เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 4 ตอนที่ 105 นักเรียนเซี่ยคุณธรรมสูงส่ง

เล่มที่ 4 ตอนที่ 105 นักเรียนเซี่ยคุณธรรมสูงส่ง

        เสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดของเซี่ยเสี่ยวหลานได้เปิดตัวสู่ตลาดอย่างยากเย็นภายใต้อุณหภูมิที่ลดลงฮวบฮาบของเมืองซางตู

        เธอและหลี่เฟิ่งเหมยจำหน่ายเสื้อผ้าที่หลงเหลืออยู่จนหมด

ผู้คนบอกต่อจากหนึ่งเป็นสิบ สิบเป็นร้อย คนรอซื้อเสื้อขนเป็ดแทบจะลงมือช่วงชิงเสื้อตัวอย่างที่เซี่ยเสี่ยวหลานและหลี่เฟิ่งเหมยสวมใส่อยู่

ล้อเล่นน่ะ ขายเสื้อผ้าบนร่างกายภายใต้สภาพอากาศเช่นนี้อาจแข็งตายได้ พวงเงิน [1] เดินได้อย่างเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ยอมขายด้วยซ้ำ ทว่าหลี่เฟิ่งเหมยใจเด็ดพอ

อุ้มเสื้ออ่าวกันหนาวมาจากบ้าน ขอให้คนที่ซื้อเสื้อผ้ารอก่อน และขายเสื้อขนเป็ดอันแสนอบอุ่นบนร่างของตนเองออกไปจริงๆ

        ให้ตาย ป้าสะใภ้ขายไปแล้ว เธอเป็นหลานสาวแท้ๆ จะกล้าไม่ขายหรือ?

        แม้เสื้อตัวอย่างจะขายออกไป ทว่าคนที่มาใหม่ถือเงินไว้ก็ซื้อสินค้าไม่ได้อยู่ดี

         เร็วที่สุดต้องใช้เวลาสามวัน คุณจะวางมัดจำก่อนไหมคะ? 

        คนเหล่านี้บ้าบิ่นกันเหลือเกิน กล้าวางเงินมัดจำให้แผงลอยอิสระข้างทาง? แม้จะให้เพียง 5 หยวนบ้าง 10 หยวนบ้าง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีกระทั่งหน้าร้านเป็นเรื่องเป็นราว

คนเหล่านี้ประมาทเลินเล่อเสียจริง

        เธอรับเงินมัดจำของสิบกว่าคนอย่างต่อเนื่อง เซี่ยเสี่ยวหลานทำได้เพียงเขียนหนังสือสัญญารับมัดจำให้ทุกคน

และทิ้งที่อยู่บ้านย่าอวี๋ไว้ด้วย

        เพราะเดิมทีแผงลอยของเธอก็ไม่ถาวร เกรงว่าหากนำสินค้ากลับมาแล้วคนเหล่านี้ต้องค้นหาทั่วเมือง

เธอจึงตัดสินใจให้พวกเขาไปรับสินค้าที่บ้านเสียเลย

        เสื้อกันลมชายก็ขายดี เสื้อขนเป็ดหญิงก็ขายได้…

ลูกค้าผู้หญิงไม่ค่อยชื่นชอบวัสดุไนล่อนหนาของเสื้อกันลม แต่เหล่าผู้ชายคิดว่าการออกแบบของเสื้อกันลมสง่าผ่าเผยยิ่งกว่า

แต่เดิมมันคือเสื้อปีนเขา สวมใส่แล้วขยับเขยื้อนร่างกายสะดวกสบาย

สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าชายอย่างมาก

—————————————-

        เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจโผล่หน้าไปยังอันชิ่งเซี่ยนอีจงเสียหน่อย

จากนั้นก็จะเดินทางลงใต้อีกครั้ง

        ครั้งนี้เธอไปโรงเรียนเพื่อรับข้อสอบกลับไปทำที่บ้าน

ทำไมอาจารย์ถึงโปรดปรานเธอน่ะหรือ นอกจากผลการเรียนยอดเยี่ยมแล้ว

เซี่ยเสี่ยวหลานยังรู้จักจัดการทุกสิ่งได้เป็นอย่างดี เมื่อเธอไม่มีธุระก็จะไปดักรออยู่หน้าประตูซางตูอีจง [2] นี่คือโรงเรียนมัธยมปลายที่มีอัตราการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยสูงสุดของเมืองมณฑล

ดักรอเพื่ออะไรกัน? เพื่อจ่ายเงินซื้อชุดข้อสอบจากนักเรียนที่กำลังจะจบการศึกษาของโรงเรียนอันดับหนึ่งนั่นเอง

อาจเป็นเพราะเธอหน้าตาสะสวย นอกจากนี้ยังจ่ายเงินอย่างใจกว้าง

คำขอช่วยพิมพ์ข้อสอบสองชุดจึงสมปรารถนา

        ข้อสอบภายในฉบับเก็งของสายวิทย์ซึ่งรวบรวมโดยซางตูอีจงถูกเธอซื้อไว้ในมือ

เซี่ยเสี่ยวหลานเก็บไว้ทำเองหนึ่งชุด ส่วนอีกชุดได้มอบให้กับเหล่าวังอาจารย์ประจำสายชั้น

        เหล่าวังซาบซึ้งเสียน้ำตาแทบไหลพราก

         เธอจ่ายเงินพิมพ์เองหรือ? 

        ซางตูอีจงไม่มีทางแบ่งปันทรัพยากรการเรียนแน่

โรงเรียนทุกแห่งในมณฑลอวี้หนานล้วนมีความสัมพันธ์แบบคู่แข่งในด้านการสอบเกาเข่า อาจารย์ชำนาญการพิเศษของโรงเรียนมัธยมหลักประจำมณฑล

อันชิ่งอีจงก็เทียบไม่ได้ เป็นการเก็งข้อสอบเหมือนกัน

เป็นการวิเคราะห์เกาเข่าเหมือนกัน แต่อย่างน้อยซางตูอีจงก็สามารถสลัดอันชิ่งอีจงให้กลายเป็นโรงเรียนเล็กๆ

ไปหลายช่วงตัว

        ข้อสอบภายในของซางตูอีจงพวกนี้คือ ‘ข้อสอบภายใน’ โดยแท้จริง อย่างไรเสียอาจารย์โรงเรียนอื่นเช่นเหล่าวังไม่สามารถหาได้

        การที่นักเรียนพิมพ์ข้อสอบให้กับเซี่ยเสี่ยวหลาน

เป็นเพราะมีจิตใจระแวดระวังต่อเธอต่ำเกินไป

และไม่คาดคิดว่าข้อสอบที่เธอจ่ายเงินซื้อด้วยตนเองจะเสียสละส่งมอบแก่โรงเรียน

ต่อให้นักเรียนจะเอื้อเฟื้อเพียงใด

ย่อมซุกซ่อนความเห็นแก่ตัวในเรื่องเกาเข่าไว้แน่นอน

คะแนนรับเข้าขั้นต่ำของเกาเข่ามิใช่ไร้การเปลี่ยนแปลง ทุกปีล้วนคะแนนเท่ากันหรือ? ไม่ ต้องดูว่าทุกปีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจะรับคนจากมณฑลอวี้หนานเท่าไร

และตั้งเกณฑ์จากสิ่งนี้ แบบฝึกหัดภายในของโรงเรียนมัธยมหลักประจำมณฑลหนึ่งชุด

สำหรับนักเรียนของโรงเรียนมัธยมหลักประจำเขตแล้ว ขอเพียงมุ่งมั่นตั้งใจทำ

ถึงแม้ยากจะประเมินสัดส่วนคะแนนที่เพิ่มขึ้นในการสอบเกาเข่า แต่เฉลี่ย 10 คะแนนก็ไม่หนีไปไหนแน่!

        นักเรียนจบการศึกษาปีนี้และนักเรียนซ้ำชั้นของอันชิ่งเซี่ยนอีจงมีจำนวนหลายร้อยคน

หากทุกคนคะแนนสูงขึ้น 10 คะแนน ไม่ใช่การหาคู่แข่งให้ตนเองหรือ?

        เมื่อเผชิญหน้ากับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต มนุษย์ล้วนจะแสดงด้านที่เห็นแก่ตัวเองออกมา

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เสียสละ

เธอเพียงคิดว่าผู้เข้าสอบจากอันชิ่งเซี่ยนอีจงจะมีคะแนนเพิ่มขึ้นหรือไม่

ก็ไม่กระทบต่อผลการสอบเกาเข่าของเธอ ตอนนี้เธอเข้าสู่สิบอันดับแรกของสายชั้นแล้ว

ผู้สอบที่จะแข่งขันกับเธอในอันชิ่งเซี่ยนอีจงก็มีอยู่แค่เท่านั้น…

ความตั้งใจของเธอคือสอบได้มากกว่า 550 คะแนน

สามารถเลือกสถาบันในดวงใจได้อย่างสงบสุขยิ่งขึ้น

        550 คะแนนอาจเข้าหัวชิงหรือจิงต้าไม่ได้ แต่มหาวิทยาลัยที่รับเข้าต้องดีกว่า ‘วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง’ แน่นอน

        แม้เธอจะเข้าหัวชิงหรือจิงต้าไม่ได้ แต่เรียนที่มหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง

เซี่ยจื่ออวี้คงขุ่นเคืองแทบสิ้นใจแน่—แน่นอนว่าชีวิตของเซี่ยเสี่ยวหลานย่อมไม่ใช่แค่การฟาดฟันห้ำหั่นกับเซี่ยจื่ออวี้

ทว่าเธอสาบานจะทวงความยุติธรรมแก่เจ้าของร่างเดิม อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้นกหงส์ฟ้าทองแห่งตระกูลเซี่ยดำเนินชีวิตอย่างสุขสมอารมณ์หมายหรอก!!

        เซี่ยเสี่ยวหลานจะไขว่คว้าโอกาสเกิดใหม่นี้ไว้ให้มั่น

ใช้ชีวิตอันดีเลิศกว่าชาติก่อน อีกทั้งสามารถแก้แค้นแทนเจ้าของร่างด้วยเลย เรื่องยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวทำไมเธอจะไม่ทำ?

        เป้าหมายคือ 550 คะแนน

เหล่านักเรียนของเซี่ยนอีจงล้วนไม่ใช่เสี้ยนหนามของเธอ

พวกเขาคะแนนสูงขึ้นสิบยี่สิบคะแนนก็ไม่กระทบกับภาพรวมอยู่ดี

        เห็นเหล่าวังซาบซึ้งเช่นนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าการที่ตนเองนำข้อสอบภายในของซางตูอีจงออกมาช่างถูกต้องยิ่งนัก

        ได้รับความประทับใจจากโรงเรียนแล้ว เธอยุ่งยากน้อยลงไปมาก เข้าร่วมการสอบเกาเข่าปีหน้าอย่างสงบสุขคือความประสงค์ของเซี่ยเสี่ยวหลาน!

        เหล่าวังยืนกรานจะให้ทางโรงเรียนเบิกเงินที่เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อข้อสอบคืน

จำนวนเงินไม่มากมาย แต่รายจ่ายยังจำเป็นต้องส่งเรื่องขอ ปรากฏว่าเซี่ยเสี่ยวหลานได้พบกับผู้บริหารใหญ่ของโรงเรียน

อาจารย์ใหญ่ซุนถ่อมาชมเชยเธอยกใหญ่ บอกเธอว่าให้จดจ่อกับการเรียนเป็นพอ

โรงเรียนจะแก้ไขเรื่องความลำบากในชีวิตของเธอแทนอย่างสุดความสามารถ

        อาจารย์ใหญ่ซุนไม่ได้พูดเล่นเท่านั้น เขาวานให้ฝ่ายธุรการนำเงินค่าเล่าเรียนที่เซี่ยเสี่ยวหลานจ่ายก่อนหน้านี้คืนแก่เธอ

         มีปัญหาก็บอกมาเลย ตั้งใจเล่าเรียน เธอคือนักเรียนดีเด่นที่คุณธรรมสูงส่ง

ลูกพี่ลูกน้องเซี่ยจื่ออวี้ของเธอก็ยอดเยี่ยมมาก พวกเธอเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ก้าวหน้าไปพร้อมกัน… 

        เอาเถอะ คำพูดประโยคข้างหน้าฟังแล้วก็สบายใจไม่น้อย แต่ประโยคที่ว่าเรียนรู้จากเซี่ยจื่ออวี้นี่เธอไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ

        เหล่าวังและอาจารย์ใหญ่ซุนคิดว่าเธอยากจนมาก และคงคาดไม่ถึงว่านักเรียนหญิงจากชนบทอายุเพียง 18 ปีใกล้จะกลายเป็นเศรษฐีหมื่นหยวนแล้ว แม้ในเงินที่เธอหาได้จะมีร้อยละ 40 เป็นส่วนของหลิวหย่ง แต่ทรัพย์สินสุทธิส่วนตัวของเธอทะลุ 10000 หยวนจึงมีแนวโน้มที่เป็นไปได้แน่นอน

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สบายใจในการรับเงินค่าเล่าเรียนที่เบิกคืนมา เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายภายในโรงเรียนขึ้น

เธอจึงไม่สวมเสื้อนอกตัวสั้นลายตารางสุดแสนทันสมัย อีกทั้งเสื้อขนเป็ดสีเหลืองอ่อนที่สวมใส่บนตัวก็โดนคนแย่งซื้อไปแล้ว

แม้เสื้อกันหนาวที่เธอใส่ขณะนี้จะไร้รอยซ่อมปะ แต่บริเวณข้อศอกและปกเสื้อนั้นถูกซักจนสีซีด

สภาพแบบนี้ยังออกเงินซื้อข้อสอบภายในของโรงเรียนหลักประจำมณฑลด้วยตนเอง

ไม่แปลกใจที่เหล่าวังจะซาบซึ้ง

อาจารย์ใหญ่ซุนก็เห็นด้วยว่าครอบครัวเธอฐานะไม่ดีทว่ามีคุณธรรมโดดเด่น

         หนูรับเงินค่าเล่าเรียนส่วนนี้ไม่ได้

ครูเอามันให้นักเรียนที่ต้องการมากกว่าเถอะค่ะ 

        เซี่ยเสี่ยวหลานทิ้งประโยคนี้ไว้ แทบกระเจิงหนีไปทันที

        หลังจากนั้นสักพัก อาจารย์ใหญ่ซุนถอนหายใจเฮือกใหญ่

         เหมือนพี่สาวเธอ รักในเกียรติตนเองเหลือเกินนะ! 

        —————————————-

        เซี่ยนอีจงคัดลอกสำเนาข้อสอบภายในเรียบร้อยแล้ว

        ถึงจะเป็นชุดแบบฝึกหัดของนักเรียนสายวิทย์ แต่ภาษาจีน คณิตศาสตร์

และภาษาอังกฤษสามวิชานี้คือวิชาที่สายวิทย์-สายศิลป์ต้องสอบร่วมกัน

นักเรียนสายศิลป์ก็สามารถใช้เรียนได้

ตอนคณะอาจารย์แจกข้อสอบก็แจ้งว่านี่คือข้อสอบภายในของซางตูอีจง

เหล่านักเรียนย่อมหวงแหนเป็นธรรมดา ในชั้นเรียนที่เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่

เหล่าวังได้กล่าวถึงชื่อเซี่ยเสี่ยวหลานโดยตรง

สรรเสริญความเห็นแก่ส่วนรวมของเธออย่างจริงจัง

        นักเรียนห้องนี้รู้แล้ว เท่ากับทั้งสายชั้นล้วนรู้

        เซี่ยเสี่ยวหลานเคยมาโรงเรียนไม่กี่ครั้งเท่านั้น ปกติก็ไม่เรียนกับคนอื่น

ทว่ามีกิตติศัพท์มากทีเดียว

        พวกนักเรียนพากันลือว่าเธอและเฉินชิ่งคือคู่รัก

เฉินชิ่งอธิบายพวกเขาก็ไม่ฟัง ใครใช้ให้เซี่ยเสี่ยวหลานคบค้าสมาคมกับเฉินชิ่งคนเดียวเล่า? และเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานปรากฏตัวในโรงเรียนน้อยครั้ง

ทุกครั้งที่โผล่มาสร้างความประทับใจอยู่เสมอ บวกกับผู้เตรียมสอบถูกขุนเขาแห่งการเกาเข่าทับไว้อย่างแน่นหนา

จึงไม่เกิดการแพร่เรื่องประเภทสารภาพรักหรือเกี้ยวพาราสีออกไป

        เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นผู้นำข้อสอบมา

คนในชั้นก็ยกยิ้มให้เฉินชิ่ง

        เฉินชิ่งอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขากับเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นแค่คนบ้านเดียวกัน

ทว่าไร้ประโยชน์เนื่องจากคนอื่นเขาไม่เชื่อ

        ในเวลานี้ เขาทั้งร้อนรนและมีความปลื้มปีติบางอย่างที่พูดไม่ออก

เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถเปิดเผยข้อสอบภายในอย่างง่ายดาย แสดงว่าเธอมีคุณธรรมสูง

แต่ในความเอื้อเฟื้อเสียสละ เธอก็แบ่งปันวิธีเรียนภาษาอังกฤษกับตนเอง หมายความว่าสถานะของเขาในใจเธอไม่เหมือนคนอื่นใช่หรือไม่?

        เฉินชิ่งรับข้อสอบที่แจกมา กลิ่นหมึกพิมพ์อันเหม็นฉุน

ราวกับเจือกลิ่นอายของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้ด้วยเช่นกัน

  

  

 

 

เชิงอรรถ

[1]钱串子 พวงเงิน คือ เงินเหรียญร้อยเป็นพวงกับเชือกในสมัยโบราณ ใช้เปรียบเทียบถึงคนที่ให้ความสำคัญกับเงินอย่างมาก

[2]商都一中 ซางตูอีจง คือ โรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งซางตู 

 

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท