เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 3 ตอนที่ 67 กุมมือเล็กไว้โดยไม่ทันตั้งตัว

เล่มที่ 3 ตอนที่ 67 กุมมือเล็กไว้โดยไม่ทันตั้งตัว

การจะเดินทางไกลในปี 83 ไม่ได้สะดวกสบายนัก

ซางตูและหยางเฉิงห่างกันถึงหนึ่งพันกว่ากิโลเมตร

รถเดินทางโดยตรงระหว่างสองสถานที่ หนึ่งวันยังอาจจะไม่มีขายสักเที่ยวเดียวด้วยซ้ำ

แต่หยางเฉิงเป็นเมืองใหญ่ทางใต้ ซางตูคือศูนย์กลางทางรถไฟของจงหยวน [1] นอกจากรถเที่ยวตรงแล้ว ยังมีรถผ่านทางซึ่งสถานีต้นทางไม่ใช่ซางตูให้เลือกได้

การขนส่งระบบรางของซางตูเฟื่องฟูมาก ทว่าเขตอันชิ่งกลับไม่มีชานชาลาให้รถไฟเทียบ

ระยะทางระหว่างเขตอันชิ่งและซางตูแท้จริงนั้นอยู่ใกล้กัน

หากทั้งสองสถานที่มีรถไฟ เวลาเซี่ยเสี่ยวหลานขายไข่ไก่ก็สะดวกขึ้นมากแล้ว

จะอาศัยจักรยานเพื่อเข้าเมืองทำไมกัน ตั๋วรถไฟระยะทางสั้นนั้นไม่แพง

ที่แพงคือตั๋วรถไฟทางไกลต่างหาก!

โจวเฉิงขับรถพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปซางตูได้อย่างรวดเร็ว

ในฐานะที่เป็นสถานีรถไฟศูนย์กลางทางรถไฟจงหยวน

เปรียบเทียบกับสถานีรถไฟใหญ่ในอนาคตแล้วย่อมดูทรุดโทรม ทว่ามีเพียงแค่การที่ผู้คนพลุกพล่านเบียดเสียดกันเลวร้ายกว่าในยุคหลังเท่านั้น

เมื่อผ่านไปอีก 30 ปี

วิธีเดินทางที่ผู้คนเลือกใช้ย่อมมีหลากหลายมากขึ้นกว่าสมัยนี้ ทั้งการพัฒนาทางหลวง

ปริมาณการมีรถยนต์ส่วนบุคคลสูงขึ้น

อีกทั้งมีตั๋วเครื่องบินราคาย่อมเยาว์ที่มอบความรวดเร็วสะดวกสบายให้แก่การเดินทางระยะไกล

โจวเฉิงให้คังเหว่ยอยู่บนรถ ส่วนตนเองกับเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าสถานี

บ้างแบกกระเป๋าน้อยใหญ่เบียดขึ้นรถไฟ บ้างถูกครอบครัวถ่วงรั้ง

สัตว์ปีกที่ถูกมัดปีกและเท้าไว้พากันร้องเสียงขรม ปล่อยของเสียลงบนพื้นเป็นระยะๆ

หรือบนรองเท้าของผู้โชคร้ายสักคน มีคนทะเลาะกัน มีคนเบียดไปข้างหน้าอย่างเงอะงะ

มีคนกำลังถูกหลอกลวง และมีคนอยากจะขโมยของคนอื่น

สถานีรถไฟสามารถเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้ ที่นี่รวบรวมกลิ่นอายแปลกประหลาดหลากชนิดไว้—กลิ่นสัตว์ปีก กลิ่นเหงื่อไคล กลิ่นเหม็นจากสิงห์อมควัน

กลิ่นเปรี้ยวอับของผักดองที่นำติดตัวมา เซี่ยเสี่ยวหลานถึงกับกลั้นหายใจ

โจวเฉิงคอยคุ้มกันเธอ

กลัวว่าเธอจะถูกพวกลักเล็กขโมยน้อยหรือพวกเสเพลในสถานีรถไฟเอาเปรียบ

ทั้งกังวลว่าเธอจะลื่นล้มจากเปลือกผลไม้บนพื้น ขณะพากันเบียดไปจุดจำหน่ายตั๋วเรื่อยๆ

ทั้งที่ใกล้จะเดือนพฤศจิกายน แต่อากาศยังร้อนเสียจนเหงื่อไหลออกมา

มีคนอุ้มเด็กเบียดเซี่ยเสี่ยวหลาน รูปร่างล่ำเตี้ยชนเธอจนเกือบล้มลง

เซี่ยเสี่ยวหลานโซเซ โจวเฉิงจึงประคองแขนเธอไว้

 อยู่ใกล้ฉัน อย่าหายไปไหนล่ะ! 

เดิมแค่จูงแขนไว้ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนมาจูงมือเนียนตามเรื่องตามราว

มือของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถือว่าเนียนนุ่มไร้กระดูกดั่งผู้ใช้ชีวิตดุจองค์หญิง

ทว่าโจวเฉิงไม่เคยจูงมือหญิงสาวคนอื่นมาก่อน เขาจึงไม่มีคนมาเปรียบเทียบได้

เขารู้แต่เพียงมือของตนกอบกุมมือเล็กของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้

สัมผัสที่มือช่างยอดเยี่ยม ราวกับทั้งตัวเขาได้ล่องลอยขึ้นไปบนอากาศแล้ว…

สถาพแวดล้อมโดยรอบโหวกเหวกวุ่นวาย ทว่าโจวเฉิงอยู่ในที่เอะอะยังได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตน

ตึกตัก ตึกตัก… สุ้มเสียงนี้ราวกับเสียงของกลองทหาร

จังหวะกลองยิ่งดังยิ่งถี่ขึ้น ทำให้โจวเฉิงดวงตาพร่ามัวแลจิตใจสั่นไหว

อวัยวะรับสัมผัสอื่นบนร่างกายยุ่งเหยิงอ่อนปวกเปียก สัมผัสหนึ่งเดียวที่ยังรับรู้ได้ก็เหลือเพียงเขาและเซี่ยเสี่ยวหลานจับมือกัน

โจวเฉิงผู้แม้ปืนใหญ่ระเบิดต่อหน้ายังสงบใจได้ ทว่า ณ ตอนนี้

ถูกอะดรีนาลีน [2] ที่ร่างกายหลั่งออกมาควบคุมจิตใจอันแรงกล้าไว้—ความรักคืออะไร? โจวเฉิงไม่รู้

โจวเฉิงแค่รู้สึกว่าตนสยบต่อความความเบิกบานอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้ว

แค่จูงมือเท่านั้น

แต่ก็มิใช่เพียงจูงมือเท่านั้น

ฝ่ามือของเขาผุดเหงื่อซึมออกมา เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเกร็งเล็กน้อย

ท่าทางของโจวเฉิงสง่างามขนาดนั้น แต่ที่แท้แล้วเขากำลังประหม่าหรือ?

เมื่อตระหนักได้ถึงจุดนี้ จากที่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกสงบก็กลายเป็นประหม่าไปด้วยแล้ว

เซี่ยเสี่ยวหลานอาวุโสเพียงจิตใจ

ในด้านความสัมพันธ์ฉันชายหญิงกลับไม่ใช่โชเฟอร์วัยดึกอะไรนัก ความรู้สึกหลายคราก่อนเกิดใหม่ล้วนสิ้นสุดลงด้วยตัวเอง

อาการชื่นชอบที่แท้จริง เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกไม่คุ้นเคย โจวเฉิงอาจหาญไม่น้อย

รีบไขว่คว้าโอกาสจูงมือเอาไว้ แต่เขานั้นประหม่าเสียจนฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ อาจหาญทว่าไร้เดียงสา?

ตกลงแล้วแบบไหนคือโจวเฉิงกันแน่

กลางใจของเซี่ยเสี่ยวหลานได้ปรากฏอารมณ์วูบไหวพิกลขึ้นมาแล้วเช่นกัน

โจวเฉิงจูงเธอเบียดเข้าไปที่จุดจำหน่ายตั๋ว  คุณครับ วันนี้ยังซื้อตั๋วรถไฟไปหยางเฉิงได้ไหม? 

 ซางตูไปหยางเฉิง? มีตั๋วรอบหกโมงเย็น

เอาจดหมายรับรองมา 

เซี่ยเสี่ยวหลานจะหยิบจดหมายแนะนำ

มือข้างนั้นที่ถูกโจวเฉิงกุมไว้จึงขยับเขยื้อน โจวเฉิงไม่อยากคลายเลยแม้แต่น้อย

เขารับรู้ได้ถึงความผิดหวังจากการสูญเสีย

คนขายตั๋วส่งจดหมายแนะนำของเซี่ยเสี่ยวหลานกลับไปอีกครั้ง  ตั๋วที่นั่งธรรมดาหนึ่งใบ 25 หยวน 6 เหมา !

 ไม่มีตู้นอนหรือคะ? 

จากซางตูถึงหยางเฉิงต้องใช่เวลากว่า 30 ชั่วโมง ที่นั่งธรรมดาทรมานทรกรรมมากเกินไป

โจวเฉิงต้องการให้เซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางสบายเสียหน่อย

หน้าต่างจุดจำหน่ายตั๋วแน่นหนาเหลือเกิน คนขายตั๋วอารมณ์ก็ไม่ดี  มีแค่ที่นั่งธรรมดา เอาไม่เอา? ไม่เอาก็คนต่อไป! 

ตู้นอน?

ปัจจุบันนี้อุปกรณ์ของรถไฟขาดแคลนอย่างมาก

บนรถไฟทุกสายจะมีตู้นอนไม่เยอะนัก ไร้เส้นสายแล้วอยากซื้อตั๋วตู้นอนได้ก็เป็นแค่การฝันลมๆ

แล้งๆ นั่นเอง

 คุณคะ รบกวนเอาที่นั่งธรรมดาหนึ่งใบค่ะ 

เซี่ยเสี่ยวหลานส่งเงินเข้าช่องหน้าต่างโดยตรง

ที่นั่งธรรมดาก็ดีกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้แล้ว เวลา 30 กว่าชั่วโมง หากเป็นคนที่รีบทำธุระแม้แต่ตั๋วยืนก็ยังยอมซื้อ! ตั๋วยืนราคาถูกกว่าตั๋วที่นั่งธรรมดามาก

เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อที่นั่งธรรมดาไปหยางเฉิงถือเป็นการกระทำที่ฟุ่มเฟือยพอสมควรแล้ว…

ตั๋วรถหนึ่งใบ 25.6 หยวน

เท่ากับรายได้กว่าครึ่งเดือนของพนักงานและคนงานทั่วไป!

พนักงานขายรับเงินไว้ ส่งตั๋วรถหนึ่งใบให้แก่เซี่ยเสี่ยวหลาน

โจวเฉิงมิได้กล่าวอะไร

บรรยากาศคลุมเครือเมื่อครู่เกิดขึ้นเพราะประจวบเหมาะและไม่อาจร้องขอได้อีก

เขาคุ้มกันเซี่ยเสี่ยวหลานเบียดตัวออกจากสถานีอีกรอบ

สถานีรถไฟมีคนมากมายพลุ่งพล่าน

คังเหว่ยไม่ห่างสินค้าบนรถไปแม้แต่ก้าวเดียว

 ซื้อตั๋วได้ไหม? 

 ที่นั่งธรรมดาไปหยางเฉิง รถเที่ยวหกโมงเย็น

ยังมีเวลาก่อนรถออกอีกสองชั่วโมงกว่า 

ทำไมซื้อที่นั่งธรรมดาเล่า?

คังเหว่ยและโจวเฉิงแค่มองตาก็รู้ใจ เขาเอามือกุมไว้ที่หน้าท้อง  โชคดีที่พวกพี่กลับมาแล้ว เฝ้ารถหน่อย ผมจะเข้าสถานีไปห้องน้ำ 

คังเหว่ยหนีหายตัวไปเลย

เหลือเพียงโจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลานไว้สองคน

โจวเฉิงเปิดประตูรถฝั่งคนขับ  เสี่ยวหลาน เธอก็ขึ้นรถมาสิ ฉันมีของบางอย่างจะให้เธอ 

สิ่งที่โจวเฉิงแสดงให้เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นคือกระบอกไฟฉายอันเล็ก

ไฟฉายกระบอกนี้ไม่เหมือนกับไฟฉายเหล็กขนาดใหญ่ที่ใส่ถ่าน

มันกะทัดรัดและประณีตกว่า

พลาสติกคุณภาพสูงด้านนอกและรูปร่างสี่เหลี่ยมทำให้มันดูล้ำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยสมบูรณ์

 นี่คือ? 

ไม่ใช่หรอกน่า ตอนนี้ก็มีของแบบนี้แล้วหรือ?

เซี่ยเสี่ยวหลานมีการคาดคะเนไว้

โจวเฉิงไม่ส่งไฟฉายให้เธอทันทีทันใด แต่สาธิตวิธีการใช้งานให้เธอดู

 ตรงนี้มีสองปุ่ม กดปุ่มสีเขียวลงไปคือแสงปกติ สีแดงคือกระแสไฟฟ้าแรงสูง

ถ้าสัมผัสผิวคนโดยตรง ภายในสามวินาทีสามารถช็อตผู้ใหญ่หนึ่งคนให้หมดสติได้…

ใช้แล้วจำไว้ว่าต้องเสียบไฟเติมให้เต็ม 

นี่มันไฟฉายอะไรกัน เป็นเครื่องช็อตไฟฟ้าชัดๆ !

ช่างละม้ายกับเครื่องช็อตไฟฟ้าป้องกันตัวจากภาพจำในอนาคตของเซี่ยเสี่ยวหลานมากเหลือเกิน!

เทคโนโลยีตอนนี้ชั้นสูงถึงเพียงนี้เลยหรือ?

ความตกตะลึงของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถูกปกปิดเอาไว้เลยสักนิด

โจวเฉิงนึกว่าเขาทำให้เธอกลัวเสียแล้ว  ไม่ต้องกลัว กำตัวด้ามขณะใช้งาน ไม่มีทางที่กระแสไฟจะไหลถึงเธอแน่ 

เซี่ยเสี่ยวหลานรับมาไว้ในมือ เครื่องช็อตไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด

ช่างเป็นเจตจำนงอันหนักแน่นของโจวเฉิงเสียจริง

 ฤดูร้อนปีนี้ที่เซี่ยงไฮ้เปิดสถานีกระจายสัญญาณแห่งแรกแล้ว

มีอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่สามารถสื่อสารกันได้ทันที ขนาดเล็กเท่ากับซองบุหรี่ได้

ถ้าทางอวี้หนานนี้จะเปิดศูนย์ให้บริการเหมือนกัน ต่อไปพวกเราก็สามารถติดต่อหากันได้ทุกเวลาแล้ว… 

เซี่ยงไฮ้มีเพจเจอร์ [3] แล้ว?!

เชิงอรรถ

[1]中原 จงหยวน คือ

พื้นที่ภาคกลางของประเทศจีน โดยเป็นพี่นที่ตอนกลางและตอนล่างของแม่น้ำหวง

ประกอบด้วย เหอหนาน ตะวันตกของซานตง ใต้ของส่านซี และเหอเป่ย

[2]肾上腺素 อะดรีนาลีน

คือฮอร์โมนซึ่งหลั่งจากต่อมหมวกไต

จะหลั่งออกมาเมื่อเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้า ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว

[3]传呼机 เพจเจอร์

หรือวิทยุตามตัว เป็นอุปกรณ์สื่อสารแบบพกพาชนิดหนึ่ง

โดยต้องโทรศัพท์ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ที่ให้บริการก่อน จากนั้นทำการฝากข้อความ

ทางศูนย์บริการก็จะส่งข้อความเข้าเครื่องเพจเจอร์ โดยข้อความที่ส่งได้จะจำกัด

ได้รับความนิยมเพราะรวดเร็วกว่าการส่งจดหมายหรือโทรเลข

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท