เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 3 ตอนที่ 83 คนแปลกหน้ายังดูออกว่าชอบ

เล่มที่ 3 ตอนที่ 83 คนแปลกหน้ายังดูออกว่าชอบ

โจวเฉิงติดสอยห้อยตามเซี่ยเสี่ยวหลานไปหยางเฉิง

ตั๋วรถไฟหาซื้อได้ยากทีเดียว แต่ในเมื่อโจวเฉิงต้องการ เขาก็สามารถคิดวิธีหาตั๋วหนึ่งใบได้อยู่ดี

เซี่ยเสี่ยวหลานปฏิเสธความหวังดีในการเปลี่ยนเป็นตั๋วตู้นอน  โจวเฉิง นี่คือชีวิตของฉันนะ 

เหมือนก่อนหน้านี้ที่เธอปฏิเสธรถรับส่งจากโจวเฉิง

ดังคำกล่าวของเซี่ยเสี่ยวหลาน เขายังไม่มีสิทธิได้รับถึงขั้นนั้น

เท้าขนาดเท่าไรก็ใส่รองเท้าขนาดเท่านั้น [1]

สักวันเธอจะมีสิ่งที่เธอต้องการอยู่ดี สำหรับเรื่องนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากพึ่งพาใครจริงๆ

ตอนนี้มีโจวเฉิงให้พึ่งพา เธอจึงค่อยๆ เกิดความเฉื่อยชา ถ้าหากโจวเฉิงพึ่งพาไม่ได้แล้ว

เธอจะทำเช่นไร? อย่างไรเสียเธอกับโจวเฉิงยังไม่ได้ยืนยันความสัมพันธ์

ใครจะรู้เรื่องของอนาคตได้

โจวเฉิงขัดใจเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้อยู่ร่ำไป

เขาก็ไม่ต้องการนำเรื่องแบบนี้มาทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานอารมณ์เสีย

เช่นนั้นก็นั่งที่นั่งธรรมดา เขามิได้ทนต่อลำบากไม่ไหวเสียหน่อย

คังเหว่ยยังอยู่ที่ซางตู โจวเฉิงกำชับเขาให้ช่วยหลิวหย่งไปจัดการเรื่องถอนตัวจากผู้ถือหุ้น

การทำงานลักลอบขนสินค้าเถื่อนได้นั้น คงไม่ใช่พวกต่อกรได้ง่ายแน่

หลิวหย่งบอกว่าจะถอนตัว คนพวกนั้นจะคืนส่วนที่เป็นของเขาให้โดยดีหรือ?

 อย่าไปตามลำพัง ฉันจำได้ว่าครอบครัวเสี่ยวกวงมีญาติอยู่ซางตู

ขอให้เสี่ยวกวงช่วยเหลือ หลังจากกลับปักกิ่งเมื่อไรฉันจะไปขอบคุณเสี่ยวกวงเอง 

เสี่ยวกวงก็อยู่ในต้าเยวี่ยนเดียวกัน

แม้ครอบครัวจะมีชื่อเสียงไม่สู้ตระกูลโจว

แต่เสี่ยวกวงมีลุงและอาฝ่ายพ่อไม่น้อย โจวเฉิงจำได้ว่าเมื่อปีกลายลุงของเสี่ยวกวงเหมือนจะโยกย้ายมาทำงานที่ซางตู

การนำเงินต้นทุนของหลิวหย่งกลับมานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย

แค่ใช้เส้นสายลุงของเสี่ยวกวงเสียหน่อยก็สามารถทำได้ แต่จุดประสงค์หลักคือโจวเฉิงต้องการส่งคำเตือนแก่พวกที่หลิวหย่งร่วมกลุ่มด้วย

บอกพวกเขาว่าเบื้องหลังหลิวหย่งมีคนหนุนอยู่ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่มคนที่กังวลว่าหลิวหย่งจะแพร่งพรายความลับกลับมาแก้แค้นภายหลัง

คังเหว่ยก็รู้ดีถึงความโหดร้ายในธุรกิจสีเทานั้น

 พี่เฉิงจื่อวางใจ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยแน่นอน! 

หลิวหย่งคือคุณลุงของว่าที่ภรรยาพี่เฉิงจื่อ

เช่นนั้นจึงเป็นคุณลุงของพี่เฉิงจื่อ และถือว่าเป็นคุณลุงของคังเหว่ยครึ่งหนึ่ง

คังเหว่ยจะต้องดึงหลิวหย่งออกมาให้สำเร็จอยู่แล้ว

ครั้งนี้เซี่ยเสี่ยวหลานมีโจวเฉิงร่วมทาง ความกังวลในการเดินทางไปหยางเฉิงก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

บนรถไฟน่าเบื่อยิ่งนัก ต้องอยู่แบบนี้สามสิบกว่าชั่วโมง คงจ้องตา [2] กับโจวเฉิงไปตลอดทางไม่ได้สินะ? เซี่ยเสี่ยวหลานจึงนำหนังสือมาด้วยสองเล่มแม้ว่าเธอจะวุ่นวายกับการหาเงิน

แต่ก็ยังคงทบทวนบทเรียนตามตารางอย่างเป็นกิจจะลักณะ

หากต้องการมั่นใจในความรู้อีกครั้ง นอกจากการเข้าใจอย่างมีระบบแล้วนั้น

จำเป็นต้องหมั่นฝึกทำแบบฝึกหัดเท่ามหาสมุทร

เซี่ยเสี่ยวหลานจ่ายค่าเล่าเรียนให้เซี่ยนอีจง

ทุกครั้งที่โรงเรียนพิมพ์แบบทดสอบเธอไม่เคยพลาด นำกลับบ้านไปทำด้วยตนเองทั้งหมด

หนังสือแบบฝึกหัดเสริมในเวลานี้มีน้อยเหลือเกิน การซื้อหวงกังมี่เจวี้ยน [3] คือการเพ้อฝันอย่างไม่ต้องสงสัย อาจารย์ของทุกโรงเรียนจะคิดแบบทดสอบเอง

ข้อสอบที่ตีพิมพ์ออกมามีกลิ่นหมึกพิมพ์อันรุนแรง ทำแบบทดสอบเสร็จหนึ่งชุด

ฝ่ามือและชายแขนเสื้อก็ติดสีดำแล้ว

เดือนหน้าโรงเรียนจะจัดการทดสอบพร้อมกัน

ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานต้องการคว้าคะแนนสูงก็ไร้หนทางอื่นแล้ว มีเพียงต้องทำแบบฝึกหัดในเวลาจำกัดเท่านั้น

ข่าวดีคือความทรงจำเกี่ยวกับข้อสอบเกาเข่าปี 84 ของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้เธอระลึกได้สักครึ่งชุดข้อสอบ คำถามชัดเจน คำตอบจำได้อย่างแม่นยำ ยังไม่ถึงเวลาของการสอบเกาเข่า

เซี่ยเสี่ยวหลานได้มีข้อสอบจำนวน 60 ส่วนอยู่ในมือแล้ว

เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนที่รู้สึกว่าการทำทุจริตได้มันช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน

ทว่าเธอไม่ได้ทุจริตจริงเสียหน่อย นี่เป็นข้อสอบที่เคยทำเมื่อชาติก่อนหรอกน่า!

เรียนรู้คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีจนเชี่ยวชาญ อยู่หนแห่งใดไม่ต้องกลัว

อาจารย์ในชาติก่อนไม่ได้โกหกเธอ

แต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่เชื่อถือ ‘ข้อสอบเกาเข่าวิชาคณิตศาสตร์ประจำปี 84’ ที่จดจำได้ขึ้นใจจนเกินควร ถ้ายังไม่ถึงเวลาได้รับข้อสอบในปีหน้าจริง

ตกลงแล้วข้อสอบเกาเข่าเหมือนในความทรงจำหรือไม่ ยังเต็มไปด้วยตัวแปรอีกมากมาย

เป็นไปตามคำกล่าวนั้น มีเพียงแต่เธอต้องทบทวนด้วยตนเองจนถ่องแท้

ไม่ว่าเกาเข่าในปีหน้าจะยากหรือง่าย เธอถึงจะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

การทบทวนแบบฝึกหัดจำนวนมากบนรถไฟหนนี้ เป็นสิ่งที่โจวเฉิงนึกไม่ถึง

การเดินทางสุดแสนคลุมเครือที่คาดไว้ในตอนแรกกลายเป็นการมองเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจทบทวนอยู่เงียบๆ

สถาพแวดล้อมบนรถไฟเอะอะอื้ออึง เซี่ยเสี่ยวหลานยัดก้อนสำลีใส่ไว้ในหู

เวลาที่ทั้งสองจะได้สนทนากันจึงมีแต่ต้องรอเซี่ยเสี่ยวหลานอ่านหนังสือจนเหนื่อยแล้วพักผ่อน

มีโจวเฉิงอยู่ช่างสะดวกสบายยิ่งนัก พอเขานั่งด้านข้าง

ก็ไม่มีกลุ่มค้ามนุษย์ไหนคิดจะวางแผนล่อลวงเซี่ยเสี่ยวหลานอีก

โจวเฉิงท่าทางไม่เป็นมิตร และยิ่งไม่เหมือนคนประเภทขัดสนเงินทอง

หากคิดใช้วิธีการไปหาเงินก้อนใหญ่เพื่อหลอกเซี่ยเสี่ยวหลาน

ต้องผ่านด่านของโจวเฉิงก่อน แววตาที่เขามองเซี่ยเสี่ยวหลานช่างจงรักภักดีเหลือเกิน

เซี่ยเสี่ยวหลานยังต้องไปหาเงินก้อนใหญ่ที่อื่นอีกหรือ ขอเพียงเอ่ยปากกับโจวเฉิง

เขาก็พร้อมนำเงินที่ตัวเองหาได้มามอบให้ด้วยสองมือแล้ว!

น่าเสียดายเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานไม่สนใจเงินของเขา

โจวเฉิงรูปงามตั้งแต่วัยเยาว์ สาวน้อยสาวใหญ่ล้วนชื่นชอบใบหน้าของเขา

แต่เซี่ยเสี่ยวหลานน่ามองกว่าเขาเสียอีก อุบายนี้น่าจะไม่ได้ผลเหมือนกัน

โจวเฉิงดูสภาพอากาศด้านนอกพลางดูนาฬิกาข้อมืออีกรอบ

และลงมือดึงหนังสือหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานไปจนได้

 ไม่ต้องอ่านแล้ว พักผ่อนสักหน่อยเถอะ 

เซี่ยเสี่ยวหลานนวดคลึงเปลือกตา วันนี้พวกเขานั่งรถไฟเที่ยว 12 นาฬิกา พอทบทวนก็กินเวลาถึงห้าหกชั่วโมง

เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกถึงความอ่อนล้าแล้วจริงๆ

 โจวเฉิง ขอโทษนะ ฉันละเลยเธอหรือเปล่า? 

โจวเฉิงให้เธอดื่มน้ำดื่มท่า

 เธอไม่เรียกฉันว่าพี่โจว ฉันรู้สึกดีใจมากเลยล่ะ และเธอก็ไม่ต้องขอโทษอะไรฉันด้วย 

เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำ

ที่แท้พานพบกันอีกครั้ง เธอได้เปลี่ยนการเรียกชื่อของโจวเฉิงแล้ว

คนที่อายุมากกว่าเธอ เธอเรียก ‘พี่ชาย’ ทั้งหมด เดิมทีนี่เป็นวิธีการขายของในยุคอนาคต มารยาทงามไร้คนถือโทษ เรียก ‘พี่ชาย’ เป็นความเคารพรูปแบบหนึ่ง เช่น หูหย่งไฉ

จูฟ่าง และยังมีเฉินชิ่ง คนเหล่านี้ล้วนถูกเซี่ยเสี่ยวหลานเรียกด้วยคำว่าพี่…

เรียกพี่มีไมตรีมากกว่าเรียกคุณหรือสหาย สามารถดึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน

เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเซี่ยเสี่ยวหลาน

คำเรียกชนิดเดียวกัน แต่หากถูกใช้กับโจวเฉิง นั่นคือความห่างเหิน

โจวเฉิงไม่อยากเป็นพี่ชายของเซี่ยเสี่ยวหลาน เขาอยากเป็นผู้ชายของเธอ!

อาจเพราะการจูงมือในสถานีรถไฟ รึอาจเพราะอ้อมกอดที่จงใจของโจวเฉิง

เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานได้พบหน้าอีกครั้ง ก็เริ่มเรียกชื่อจริงของโจวเฉิงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเสียแล้ว

 เธอนี่เจ้าเล่ห์เหลือเกิน! 

เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนเองมีความรู้และประสบการณ์มากมาย ทว่ากลับถูกโจวเฉิงล่อลวงจนติดกับดักอยู่เรื่อย

โจวเฉิงเป็นคนดั้งเดิมในยุค 80 คนหนึ่ง

อายุเพียง 20 ปี ทำไมถึงได้เจ้าแผนการขนาดนี้?

เซี่ยเสี่ยวหลานจ้องโจวเฉิงอย่างกราดเกรี้ยว น่าเสียใจที่สายตาของเธอนั้นละมุนละไมไร้ซึ่งความดุร้าย

โจวเฉิงกลับรู้สึกชื่นมื่นเบิกบานเสียด้วยซ้ำ

 ใช่ ฉันเจ้าเล่ห์ เธอว่าอย่างไรฉันยอมรับหมด! 

การจะเกี้ยวพานภรรยานั้นเหมือนการเคลื่อนพลออกรบ

ดูแคลนศัตรูในทางยุทธศาสตร์ เห็นคุณค่าศัตรูในทางยุทธวิธี [4] เขากอดความเชื่อมั่นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะกลายเป็นภรรยาของเขาไว้ไม่สั่นคลอน

แต่ขั้นตอนการไขว่คว้าภรรยาต้องงัดทุกกลเม็ดออกมาใช้ หากยังไม่ถึงวันนั้นที่ครองคู่แก่เฒ่าไปพร้อมกับภรรยาจนศัตรูหัวใจทรมานหมดสิ้น

เรียกได้ว่านอนหลับไม่สงบสุขตลอดกาล!

โจวเฉิงโดนตำหนิไม่โต้ตอบ เซี่ยเสี่ยวหลานจะทำอย่างไรได้?

ตอนนี้เธอคือฝ่ายไร้เหตุผลเสียแล้ว

พี่สาวผู้นั่งอยู่ตรงข้ามเธอและโจวเฉิงมองเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยแววตาไม่เห็นชอบเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นว่าโจวเฉิงไปซื้ออาหารแล้ว พี่สาวก็ถอนใจอย่างจริงจัง

 คนรักของคุณดีเหลือเกินนะ ผู้ชายดีต่อผู้หญิงเป็นโชคลาภที่เฝ้าขอกันไม่ได้

เราต้องทะนุถนอมไว้ 

ความหมายโดยนัยของพี่สาวก็คือ อย่ากระเง้างอดอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะว่าหน้าตาสวยเลยนะ

คิดจะทำให้ผู้สังเกตการณ์ที่หน้าตาไม่ได้ดีอย่างพวกเธอริษยาขนาดไหนกัน?

เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มรับพลางพยักหน้า

ม่านราตรีมาเยือน แสงสว่างในตู้รถไม่เหมาะกับการอ่านหนังสืออีกต่อไป

เซี่ยเสี่ยวหลานและโจวเฉิงจึงสนทนากัน โจวเฉิงคนนี้เก่งในด้านการสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นยิ่งนัก

เซี่ยเสี่ยวหลานจึงรู้สึกผ่อนคลาย พอเวลาล่วงเลยผ่านไป

ผู้คนในตู้รถเงียบสงัดไปตามๆ กัน เซี่ยเสี่ยวหลานเริ่มเกิดความง่วง

ไม่ทันตั้งตัวก็เอียงศีรษะหลับใหล ใบหน้าเธอเอนมาทางบ่าของโจวเฉิง

โจวเฉิงแทบไม่กล้าจะขยับ

จนแน่ใจว่าเธอหลับสนิทแล้ว โจวเฉิงถึงประคองศีรษะของเธอวางไว้บนขาของตนเอง

เพื่อทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานหลับได้สบายมากที่สุด

ไอร้อนที่เธอหายใจออกมาวนเวียนอยู่บนขาของเขา

ตั้งแต่เด็กโจวเฉิงได้เห็นสิ่งดีงามมามากมาย ทว่าเขาไม่เคยอิ่มเอมเช่นนี้มาก่อน

จากวันนั้นที่ได้พบกับเซี่ยเสี่ยวหลาน แวบแรกที่ตรอกในเขตอันชิ่งนั้น

เซี่ยเสี่ยวหลานพุ่งเข้าสู่สายตาของโจวเฉิง ใช้วิธีอันแข็งแกร่งแสนพิเศษตราตรึงความประทับใจ!

แม้จะอยู่กับเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างเงียบเชียบไม่ทำสิ่งใดทั้งนั้น ตัวเขายังคงรู้สึกเหมือนถูกแช่ไว้กลางความสำราญที่เปี่ยมสุข

บนโลกใบนี้มีสามสิ่งซึ่งไม่อาจปกปิดได้ คือ การไอ ความจน และความรัก

ความชอบที่เขามีต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน ใครๆ ล้วนดูออกกันทุกคน!

  

  

  

เชิงอรรถพ

[1]เท้าขนาดเท่าไรก็ใส่รองเท้าขนาดเท่านั้น หมายถึง

ทำสิ่งใดๆ เต็มความสามารถของตนเองให้ดีที่สุด

[2]干瞪眼 จ้องตา หมายถึง อยู่ในภาวะที่ช่วยไม่ได้หรือทำอะไรไม่ถูก

[3]黄冈密卷 หวงกังมี่เจวี้ยน คือ หนังสือแบบฝึกหัดเสริมที่นิยมในประเทศจีน

[4]战略上藐视敌人,战术上重视敌人 ดูแคลนศัตรูในทางยุทธศาสตร์ เห็นคุณค่าศัตรูในทางยุทธวิธี

เป็นคำพูดจากเหมาเจ๋อตุง หมายถึง การพัฒนาจะต้องไม่ดูถูกตนเอง

ให้คิดเสมอว่าตัวเราสามารถทำในสิ่งที่คาดหวังได้สำเร็จ

เหมือนเวลาวางยุทธศาสตร์ที่คาดการณ์ว่าเอาชนะศัตรูได้

แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทะนงในตนเองมากจนเกินไป

เมื่อใช้ยุทธวิธีออกรบย่อมต้องระแวดระวังศัตรูอยู่เสมอ

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท