เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 4 ตอนที่ 116 ที่พึ่งของเซี่ยจื่ออวี้

เล่มที่ 4 ตอนที่ 116 ที่พึ่งของเซี่ยจื่ออวี้

เล่มที่ 4 ตอนที่ 116 ที่พึ่งของเซี่ยจื่ออวี้

        เซี่ยเสี่ยวหลานรีบเร่งวิ่งอย่างฉับไวกว่าทุกครั้งที่มาโรงเรียน.

        สนทนาเนื้อหาการเรียนที่ยากกับอาจารย์แต่ละวิชา รับแบบฝึกหัด

เข้าร่วมการสอบย่อยของโรงเรียน นี่คือวงจรของการมาเยือนเซี่ยนอีจงทุกๆ ครั้งของเซี่ยเสี่ยวหลาน

ทว่าครั้งนี้เหมือนแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

เวลาเหล่าอาจารย์พบเธอก็มีอัชฌาสัยไมตรีจิตยิ่งขึ้น ขณะว่างจากการอธิบายเนื้อหา

เป็นช่วงพักระหว่างคาบพอดี ไม่รู้ว่าใครเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานก่อน

ถึงได้มีนักเรียนหลายคนผ่านหน้าต่างห้องพักครูราวกับตั้งใจ

ทักทายกับเซี่ยเสี่ยวหลาน

         เพื่อนเซี่ย เธอมาโรงเรียนแล้วหรือ? 

         เพื่อนเซี่ย ฉันมีสมุดจดอยู่บ้าง เธอต้องการไหม? 

         เพื่อนเซี่ย… 

        เซี่ยเสี่ยวหลานฉงนงงงวย

        นักเรียนเหล่านี้ เธอไม่รู้จักสักคนเดียว

        เหล่าวังหัวเราะร่วน พลางชี้แจงแก่เธอ  ทั้งหมดเป็นนักเรียนห้อง 3 นั่นแหละ เธอไม่สนิทกับพวกเขาสินะ? แต่ทุกคนขอบคุณที่เธอหาข้อสอบมาให้นะ 

        คราวนี้เซี่ยเสี่ยวหลานได้นำข้อสอบมามอบให้อีกหนึ่งชุด

        ผู้เตรียมตัวเข้าสอบของเซี่ยนอีจงจึงมีข้อสอบให้ทำอีกแล้ว

ทว่าไร้ซึ่งคนคร่ำครวญ เดี๋ยวนี้มีข้อสอบให้ทำก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว

ไม่มีใครคิดบ่นว่าแบบฝึกหัดมีจำนวนมากเกินไป ไม่มีใครเอ็ดตะโรเรียกร้องให้ลดภาระแก่นักเรียน

ถ้าไม่มีข้อสอบพวกนี้ ก็ไม่มีการฝึกฝนในแต่ละครั้ง พวกเขาจะแข่งขันกับผู้สอบทั่วประเทศได้อย่างไร?

        เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกเหนือความคาดหมาย  เพื่อข้อสอบเล็กน้อยหรือคะ? `

         นั่นไม่ใช่แค่ข้อสอบเล็กน้อยนะ  

        เหล่าวังแสดงสีหน้าจริงจัง ข้อสอบทุกชุดล้วนคืออนาคตของผู้สอบ

คนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างเซี่ยเสี่ยวหลานนี้มีอยู่ไม่มาก เอาใจเขามาใส่ใจเรา

จึงมีนักเรียนกระตือรือร้นอยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานยืมสมุดจดบันทึก

เธอคิดว่าตนเองเพียงทำตามประสงค์โดยนำแบบฝึกหัดที่รวบรวมได้ส่งมอบแก่โรงเรียน

แต่ไม่รู้ว่าตนเองได้โยนหินก้อนหนึ่งลงไปบนทะเลสาบที่ผิวน้ำนิ่งสนิท

ก่อเกิดเป็นระลอกคลื่น บรรเทาความระส่ำระส่ายในหมู่ผู้เข้าสอบด้วยกัน

        วิชาที่แต่ละคนถนัดย่อมไม่เหมือนกัน

วิธีการเรียนเป็นคลังสมบัติทางปัญญาอันแสนล้ำค่า ถ้าสามารถแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันได้

คะแนนของทั้งเซี่ยนอีจงคงสูงขึ้นใช่ไหม?

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าตนเองทำเรื่องที่มีอิทธิพลมากมายขนาดไหนไป

เมื่อเธอออกจากห้องพักครู ก็พบกับเฉินชิ่งผู้รออยู่ตรงนั้น

         เสี่ยวหลาน ฉันมีเรื่องอยากปรึกษากับเธอหน่อย 

        ครอบครัวเซี่ยเสี่ยวหลานย้ายไปซางตูแล้ว เฉินชิ่งกลับหมู่บ้านชีจิ่งจึงไม่มีความหมายใดอีก

โอกาสจะได้พบหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานมีเพียงรอเธอมาโรงเรียน

แต่สิ่งนี้กลับข่มจิตใจชายหนุ่มปรารถนารักของเฉินชิ่งไว้ ทำให้เขาทุ่มเทกับการเรียนได้ชั่วขณะหนึ่ง

        ทว่าพอพบปะชิดใกล้กับเซี่ยเสี่ยวหลานอีกครั้ว เฉินชิ่งยังคงแอบหน้าแดงบ้าง

        เขาพยายามทำเสียงตนเองให้ฟังแล้วเป็นปกติที่สุด  …ฉันนำวิธีเรียนที่เธอให้ไปบอกต่อแก่นักเรียนในชั้นได้หรือไม่? 

        วิธีที่เซี่ยเสี่ยวหลานสอนมีประสิทธิภาพยิ่งนัก

        ในระยะเวลาอันสั้น ปริมาณคำศัพท์ภาษาอังกฤษของเฉินชิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น

        คะแนนภาษาอังกฤษของเขาจากการสอบย่อยหลายครั้งมีการพัฒนา

อย่างที่เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวไว้ สะสมคำศัพท์ได้มากพอ เขาย่อมเข้าใจคำถามในข้อสอบ

เพราะท้ายที่สุดการสอบปรนัยมิใช่อาศัยเดาสุ่มทั้งหมด

        เฉินชิ่งสอบด้วยความรู้ของตนเอง สามารถสอบได้ราว 40 คะแนนแล้ว แม้ยังห่างจากเกณฑ์ผ่าน 60 คะแนนของวิชาภาษาอังกฤษ

ทว่าแต่ไหนแต่ไรสัดส่วนของผู้เข้าสอบทั่วประเทศที่ผ่านวิชาภาษาอังกฤษได้มีน้อยมาก

        สีหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานอ่อนโยนขึ้น ดวงหน้าเธอต่อให้โกรธก็ดูกระเง้ากระงอดเท่านั้น

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยามอ่อนโยนนุ่มนวล ทำเอาเฉินชิ่งไม่กล้ามองตรงๆ

         ได้แน่นอน ฉันบอกพี่ พี่ก็บอกคนอื่นได้ คะแนนของทุกคนมีการพัฒนาขึ้นนั้นดีออกจะตายไป 

        เธอมองคนไม่ผิด เฉินชิ่งเป็นคนดีคนหนึ่ง วิธีเรียนที่เธอให้เฉินชิ่งคือการตอบแทนน้ำใจของบ้านเฉิน

ส่วนเฉินชิ่งจะนำไปใช้อย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องจัดการ

        เซี่ยเสี่ยวหลานหาใช่แม่พระ แต่เธอก็มิใช่วายร้าย

        และแม้เธอจะเป็นวายร้าย ก็ชื่นชอบที่รอบกายของตนเองรายล้อมด้วยคนโอบอ้อมอารีอยู่ดี

มีความรู้สึกปลอดภัย!

       

—————————————

        ความคุ้นเคยแรกพบของเพื่อนนักเรียนห้อง 3 และการกระทำของเฉินชิ่งทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกเหมือนเธอถูกโอบอุ้มด้วยคุณธรรมดีงามที่แท้จริงของโลกใบนี้

จิตใจผ่อนคลายทีเดียว ถ้าตอนออกจากโรงเรียนไม่มีจางชุ่ยดักอยู่หน้าประตู

อารมณ์สดชื่นเบิกบานของเธอคงยั่งยืนยาวนานกว่านี้

        ในมือจางชุ่ยถือซาลาเปาจำนวนหนึ่ง  เสี่ยวหลาน

หลานกินข้าวหรือยัง มาชิมซาลาเปานี่หน่อยสิ !

        ผู้คนที่ไม่รู้ความเป็นมาต้องนึกว่าคือมารดาบังเกิดเกล้าแน่นอน

        เซี่ยเสี่ยวหลานคร้านจะเล่นละครเป็นเพื่อนจางชุ่ย  ไม่กิน ฉันกลัวป้าวางยา 

        จางชุ่ยอยากจะบีบเซี่ยเสี่ยวหลานให้ตายเหลือเกิน  เสี่ยวหลาน อย่าเล่นตลกกับป้าสิ ป้าห่วงหลานมากนะ ทำไมต้องวางยาด้วย… 

        เซี่ยเสี่ยวหลานเหนื่อยหน่าย  อิจฉาที่ฉันสวยล่ะมั้ง

ใครจะรู้ว่าป้าคิดอย่างไร 

        สีหน้าของจางชุ่ยที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาดูน่าขันยิ่งนัก

กลั้นไฟโทสะระเบิดออกไม่ได้ เป็นเพราะเลือกแสดงผิดตัวละคร

หากอาสะใภ้สามหวังจินกุ้ยอยู่ ต้องปะทะฝีปากกับเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นแน่

        อยู่ดีๆ เซี่ยเสี่ยวหลานก็เดินหน้าหนึ่งก้าว  ครอบครัวป้ามีความเกี่ยวข้องกับอาจารย์ใหญ่ซุนสินะ? ทำไม อยากวานให้อาจารย์ใหญ่ซุนเตะฉันออกจากเซี่ยอีจง? 

        ความตกตะลึงบนใบหน้าของจางชุ่ยยากที่จะซุกซ่อนไว้

        เซี่ยเสี่ยวหลานรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

        จางชุ่ยเดาความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ออก เธอคิดว่าไม่อาจปล่อยปละต่อไปได้แล้ว

จะต้องแจ้งสถานการณ์ทางนี้กับเซี่ยจื่ออวี้

         ป้าไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไร เหมือนหลานยังคงโกรธเคืองครอบครัวอยู่ เฮ้อ! 

        จางชุ่ยทำท่าทางผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง

        ตอนแรกเซี่ยเสี่ยวหลานมีการคาดคะเนเจ็ดส่วน ตอนนี้เธอแน่ใจแล้ว

อาจารย์ใหญ่ซุนคือที่พึ่งหนึ่งเดียวของเซี่ยจื่ออวี้อย่างที่คิด

อาจเป็นเพราะเซี่ยจื่ออวี้จากไปน้ำชาก็เย็น [1] ที่พึ่งพาผู้นี้จึงไม่ค่อยเสถียร

เซี่ยเสี่ยวหลานถึงยังลอยชายในเซี่ยนอีจงต่อไปได้

        แม้จางชุ่ยแสดงละครต่อหน้าคนตระกูลเซี่ยเก่งกาจเพียงใด

แต่ชาติก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานคือคนที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหาร

ปีนป่ายจากชนชั้นล่างขึ้นไปตลอดเส้นทางชีวิต เคยพบเจอกับพวกสร้างหายนะในที่ทำงานมาตั้งเท่าไร? อย่างน้อยคนพวกนั้นล้วนเป็นปกเสื้อขาวหรือปกเสื้อทอง [2] ซึ่งมีการศึกษา สตรีชนบทคนหนึ่งอย่างจางชุ่ยอยู่ต่อหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานยังถือว่าไม่น่าประทับใจนัก

        แค่ปั่นหัวเล่นตามเรื่องตามราว ก็ยืนยันคำตักเตือนของเหล่าจ้าวยามเฝ้าประตูเสียแล้ว

        มองจางชุ่ยหนีกลับร้านจางจี้อาหารว่างไป เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น

       

—————————————-

        ดั่งที่เธอพูดกับเหล่าจ้าว ละแวกนี้จะมีเพียง ‘จางจี้อาหารว่าง’ ร้านเดียวไม่ได้ ต้องให้ผู้คนมีตัวเลือกมากขึ้นมิใช่หรือ?

        เซี่ยเสี่ยวหลานไปรับประทานบะหมี่ที่แผงบะหมี่น้าหวงอีกครั้ง เกลี่ยกล่อมไม่กี่ประโยค

ก็กระตุ้นจิตใจของน้าหวงจนเร่าร้อนกระตือรือร้น

        เดิมทีน้าหวงอยากเปิดร้านอยู่แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานเติมฟืนสุดชีวิต

ไฟกลางใจของน้าหวงกองนั้นยิ่งโชติช่วงมากขึ้น

ตั้งแต่เซี่ยเสี่ยวหลานแนะนำกับเธอคราวนั้น น้าหวงได้ตั้งมั่นไว้แล้ว ช่วงนี้เธอก็กำลังเสาะหาหนทางเปิดร้านเช่นกัน

        สถานะของเธอไม่เหมือนจางชุ่ยผู้เป็นหญิงจากชนบท น้าหวงคือคนในเขตอันชิ่ง

แม้ไม่มีญาติมิตรที่ทรงอิทธิพลเป็นพิเศษ

อย่างน้อยก็ลงหลักปักฐานในเขตอันชิ่งตั้งหลายปี

ต้องมีเส้นสายที่พอใช้ประโยชน์ได้บ้าง

        การหาหน้าร้านไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ทว่าหากยินยอมพร้อมใจลงทุน

จะมีหน้าร้านไหนที่คว้ามาไม่ได้กัน?

        น้าหวงโปะไข่ดาวสองฟองบนบะหมี่น้ำกระดูกหมูให้เซี่ยเสี่ยวหลาน

         น้าเลี้ยงเธอนะ เด็กอย่างเธอนี่หัวแหลมเชียว เธอว่าถ้าน้าจะเปิดร้าน

ควรเปิดที่ไหนดี และขายอะไรดี? 

        เซี่ยเสี่ยวหลานพูดไม่ออกเลย

        น้าหวงนั่นแหละคือคนฉลาดที่สุด บะหมี่หนึ่งชามเพิ่มไข่ดาวสองอันก็หวังจะซื้อคำแนะนำของฉันไปแล้วหรือ?

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่จุกจิกว่าเสียเปรียบหรือไม่ เธอแค่ต้องการจะหาอะไรสักอย่างให้จางชุ่ยทำสักหน่อย

เพื่อให้อีกฝ่ายไม่ต้องทุ่มเทความสนใจที่ตัวเธอตลอดเวลา

สร้างคู่ต่อสู้ออกมาก็ดีไม่น้อย จางชุ่ยกังวลกับธุรกิจของตัวเองก่อนเสียเถอะ!

         เปิดตรงข้ามร้านจางจี้อาหารว่างสิ ร้านพวกเขามีความนิยมระดับหนึ่งอยู่แล้ว

ลูกค้าที่ไปกินมองเห็นตรงข้ามมีเปิดร้านใหม่ ถ้าสงสัยอยากลองชิมดูเล่า? น้าหวงก็อย่าขายอย่างอื่นเลย ด้วยฝีมือบะหมี่นี่ของน้า

เตรียมเครื่องราดหน้าบะหมี่มากขึ้นหน่อย แค่สองคนก็เปิดร้านได้แล้ว 

        เซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆ วิเคราะห์แจกแจงกับน้าหวง น้าหวงฟังเสียจนปลื้มปีติ

        บะหมี่สามโอชา [3] บะหมี่ซี่โครงหมู บะหมี่เนื้อวัว

        ตอนเช้าขายแค่บะหมี่

กลางวันก็เพิ่มข้าวผัดและข้าวราดหน้าเข้าจำหน่ายด้วยกัน

        ประเภทอาหารจำเจไปหรือเปล่า?

        ชนิดของเครื่องราดหน้าบะหมี่ ข้าวผัด

และข้าวราดก็พลิกแพลงตลอดเวลาอยู่แล้ว ร้านอาหารจานด่วนในอนาคตมากมายล้วนทำแบบนี้

หากสามารถสร้างความแตกต่างจากจางจี้อาหารว่าง

เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าค่อนข้างมีสมรรถภาพในการแข่งขัน

        น้าหวงรู้จักข้าวผัด แต่เธอไม่เข้าใจข้าวราดหน้าเท่าไร

         ฉันก็ทำอาหารไม่ค่อยเก่ง ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้น้ามาหาฉันที่ซางตูดีไหม

ฉันจะวานคนทำให้น้าลองชิม? 

 

 

เชิงอรรถ

[1]人走茶凉 แขกจากไปน้ำชาก็เย็น หมายถึง เมื่อคนคนหนึ่งห่างหายจากไป

มิตรภาพก็เบาบางลง หรือ เมื่อหลุดจากตำแหน่งที่เคยมี ก็ไร้ซึ่งคนสนใจพ

[2]金领 ปกเสื้อทอง หมายถึง ผู้มีตำแหน่งระดับสูงในหน่วยงาน มีประสบการณ์และความรู้พอสมควร

หรือทำงานที่ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาก เช่น วิศวกร นักกฎหมาย

นักวิเคราะห์ความเสี่ยง แพทย์ ฯลฯ

[3]三鲜 สามโอชา หมายถึง วัตถุดิบอาหารรสเลิศสามอย่างในการปรุงอาหาร โดยมักเลือกสามอย่างจากเนื้อสัตว์

 

 

 

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท