เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 3 ตอนที่ 68 เกี้ยวพานล้ำเส้นไปหน่อย

เล่มที่ 3 ตอนที่ 68 เกี้ยวพานล้ำเส้นไปหน่อย

เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ดีว่าทุกหย่อมหญ้าในปี 83 คือความเปลี่ยนแปลง ในยุคอนาคตโทรศัพท์มือถือกลายเป็นอุปกรณ์ดาษดื่น

แต่ตอนนี้เพจเจอร์ที่ล้าสมัยเพิ่งเข้าสู่ตลาดประเทศจีน… เซี่ยเสี่ยวหลานหลุดออกจากภวังค์

และมีความตั้งตาคอยใคร่รู้อยู่บ้าง  เครื่องมือสื่อสารที่มีประโยชน์ มณฑลอวี้หนานย่อมต้องสนับสนุนแน่นอน

ฉันคิดว่าถ้าปีหน้าสามารถย้ายไปในเมืองได้ จะทำเรื่องติดตั้งโทรศัพท์ไว้ในบ้าน 

การสื่อสารที่ไม่รวดเร็วเป็นเรื่องน่ารำคาญยิ่งนัก

ผลกระทบต่อธุรกิจตอนนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ร้ายแรง

แต่เธอจะไม่อยู่ในหมู่บ้านชีจิ่งตลอดไป

เพราะการคมนาคมและการสื่อสารของชนบทล้าหลังกว่ามาก

เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมรู้ดีกว่าใครว่าภายภาคหน้าอุปกรณ์สื่อสารจะพัฒนาไปอย่างไร

โจวเฉิงและเธอแลกเปลี่ยนกันโดยไร้ซึ่งอุปสรรคใด แม้โจวเฉิงพูดถึง ‘เพจเจอร์’ ซึ่งเพิ่งจะเป็นเรื่องสมัยนิยม

เซี่ยเสี่ยวหลานก็รับช่วงหัวข้อสนทนาได้!

เขาไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานถึงเข้าใจ ทั้งสองคนโต้ตอบกันได้ไหลลื่น

สิ่งนี้ทำให้โจวเฉิงอารมณ์ดียิ่งขึ้น

อีกอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานยังได้เกริ่นถึงแผนที่จะย้ายไปในเมืองให้เขาฟังด้วย

นี่ไม่ใช่กำลังปรึกษาหารือถึงอนาคตกับตัวเขาเองหรือ?

ชีวิตช่วงนี้ของโจวเฉิงได้บรรยายในโทรเลขโดยชัดเจนแล้ว

แต่เขาก็อยากรับรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างหรือไม่

โจวเฉิงอาศัยช่องทางอื่นจนรู้เรื่องจางเสเพลและอันธพาลทั้งสามว่าพวกเขาถูกตัดสินโทษจำคุก

พอได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจจะร่วมสอบเกาเข่าในปีหน้า

โจวเฉิงจึงรู้สึกประหลาดใจนัก

เสี่ยวหลานอยากเรียนมหาวิทยาลัย?

เกี่ยวข้องกับหวังเจี้ยนหัวหรือ?

โจวเฉิงพยายามระลึกลักษณะของหวังเจี้ยนหัว

คนทางเหนือรูปร่างค่อนข้างสูงกันเป็นปกติ ใบหน้าได้สัดส่วนดี

หรือจะบอกว่าหล่อเหลาและโดดเด่นก็ว่าได้ ทว่าให้ใครมองก็ยังบอกว่าสู้โจวเฉิงไม่ได้อยู่ดี

 เธออยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ไหน? 

 ปักกิ่งไม่ก็เซี่ยงไฮ้นั่นแหละ

ยังต้องดูคะแนนหลังสอบเกาเข่าปีหน้ามาประกอบการติดสินใจ พี่โจว

พี่ไม่คิดว่าฉันทะเยอทะยานเกินความสามารถใช่ไหม? 

ปักกิ่งมีหวังเจี้ยนหัว

แต่บ้านโจวเฉิงก็อยู่ที่ปักกิ่ง

โจวเฉิงสนับสนุนเซี่ยเสี่ยวหลานให้สอบติดมหาวิทยาลัยในปักกิ่ง  เธอฉลาดมาก ถ้าอยากสอบมหาวิทยาลัยก็สอบเถอะ

อย่ากดดันตัวเองจนรับไม่ไหว และต้องดูแลสุขภาพด้วย

ไม่ปล่อยให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป… เลือกในปักกิ่งเถอะ

มหาวิทยาลัยของเมืองหลวงก็ไม่เหมือนที่อื่นหรอก 

โจวเฉิงว่ากันตามความเป็นจริง

สถานศึกษาระดับสูงชั้นยอดที่สุดอยู่ในปักกิ่ง

เวลาจัดสรรอาชีพย่อมมีโอกาสที่ดีกว่า

เขาคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเหมาะกับการทำธุรกิจไม่น้อย

ความคุ้นชินกับการทำธุรกิจของทางใต้เปิดกว้างมากกว่า

แต่ในปักกิ่งก็มิใช่ขยับเขยื้อนริเริ่มได้ยากเย็น

ยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งสองจะมีเวลาสานสัมพันธ์กันมากขึ้น โจวเฉิงให้ความสำคัญกับข้อนี้มาก

เสี่ยวหลานของเขาสวยเกินไปแล้ว โจวเฉิงเกรงว่าจะมีคนอื่นมาช่วงชิง วางภรรยาของตนเองไว้อยู่ใกล้ตัวถึงสบายใจได้!

ภรรยาของเขานั้นเก่งกาจเหลือร้าย

ตอนนี้ยังสอบได้ตั้งสี่ร้อยกว่าคะแนน สอบมหาวิทยาลัยปีหน้าจะมีปัญหาอะไร? โจวเฉิงไม่ดูแคลนวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งดั่งคังเหว่ย

เดิมทีอยู่ในเขตเมืองเล็กซึ่งคุณสมบัติอาจารย์จำกัดแต่สอบติดมหาวิทยาลัยก็ยอดเยี่ยมทีเดียว

ทว่าหากกล่าวถึง ‘วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง’ จะทำให้โจวเฉิงคนนี้ซาบซึ้งได้หรือ?

เห็นได้ชัดว่าไม่มีทาง

โจวเฉิงเองไม่เคยสอบมหาวิทยาลัย จึงไม่ใส่ใจรายละเอียดด้านนี้นัก

ในเมื่อตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจะสอบ เขาคิดว่าตนเองสามารถช่วยสอบถามได้

เรื่องนี้เลยถูกเขาจดจำไว้ในใจ

พอรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานออกเดินทางไกลบ้านเป็นครั้งแรก

โจวเฉิงได้อธิบายบางสิ่งที่ต้องคำนึงถึงบนรถไฟ แม้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้อยู่แล้ว

แต่น้ำใจส่วนนี้ไม่รับก็ไม่ได้!

ในที่สุดคังเหว่ยผู้ปวดท้องก็กลับมา  จัดการเรียบร้อยแล้ว พี่เฉิงจื่อ 

เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานสงสัย

โจวเฉิงอธิบายอย่างผิวเผินแค่สองสามประโยค

 ฉันให้คังเหว่ยไหว้วานคนช่วยเธอเปลี่ยนตั๋วรถเป็นตู้นอน

ท่าทางรถเที่ยวนี้ยังมีตู้นอนอยู่ 

คังเหว่ยบ่นอุบในใจ กินแรงไปตั้งเยอะแยะ! เขาโทรศัพท์ไปถึงปักกิ่ง ไหว้วานคนมีเส้นสายให้เปลี่ยนเที่ยวรถหลายคน

ถึงผ่านมือจนได้มาซึ่งตั๋วตู้นอนหนึ่งใบ อย่าว่าแต่พี่เฉิงจื่อจะโอ้อวดผลงาน

ยังยับยั้งไม่บอกถึงความทุ่มเทของเขาอีกด้วย… ก็เหมือนเรื่องของจางเสเพล

เป็นเขาและพี่โจวเฉิงได้จัดการธุระอย่างลับๆ โดยแท้ จวบจนวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานก็ยังไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุสินะ?

เมื่อมีคนรัก ย่อมต้องปฏิบัติดีต่อคนรักของตนเอง

ถ้าคังเหว่ยมีแฟนสาวบ้าง ก็คงไม่ทำตัวแย่ใส่สตรีคนอื่น

แต่คนรู้สึกดีต่อกันย่อมแตกต่าง ไม่แสดงออกสิ่งที่ตนเองทุ่มเทให้รู้กันโดยทั่ว

คนรักจะชอบเขามากขึ้นได้อย่างไร?

คังเหว่ยครุ่นคิดแล้วไม่เข้าใจ

ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่เด็กสาวบ้านนอกอายุ 18 ปีจริง

ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์นั้น ประธานเซี่ยเข้าใจดี

เปลี่ยนตั๋วของเธอจากที่นั่งธรรมดาเป็นตู้นอน ชี้แจงได้ยากว่าอำนาจและอิทธิพลต้องมีมากหรือน้อยเพียงใด

แต่เรื่องแบบนี้ต้องหาผู้ที่เกี่ยวข้องที่สุด

บางทีอาจเป็นคนบริหารงานของรถไฟซึ่งพอมีอำนาจเล็กน้อย

คังเหว่ยและโจวเฉิงไม่ใช่คนซางตู ไม่ว่าจะไหว้วานใคร

ก็ต้องเปลืองแรงกายกันเป็นทอดอยู่ดี… โจวเฉิงกล่าวอย่างไม่ยี่หระ

เซี่ยเสี่ยวหลานกลับรู้สึกว่าตนเองถูกคนเอาใจอย่างน่าดูชมอีกครั้งแล้ว

โจวเฉิงเรียนรู้กลยุทธ์จากที่ไหน

คนผู้นี้ช่างทำให้หญิงสาวโปรดปรานเกินไปแล้วหรือเปล่า?

อย่างไรเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่รังเกียจโจวเฉิงแม้แต่น้อย

มีคนดีต่อเธอขนาดนี้ ทั้งหน้าตาหล่อเหลาและไม่กักขฬะ เธอรังเกียจได้ยากมากจริงๆ

ตั้งแต่เดิมดวงตาของเซี่ยเสี่ยวหลานก็เป็นประกายมากมายอยู่แล้ว พอจิตใจเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ

ขึ้น ตอนนี้แววตายิ่งสะท้อนความรักและความอ่อนโยน

คังเหว่ยรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ค่อยปกตินัก

ด้วยสถานะคนโสดผู้มีสัมผัสอ่อนไหว เขารับรู้ได้ถึงอารมณ์โดยรอบที่แปรผันระหว่างคนสองคนตรงหน้า

จัดการตั๋วตู้นอนหนึ่งใบสำคัญขนาดนี้?

เช่นนั้นเขาก็ถือว่าช่วยเหลือพี่เฉิงจื่อได้แล้วสินะ?

ขนาดคังเหว่ยยังปลื้มปีติ โจวเฉิงซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงยิ่งสัมผัสได้ถึงความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลานที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ในเวลาแบบนี้ หากเขาไม่ฉวยโอกาสโจมตี มิใช่ว่าโง่เง่ายิ่งนักหรือ!

 เสี่ยวหลาน ฉันรู้ว่าเธอฉลาดหลักแหลม

แต่อยู่ข้างนอกจะระมัดระวังสักหมื่นส่วนก็ไม่เกินไปเลยสักนิด

รถไฟจากซางตูถึงหยางเฉิงใช้เวลาประมาณสามสิบกว่าชั่วโมง

เธอจะถึงหยางเฉิงก่อนพวกเราที่ขับรถ เดี๋ยวฉันลองดูว่าหาคนนำทางในพื้นที่ให้เธอได้หรือไม่

ให้เขาพาเธอไปทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์หน่อย ส่วนฉันจะตามมาพบเธอที่หยางเฉิงแน่นอน 

โจวเฉิงยังหาคนนำทางที่เหมาะสมไม่ได้

ทว่าเขามั่นใจว่าตนเองสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ก่อนรถไฟจะถึงหยางเฉิงแน่นอน

เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้าตอบรับ

ไปหยางเฉิงนำเข้าสินค้านั้นไกลโขจริงๆ

เพราะเธอไม่ถูกใจเสื้อผ้าในตลาดค้าส่งของซางตู

รูปแบบเสื้อผ้าที่หยางเฉิงน่าจะแปลกใหม่ที่สุดจากทั้งประเทศ

เซี่ยเสี่ยวหลานยินยอมจ่ายเงินมากขึ้น และจะศึกษาภาคสนามด้วย

สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจของทางใต้เปิดกว้างกว่า ตอนนี้เธอจะขายเสื้อผ้าเก็งกำไรจริง

ทว่าก็ไม่ใช่ขายได้เพียงเสื้อผ้าเท่านั้น… เดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานยังมีแผนอื่น

ตอนนี้โจวเฉิงเข้ามาร่วมวงด้วย เธอกลับทำธุระพวกนั้นระหว่างทางไม่ได้เสียแล้ว

เธอจิตใจร้อนรน และเป็นห่วงบ้านเกิดตนเช่นกัน

คราวหน้า… เช่นนั้นคราวหน้าค่อยไปสำรวจแล้วกัน

โจวเฉิงบอกกับเธอว่าจะติดต่อคนนำทางอย่างไร พอห้าโมงครึ่ง

เขาได้พาเซี่ยเสี่ยวหลานไปเปลี่ยนตั๋วที่นั่งธรรมดาเป็นตั๋วตู้นอนก่อน

และส่งเซี่ยเสี่ยวหลานถึงชานชาลา เซี่ยเสี่ยวหลานนำของกินบนรถไฟมาด้วย

โจวเฉิงก็ยังซื้อสาลี่และพุทราให้เธอหนึ่งถุง พุทราของมณฑลอวี้หนานรสชาติอร่อยทีเดียว

สาลี่ก็เป็นผลไม้ที่แก้อาการกระหายน้ำ เหมาะแก่การนำขึ้นรถไฟไปมากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

 เสี่ยวหลาน พบกันที่หยางเฉิงนะ 

เขาส่งเซี่ยเสี่ยวหลานถึงตู้นอน รถไฟกำลังจะเคลื่อนตัวแล้ว

โจวเฉิงมอบอ้อมกอดแก่เซี่ยเสี่ยวหลานด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบ

ไอร้อนที่หายใจออกมาก็รดหล่นลงข้างหูของเธอ เป็นเพียงการบอกลาที่แสนธรรมดาสามัญเหลือเกิน

ทว่าสำเนียงของโจวเฉิงกลับกระเส่าอยู่ไม่น้อยพ

เขาเหมือนกลัวเซี่ยเสี่ยวหลานโมโห จึงกระโดดลงจากรถไปเอง

และโบกมือผ่านหน้าต่างให้กับเซี่ยเสี่ยวหลาน

เซี่ยเสี่ยวหลานสาบาน

นัยน์ตาของโจวเฉิงมีความเจ้าเล่ห์และภูมิใจอยู่—คนคนนี้ ผู้ชายคนนี้กำลังเกี้ยวพานเธอสินะ?

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท