหลอีกต่อไป

เธอไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้จะสามารถจำหน่ายสินค้าที่นำมาหมดเกลี้ยงโดยราบรื่นถึงเพียงนี้ ก่อนมาเธอมีเงินติดตัวห้าสิบกว่าหยวน เมื่อขายปลาไหลกับไข่ไก่แล้ว ทั้งหมดก็มีราว 150 หยวน เวลายังเช้านัก เซี่ยเสี่ยวหลานจึงขี่จักรยานตรงไปตลาดสินค้าเกษตร

จากตลาดสินค้าเกษตรเยื้องออกนอกเมืองมีโรงงานสกัดน้ำมันแห่งหนึ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากจักรยานว่างกลับหมู่บ้านชีจิ่ง ต้องการทำธุรกิจอื่นๆ ไปด้วย เธอครุ่นคิดไปมา อีกทั้งพิจารณาตลาดในชนบทซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่จะล้วงเงินจากมือของเกษตรกร ก็มีเพียงแต่ของที่ทำเงินให้พวกเขาได้

ในเขตอันชิ่งมีอะไร?

โรงงานขนาดใหญ่ที่สุดสองแห่งคือโรงงานเครื่องมือเกษตรและโรงงานเนื้อสัตว์ เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าร่วมกับโรงงานเครื่องมือเกษตรไม่ได้อยู่แล้ว แต่เพราะมีโรงงานเนื้อสัตว์อยู่ เกษตรกรรอบเขตอันชิ่งจึงเลี้ยงหมูกันไม่น้อย ไม่มีบ้านไหนกล้าฟุ่มเฟือยขนาดเก็บหมูทั้งตัวไว้กินจนถึงวันตรุษจีนหรอก ต่อให้เชิญคนมาฆ่าเอง เนื้อส่วนใหญ่ล้วนนำออกไปขายทั้งหมด ที่เหลืออยู่ค่อยเอาไว้ลงหม้อไว้ฉลองข้ามปี มากกว่านั้นคือไม่กินเลยแต่ขายหมูทั้งตัวให้โรงงานเนื้อสัตว์ของเขตอันชิ่ง การเลี้ยงหมูอาจเป็นแหล่งรายได้ขนาดใหญ่ที่สุดนอกเหนือจากการทำไร่นาของเกษตรกร

หมูผอมเกินไปจะขายไม่ได้ราคา เหล่าเกษตรกรจึงทำการขุนหมูให้อ้วนพี

บ้านหลิวเลี้ยงหมูสองตัวเช่นกัน เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินป้าสะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยบอกว่าจะซื้อกากน้ำมันให้หมูกิน หาที่ตลาดสดในหมู่บ้านถึงสองหนก็ไม่เคยเจอ เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินแล้วฉุกคิด เลยถามเธอว่าเป็นกากน้ำมันแบบไหน

 กากน้ำมันก็คือกากที่หลงเหลือหลังจากการสกัดน้ำมัน 

หลังจากใช้เมล็ดพืชสกัดน้ำมันออกมาเสร็จสิ้น จะเหลือกากน้ำมันอยู่เล็กน้อย นำสิ่งนี้ไปหมักแล้วให้หมูกินเป็นอาหารสัตว์ ผสมในอาหารหมูนิดหน่อย หมูจะโตเร็วยิ่งขึ้น หลี่เฟิ่งเหมยไปหาซื้อสองรอบก็ยังไม่เคยเจอคนขายกากน้ำมันมาก่อน แสดงว่าของแบบนี้มีคนขายเฉพาะเป็นแน่ เพียงแต่ไม่สามารถรับรองจำนวนสินค้าได้… แต่แค่มีกลุ่มเป้าหมายซื้อ ย่อมทำกำไรได้

รอบเขตอันชิ่งมีกากน้ำมันไม่เพียงพอ แต่เมืองซางตูยังมี

เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อซื้อกากน้ำมัน ทว่าขายปลาไหลหมดเลยบรรทุกติดรถกลับไปด้วยเสียหน่อย อีกทั้งเธอไม่ต้องไปขายถึงที่ตลาดรวม เธอต้องตระเวนไปรับซื้อปลาไหลทุกที่ทุกวันอยู่แล้ว ก็ขายกากน้ำมันให้ชาวบ้านที่เลี้ยงหมูไปด้วยเลย

การเชี่ยวชาญสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มิเช่นนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจะรู้ได้อย่างไรว่าทิศทางนั้นของตลาดสินค้าเกษตรมีโรงงานสกัดน้ำมันอยู่แห่งหนึ่ง?

เธอขี่จักรยานหาของที่ต้องการ พลังของ ‘ต้าเฉียนเหมิน’ หนึ่งคอตตอนเคยแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เซี่ยเสี่ยวหลานได้ฝึกฝนจนคุ้นชินกับการใช้บุหรี่สานสัมพันธ์ ให้หนึ่งคอตตอนสะดุดตามากไปหน่อย เธอไปซื้อบุหรี่มาอีกหนึ่งคอตตอน ทว่าคราวนี้แบ่งแยกซองออกมา

ขณะเดินเข้าโรงงานสกัดน้ำมัน กลิ่นนั้นช่างหอมเสียแทบเอาชีวิตไม่รอด

 มาทำอะไร? 

ยามเฝ้าหน้าประตูโรงงานสกัดน้ำมันตื่นอยู่จึงได้เรียกเซี่ยเสี่ยวหลานให้หยุดมาตั้งแต่ไกล โรงงานสกัดน้ำมันเป็นหน่วยงานที่ได้รับความนิยม เดี๋ยวนี้น้ำมันช่างขาดแคลนกันมากขนาดไหนเชียว? โรงงานที่นิยมคล้ายกันยังมีโรงงานน้ำตาล โรงงานแอลกอฮอล์ รวมถึงโรงงานเนื้อสัตว์และโรงงานที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันของผู้คน เงินเดือนและสวัสดิการล้วนดีมาก

 สวัสดีจ้ะ ฉันอยากถามหน่อยว่ากากน้ำมันในโรงงานสามารถขายให้ฉันได้หรือไม่? 

เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวพร้อมกับส่งบุหรี่ไปอย่างเป็นธรรมชาติ ยามหน้าประตูคือชายอายุราวสี่สิบกว่าปี ถูกการกระทำของเธอโจมตีเสียจนรับมือไม่ทัน

เซี่ยเสี่ยวหลานเป็นหญิงสาวที่สะสวยมาก นอกจากสวยแล้ว เธอยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อีก จะปฏิเสธคนอัธยาศัยดีขนาดนี้ได้อย่างไร ในเมื่อไม่อาจปฏิเสธกลยุทธ์ยาสูบของเซี่ยเสี่ยวหลานได้ หลังจากนั้นย่อมปฏิเสธคำร้องขอของเธอไม่ได้เช่นกัน

กากน้ำมันในโรงงานนั้นมีขายแน่นอน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะกองของแบบนี้ไว้เพื่ออะไรกันล่ะ

โรงงานเนื้อสัตว์รับผิดชอบเพียงการรับซื้อหมูที่ยังมีชีวิตหรือสัตว์ที่เชือดแล้ว พวกเขาไม่เลี้ยงหมู สถานที่เลี้ยงหมูขนาดใหญ่ก็มีไม่มาก กากน้ำมันของโรงงานสกัดน้ำมันจึงต้องขายปลีกให้ข้างนอก แต่ขายปลีกที่ว่าก็ยังมากกว่า 100 ชั่งขึ้นไปและไม่เกิน 1000 ชั่ง ถ้าเกษตรกรทั่วไปจะมาถึงโรงงานสกัดน้ำมันเพียงเพื่อซื้อกากน้ำมันไม่กี่ชั่ง แค่เข้าประตูโรงงานไปก็ยังไม่ได้เลย

 3 เฟินต่อหนึ่งชั่ง เธอจะซื้อเท่าไร? 

กากน้ำมันของโรงงานสกัดน้ำมันกองพะเนินสูงราวกับภูเขาลูกเล็ก ราคาเพียงชั่งละ 3 เฟินเท่านั้น กากน้ำมันที่หลี่เฟิ่งเหมยเคยซื้อเมื่อก่อนอยู่ที่ราคา 8 เฟินต่อชั่ง

กากน้ำมันหนึ่งชั่งได้กำไร 5 เฟิน

ไข่ไก่หนึ่งใบเซี่ยเสี่ยวหลานได้กำไรแค่ 2 เฟิน!

อีกอย่างกากน้ำมันเอาใส่ตะกร้าหลังจักรยานลวกๆ ก็ได้ ไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย ขอเพียงเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถบรรทุกไหว เธออยากซื้อเท่าไรย่อมได้เท่านั้น!

เซี่ยเสี่ยวหลานลองประมาณกำลังของตนเองแล้วหักห้ามจิตใจละโมบเอาไว้

 ใส่มาก่อน 300 ชั่งแล้วกันค่ะ 

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท