เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 4 ตอนที่ 117 ฝึกฝนเสี้ยนหนามให้ศัตรู

เล่มที่ 4 ตอนที่ 117 ฝึกฝนเสี้ยนหนามให้ศัตรู

เล่มที่ 4 ตอนที่ 117 ฝึกฝนเสี้ยนหนามให้ศัตรู

        ตอนนี้ข้าวราดยังไม่เป็นที่นิยม

        เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจถึงจุดนี้ในภายหลัง

ไม่ใช่แค่น้าหวงที่คิดว่าไม่คุ้นเคย

ซางตูยังไม่มีร้านค้าที่ขายข้าวราดโดยเฉพาะเช่นกัน

        เพื่อจัดการจางชุ่ย เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมสู้ตาย

ทักษะการทำอาหารของเธอเองธรรมดา ทว่า ‘มีประสบการณ์และรอบรู้’ ทั่วประเทศมีอาหารจานด่วนของหนแห่งใดที่เธอไม่เคยรับประทานกัน? ช่วงเช้าเธอไม่ไปตั้งแผง รีบไปตลาดอาหารสดเพื่อซื้อวัตถุดิบกองหนึ่ง และระหว่างทางแวะเรียกหลี่เฟิ่งเหมยมารับประทานอาหารกลางวัน

        กลับบ้านล้างๆหั่นๆ จากนั้นก็หุงข้าวหม้อโตอีกด้วย

        ฝีมือใช้มีดระดับสามัญ ไม่เร่งรีบเวลายังพอให้หั่นแคร์รอตได้สัดส่วน

เธอใช้หอมใหญ่และแคร์รอตเคี่ยวกับเนื้อแพะ

        มันฝรั่งตุ๋นเนื้อวัว ทั้งยังมีเท้าหมูถั่วเหลืองที่เซี่ยเสี่ยวหลานโปรดปราน

        รสชาติของเครื่องปรุงและเนื้อสัตว์ผสานเข้าด้วยกัน

กลิ่นหอมหวนลอยข้ามกำแพง ทำคนบ้านใกล้เรือนเคียงท้องร้องหิวโหย

        อาหารบ้านย่าอวี๋ช่างดีเหลือเกิน!

        คนกวาดถนนกับคนทำธุรกิจอิสระกินดีขนาดนี้เลยหรือ?

        หลี่เฟิ่งเหมยเดินมาถึงหน้าประตูแล้วรู้สึกถึงกลิ่นหอม น้าหวงหลังจากที่ถามไถ่ที่อยู่ระหว่างทางจนหาบ้านอวี๋พบ

ได้กลิ่นหอมก็ตื่นตาตื่นใจ

         คุณพี่ คุณคือแขกของเสี่ยวหลานสินะ? 

        หลี่เฟิ่งเหมยกำลังสนทนากับน้าหวง เสียงกริ่งกริ๊งๆ ดังขึ้น หลิวเฟินเลิกงานช่วงเช้าแล้ว

        น้าหวงเคยพบหลิวเฟิน ดังนั้นที่นี่ก็คือบ้านเซี่ยเสี่ยวหลานจริงๆ

ทั้งสามคนเข้าบ้านพร้อมกัน เซี่ยเสี่ยวหลานตระเตรียมอาหารไว้พร้อมนานแล้ว เธอคดข้าวสวยใส่ในถ้วยใบน้อยและกดจนแน่น

จากนั้นค่อยคว่ำลงในจาน โรยงาดำลงบนก้อนข้าวสวยสักหน่อย

รูปลักษณ์ภายนอกจึงดูดีขึ้นทันที

         รีบนั่งรีบนั่ง มาชิมรสชาติกัน 

        จานหนึ่งใบ ข้าวหนึ่งถ้วย ช้อนหนึ่งคัน และตักอาหารที่ปรุงเสร็จ ‘ราด’ บนข้าว ทั้งสามคนล้วนเกิดอาการหิวกระหาย

        นี่มิใช่เป็นเพียงการราดกับข้าวลงบนข้าวสวยหรือ

        ครอบครัวใครไม่เคยเหลือเก็บอาหารบ้าง ทุกคนต้องเคยรับประทานแบบนี้กันทั้งนั้น

น้ำแกงจากอาหารคลุกเคล้ากับข้าวสวยก็พออิ่มท้องหนึ่งมื้อได้ แต่มีอาหารดีๆ

ดันไม่รับประทาน กลับราดบนข้าวแทน วิธีรับประทานแบบนี้น้าหวงไม่เข้าใจจริงๆ

        นี่มันทำเงินได้หรือ?

        เธอกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ทำตามเซี่ยเสี่ยวหลานโดยนำช้อนตักข้าวสวยชุ่มน้ำแกงเข้าปาก

รสชาติของเครื่องปรุงและเนื้อแพะ เมื่อรับประทานหนึ่งคำก็อดไม่ได้ที่จะรับประทานต่อคำที่สอง

รับประทานข้าวหนึ่งจานหมดอย่างรวดเร็ว ในจานสะอาดเอี่ยมอ่อง

น้ำแกงอาหารส่วนสุดท้ายคลุกเคล้าเข้ากับข้าว ไม่เสียของเลยแม้แต่น้อย

        เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเรียกน้าหวงชิมรสชาติอื่นอีกด้วย

        ทุกคนมีความอยากอาหารไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อแพะเคี่ยวแคร์รอต

มันฝรั่งเนื้อวัว หรือเท้าหมูถั่วเหลืองก็ต้องผลัดชิมหนึ่งรอบ

        น้าหวงราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ทว่าเรียบเรียงคำพูดในใจเป็นประโยคไม่ได้

เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่อุบอิบไว้ให้คลุมเครือ

         ข้าวราดหน้าจานนี้ราคา 5 เหมาทั้งข้าวรวมกับข้าวจะมีคนกินหรือไม่? 

        น้าหวงพยักหน้าก่อนแล้วส่ายหน้าอีกที  กินน่ะมีคนกินแน่

แต่เนื้อแพะเนื้อวัวราคาต่อชั่งตั้งเท่าไรกัน ขาย 5 เหมามีหวังขาดทุนต… 

        คำว่า ‘ตาย’ วนเวียนอยู่ที่ริมฝีปาก

น้าหวงนึกได้ในบัดดล เมื่อครู่แค่น้ำแกงก็รับประทานข้าวจนหมดได้

ที่จริงแล้วไม่ได้มีเนื้อสัตว์หลายชิ้นเลย

ความรู้สึกอิ่มท้องเหมือนตนเองได้รับประทานเนื้อมากมายนั้นมาจากที่ไหนกัน?

        มีเนื้อสัตว์เพียงไม่กี่ชิ้น ขายราคาไม่กี่เหมาต่อจานก็จะไม่ขาดทุน

        น้าหวงเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานพูดต่อทันที  นอกจากกับข้าวประเภทตุ๋นเคี่ยวพวกนี้ อาหารผัดก็สามารถเอามาทำข้าวราดได้

ราดข้าวสวยก็ดี ราดบะหมี่ก็ไม่เลว วิธีปรุงแบบเดียว ทว่ามีรสชาติที่หลากหลาย 

        เซี่ยเสี่ยวหลานรับผิดชอบการอธิบาย ส่วนน้าหวงรับผิดชอบพยักหน้ารับ!

        ขนาดหลี่เฟิ่งเหมยและหลิวเฟินยังฟังจนหลงใหล

ฟังดูแล้วการเปิดร้านอาหารก็ไม่ยากนี่นา ธุรกิจแบบนี้ทำไมถึงมอบให้คนนอก

เก็บไว้ให้คนในไม่ดีกว่าหรือ?

        ตอนแรกเซี่ยเสี่ยวหลานก็มีความตั้งใจเช่นนี้

        ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกว่าร้านอาหารว่างเหน็ดเหนื่อยเกินไป

เธอไม่สนใจธุรกิจนี้แล้ว ทั้งหมดทั้งมวลเป็นการสร้างเรื่องแก่ร้านของจางชุ่ย

อบรมน้าหวงอยู่สองชั่วโมง ตอนเจ้าตัวจากไปก็พกความมั่นใจเต็มเปี่ยม

         ถ้าร้านของน้าเปิด ต้องขอบใจเธอเป็นอย่างดีแน่นอน 

        น้าหวงเอ่ยปากชื่นชมเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ขาดปาก

ไม่รู้ว่าเด็กสาวบ้านอื่นคนนี้เลี้ยงดูมาอย่างไร

ทั้งฉลาดหลักแหลมและเป็นที่น่าโปรดปราน

        น้าหวงจากไปแล้ว เมื่อเห็นว่าหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยต่างพากันงุนงง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงอธิบายสถานการณ์รอบหนึ่ง

เธอไม่ยินดีที่จะทำให้หลิวเฟินนึกถึงพวกคนน่ารังเกียจจากตระกูลเซี่ยอีก จึงไม่ได้กล่าวเรื่องพบเซี่ยหงเซี๋ยที่หน้าประตูเซี่ยนอีจง

ขณะนี้เซี่ยเสี่ยวหลานได้เล่าเรื่องราวของร้านจางจี้อาหารว่างพร้อมกันจนแจ่มแจ้ง

หลิวเฟินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหวาดกลัว—ทำไมเหล่าคนตระกูลเซี่ยร้ายกาจไม่เปลี่ยนเลยนะ

เขตอันชิ่งกว้างใหญ่ขนาดนั้น พวกเขากลับเปิดร้านหน้าประตูเซี่ยนอีจง

        จะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเสี่ยวหลานหรือไม่?

        เซี่ยหงเซี๋ยชอบเปรียบเทียบตนเองกับเสี่ยวหลาน เสี่ยวหลานมีเธอไม่มีก็จะอิจฉาตาร้อน ไม่แน่ว่าอาจจะไปพล่ามซี้ซั้วที่โรงเรียนได้

        หลิวเฟินร้อนรนจนบนหน้าผากผุดเม็ดเหงื่อ

        อุตส่าห์ย้ายมาอาศัยในเมืองซางตูแล้ว

ชื่อเสียเดิมยังจะกระทบต่อเสี่ยวหลานไหม? ไหนจะโจวเฉิงอีก

ชายหนุ่มอยู่ห่างไกลถึงปักกิ่งจึงยังไม่ทราบ หากได้ยินได้ฟังข่าวลือ

เกิดถือสากิตติศัพท์เมื่อก่อนของเสี่ยวหลานขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า!

        หลิวเฟินมีนิสัยอมพะนำ พอเจอปัญหาจะกังวลกับตนเองเท่านั้น ตอนนี้มือเท้าเริ่มชาไปหมดแล้ว

        ทว่าหลี่เฟิ่งเหมยแข็งแกร่งกว่าเธอ เธอตกใจก็จริง

แต่รู้ดีว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เล่าเรื่องพวกนี้โดยไร้เหตุผล

        เธอค่อยๆ ผ่อนคลายจากความตกใจ  …ที่หลานสอนน้าหวงทำข้าวราด

ทั้งสนับสนุนน้าหวงเปิดร้านใหม่ตรงข้ามจางจี้อาหารว่าง? 

        หลี่เฟิ่งเหมยตะลึงและยินดีในคราเดียว เธอรู้สึกว่าสาแก่ใจยิ่งนัก

        ถ้าธุรกิจ ‘หลานเฟิ่งหวง’ กำลังไปได้สวย จากนั้นมีคนเปิดร้านเสื้อผ้าด้านข้างเช่นกัน

เธอคงกังวลเสียนอนไม่หลับเป็นแน่ ทั้งวันได้แต่กลุ้มใจว่าจะโดนคนแย่งชิงลูกค้าไป จะมีกะจิตกะใจไปสนเรื่องอื่นเสียที่ไหน—พวกตระกูลเซี่ยหน้าไม่อายนั่น ก็ต้องใช้วิธีแบบนี้แหละจัดการ!

        หลี่เฟิ่งเหมยลากคนตระกูลเซี่ยทั้งบ้านออกมาด่ายกใหญ่

ตั้งแต่หญิงชราเซี่ยจนเซี่ยจื่ออวี้ ชายหญิงเด็กคนแก่ล้วนไม่ปล่อยไป

         ร้านของพี่หวงจะต้องธุรกิจรุ่งเรือง

ทำให้ยัยพวกจางชุ่ยไม่มีเวลาเล่นสกปรกกับเสี่ยวหลาน เธอกลัวอะไรกัน

หากใครกล้ารังแกเทาเทาของฉัน ฉันจะข่วนหน้าให้ลายเลย

หรือเธอไม่กล้าจัดการจางชุ่ยหรือ? 

        หลิวเฟินพยักหน้าหนักแน่น

        ตั้งแต่เรื่องเซี่ยต้าจวินถูกกดดันให้หย่าร้างเป็นต้นมา

หลิวเฟินก็รู้วิถีความเป็นไปแล้ว

คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ล้วนข่มเหงผู้อ่อนแอแต่หวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง

เธอถูกกลั่นแกล้งน่ะไม่เท่าไร การศึกษาและอนาคตของเสี่ยวหลานเสียเวลาไม่ได้

เธอไม่เพียงแต่จะตบตี พร้อมหยิบมีดแทงหัวใจด้วยซ้ำ!

         แม่ ป้า ทั้งสองอย่าเพิ่งเคร่งเครียดไป ด้านบ้านเซี่ยไม่คณามือหรอก

ชีวิตพวกเราดำเนินอย่างไรก็ไปต่ออย่างนั้น 

        —————————————-

        เซี่ยเสี่ยวหลานจัดการอาหารที่หลงเหลืออยู่ เลี้ยวโค้งระหว่างทางไปยังถนนเอ้อร์ชี

หลิวหย่งกำลังนำคนงานจำนวนหนึ่งทำงาน ร้านถูกเก็บกวาดจนสะอาดเรียบร้อย

รื้อฝ้าเพดานเดิมทิ้ง ตู้แสดงสินค้าก็ยกออกมาแล้ว

        ทางนี้เริ่มงานพร้อมเพรียงกัน ช่างไม้และช่างก่อสร้างต่างไม่รีรอ

พอทำฝ้าเพดาน ผนัง และพื้นเรียบร้อยแล้ว งานชั้นไม้ชนิดต่างๆ ก็น่าจะเสร็จสิ้น

ย่นระยะเวลาในการตกแต่งได้มากทีเดียว

        หลิวหย่งเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานมาส่งอาหาร เขาฉีกยิ้มแล้วกลับขมวดคิ้ว

         เสี่ยวหลาน ไฟสปอทไลท์ดวงเล็กยังซื้อได้ แต่โคมไฟระย้าแก้วหายาก 

        แรกเริ่มเซี่ยเสี่ยวหลานอยากตกแต่งรูปแบบไม้ดิบ ต่อมาลองครุ่นคิดดู

เธอชอบรูปแบบการตกแต่งเรียบง่าย ทว่าเหล่าลูกค้าในปี 83 อาจไม่ถูกใจนัก คนในประเทศยุค 80 เห็นความเรียบง่ายจนเคยชินแล้ว

การตกแต่งแบบยุโรปถึงจะทำให้ผู้คนตกตะลึง

        พื้นปาร์เกต์เปลี่ยนเป็นกระเบื้องเซรามิกที่โถงใหญ่ภัตตาคารในปัจจุบันจะใช้กัน

ฝ้าเพดานเป็นไม้ ชั้นแสดงสินค้าตั้งพื้นใช้งานเหล็กแบบยุโรป

วัสดุตกแต่งไม่กี่อย่างเหล่านี้กดดันหลิวหย่งแทบสิ้น

กว่าจะรวบรวมสมบูรณ์ก็วิ่งในซางตูขาเกือบหลุด

        เพดานและฝาหนังยังต้องทำลายนูนด้วย คนงานที่หลิวหย่งหามาทำงานนี้ไม่เป็น

เขาเองก็กำลังครุ่นคิดสุดความสามารถ

        ปัญหาพวกนี้สามารถค่อยๆ แก้ไขได้

โคมไฟระย้าแก้วนั้นหลิวหย่งซื้อไม่ได้จริงๆ หากไร้ซึ่งไฟลูกนี้

ความยุโรปก็ไม่เด่นชัดน่ะสิ

        เมื่อปรับรูปแบบการตกแต่งภายในงบประมาณย่อมบานปลายแน่นอน

งานช่างไม้ก็เพิ่มมากขึ้น กระเบื้องเซรามิกที่ปูบนพื้นเป็นกระเบื้องเสมือนหินไมโครคริสตัล

ความเงางามนั่นมิใช่ระดับที่กระเบื้องเคลือบขาวทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้

ราคาก็สูงเช่นกัน ทุกๆแผ่นที่ปูบนพื้นล้วนคือเงินทอง

        เดิมทีคำนวณล่วงหน้าไว้ว่า 6000 หยวนเพียงพอในการตกแต่งภายในเสร็จสิ้น

ตอนนี้ได้เกินไปเท่าตัวแล้ว

         ลุงไม่ต้องร้อนใจ ให้พรรคพวกคนงานกินข้าวก่อน

ส่วนโคมระย้าแก้วเดี๋ยวฉันคิดหาวิธี

นำเข้าสินค้าครั้งหน้าลองดูว่าซื้อกลับมาจากหยางเฉิงได้หรือไม่ 

        งบตกแต่งภายในบานปลายเป็นเรื่องปกติมาก ลงทุนคราเดียวจำนวนมาก

แต่รับประกันว่าไม่ล้าสมัยไปอีกหลายปี

        —————————————-

        เซี่ยเสี่ยวหลานจดจำเรื่องซื้อโคมระย้าไว้ในใจ

จากนั้นไปตั้งแผงด้านนอกเขตอาศัยขององค์การรถไฟดังเดิมพ

        เธอมีกุญแจบ้านหลิวหย่ง ยังไม่ทันขนสินค้าออกมา ก็พบกับหญิงสาวที่เคยซื้อเสื้อนอกตอนเมื่อวานซืนกำลังเมียงมองอยู่ห่างๆ

         ฉันนึกว่าวันนี้คุณไม่ตั้งแผงเสียอีก น้องสาว

ฉันจะซื้อขนาดเล็กกว่าที่ซื้อเมื่อวานซืน เอาสีน้ำเงินนาวี มีสินค้าหรือไม่? 

  

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท