เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ตอนที่ 3.2

ตอนที่ 3.2

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 3.2

ตอนที่ 3.2

รู้สึกได้ว่าอาสทันลีอูที่ผงะถอยไปด้านข้างด้วยความตกใจ ก้าวเท้าเข้ามาพยายามจะเข้าไปช่วย เธอจึงหันไปมองทางด้านนั้นโดยไม่พูดอะไร สายตาจับจ้องอยู่ที่ไอ้อาสทัลลีอูเพียงแค่นั้นอาสทัลลีอูผู้แสนขี้ขลาดก็หวาดกลัวเสียจนหยุดชะงักฝีเท้า

ส่วนเธอที่จ้องเขม็งอยู่นั้น ตั้งใจจะบอกให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าจงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่ายเสีย จากนั้นก็ถือหนังสือเดินเข้าไปใกล้เบเลซักที่ยังคงกลิ้งอยู่บนพื้น

 ไอ้สุนัขไร้มารยาท 

ไม่ใช่คำพูดที่ผิดนัก

นิสัยของเขาไม่ได้ต่างอะไรจากเบเจอร์ผู้เป็นพ่อเลยสักนิด เพราะมันเป็นพวกขี้ขลาด เอาแต่หลบอยู่หลังคนอื่นและเป็นพวกคนเลวที่เธอมักสาปแช่งลูกชายของเจ้านั่นอย่างเบเลซักหรือไอ้สุนัขเวรตะไลนี่บ่อยจนเหมือนกินของว่างหลังอาหาร

สุนัขน่ะถูกแล้ว

ลูกสุนัขเพิ่งลืมตาเกิดขึ้นมาบนโลก ลูกสุนัขที่ไม่รู้จักว่าอะไรที่มันสมควรจะหวาดกลัว

นิสัยเสีย ๆ ของเจ้า ข้าจะเป็นคนดัดให้เอง

 จะ…เจ้า ยายบ้า! 

ขนาดเจ็บจนตกใจขนาดนั้น ปากก็ยังใช้งานได้จนพูดพล่ามไม่หยุด ท่าทางโดนตีอีกก็คงจะไม่เป็นอะไรสินะ

เธอเริ่มใช้หนังสือเล่มที่ถืออยู่ฟาดลงบนไหล่กับแขนของเบเลซัก

มันเป็นหนังสือที่ค่อนข้างหนาพอควร ก็น่าจะเจ็บอยู่หรอก

 อ๊าก! อ๊ากกกก! 

 เอาแต่เรียกว่าเลือดผสม! เลือดผสม! เจ้าก็น่าจะเตรียมใจโดนเลือดผสมที่โกรธตีบ้างสิ! 

 อะ…อาสทัลลีอู! เจ้ามัวทำอะไรอยู่! อ๊าก! เอาเจ้าคนชั้นต่ำนี่ออกไป! อ๊ากกกก! 

เบเลซักกรีดร้องเรียกอาสทัลลีอูอย่างสิ้นหวัง แต่เด็กที่โตแต่ตัว ส่วนความกล้ามีเพียงน้อยนิดก็ทำได้แค่ยืนตัวสั่นเทาไม่หยุดเท่านั้น

ช่วยไม่ได้อย่างไรก็เป็นแค่เด็กที่อายุแค่แปดขวบนี่นะ

 เจ้า! เพราะเจ้า! ข้าต้องลำบากมากแค่ไหน! เจ้ารู้มั้ย! 

เมินเฉยมือที่พยายามผลักไส เธอเอาแต่ตีเบเลซักด้วยหนังสือไม่ยอมหยุด

 แฮกแฮก! 

ขนาดแกว่งแขนตีแค่ไม่กี่ครั้ง ร่างเด็กตัวเล็กๆ นี่ก็หอบหายใจแฮก แขนหมดเรี่ยวหมดแรงเสียแล้ว

ถ้าเบเลซักยังคงขัดขืนต่ออีก เธอคงได้โดนเขาผลักออกมาแน่ แต่โล่งอกที่เธอยังปลอดภัยดี

แต่เจ้าเด็กนี่เริ่มร้องไห้แล้ว

 ฮือ! แง ช่วยด้วย! 

เสียงร้องดังลั่นเสียจนทำเอาหูร้องจี๊ดไปหมด

และในตอนนั้นเอง

ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกพรวด พร้อมกับเสียงคำรามด้วยความโกรธ

 เอะอะอะไรกัน! 

ผมขาวโพลนที่ถูกหวีจัดทรงอย่างเป็นระเบียบกับเครายาวราวกับแผงคอราชสีห์ ชายวัยกลางคนที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่

 ทะ…ท่านปู่ 

คนที่กำลังมองเบเลซักที่นอนอยู่บนพื้นกับเธอที่ใช้หนังสือตีอยู่เหนือกายเด็กนี่ด้วยสายตาขุ่นมัวก็คือท่านปู่ หรือเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย รูลลัก ลอมบาร์เดีย

 เบเลซัก! 

เบเจอร์วิ่งออกมาจากห้องทำงาน เรียกชื่อบุตรชายของตนดังลั่นราวกับเสียงกรีดร้อง ก่อนจะวิ่งเข้ามาผลักเธอกระเด็น

 อ๊ะ! 

มันเป็นแรงที่รุนแรงจนเทียบกับที่ถูกเบเลซักผลักเมื่อครู่นี้ไม่ติด

หนังสือกระเด็นตกไปไกล กระดูกข้อมือกับฝ่ามือที่กุมศีรษะเอาไว้เพื่อกันไม่ให้กระแทกจนหัวแตกปวดร้าวไปหมด

 เทีย? 

และตอนนั้นเองที่เธอได้ยินเสียงน่ายินดี

ท่านพ่อตามหลังออกมาจากห้องทำงาน ท่านมองเธอด้วยความตกใจ ก่อนจะเข้ามาใกล้

 ตายแล้ว! เทีย แผลนี่! 

บางทีสภาพของเธอในตอนนี้คงจะเละเทะน่าดู

เบเลซักเอาแต่ร้องไห้ มองจากสภาพภายนอกแล้วอาการเธอหนักหนากว่าเขามาก แต่เสียงร้องไห้ของเบเลซักที่อยู่ด้านข้างกลับดังมากเสียจนนึกว่ามีส่วนไหนแตกหัก

 เจ้า! ขอโทษลูกชายข้าเดี๋ยวนี้! 

ไม่คิดจะลองฟังเรื่องทั้งหมดก่อนด้วยซ้ำ แต่กลับสั่งให้เธอเป็นฝ่ายขอโทษงั้นเหรอ

เธอไม่อยากจะมองใบหน้าที่หอบแฮกด้วยความโกรธจนนัยน์ตาลุกโชนเป็นไฟ จึงหันหน้าหนีดังขวับ

 ยะ…ยายเด็กโอหัง! 

เบเจอร์ยื่นมือออกมาตั้งใจจะทำอะไรกับเธอมันเสียเดี๋ยวนั้น

 ท่านพี่! 

ท่านพ่อกอดเธอเอาไว้ รู้สึกได้ว่าเขาต้องการจะปกป้องเธอ แต่ตอนที่เห็นนัยน์ตาของเบเจอร์กลอกไปมามันดูเหมือนว่าเขาสามารถลงไม้ลงมือตบตีท่านพ่อได้เหมือนกัน

 หยุด!  

สถานการณ์ที่กำลังเดือดปะทุกลับหยุดลงด้วยเสียงตะโกนจากความโมโหของท่านปู่

เบเจอร์ยังคงฉุนเฉียวอยู่เหมือนเคย ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก มีเพียงแค่สายตาเท่านั้นที่มองเธอราวกับจะฆ่ากันให้ตาย

โถงทางเดินเงียบสนิทมีเพียงเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเบเลซักที่ดังขึ้นเป็นระยะเท่านั้น

ส่วนเธอน่ะเหรอ เธอก็แค่หลุบตามองต่ำอยู่ในอ้อมกอดของท่านพ่อเงียบๆ

ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือรู้สึกขายหน้าชะมัด

ทั้งๆ ที่ต้องมอบความประทับใจแรกเห็นที่ดีงามให้แก่ท่านปู่แท้ๆ แต่นี่ดันต้องให้ท่านเห็นภาพตะลุมบอนตั้งแต่แรกที่ได้พบหน้าเสียได้

แถมคู่กรณียังเป็นไอ้โง่เบเลซักอีกด้วย

ท่านปู่มองเธอสลับกับเบเลซักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองอาสทัลลีอู

หมอนั่นไม่รู้ไปเกาะขากางเกงลุงรองลอเรนซ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ท่าทางจะหวาดกลัวเอามาก

 อาสทัลลีอู นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น 

ท่านปู่เอ่ยถาม

อาสทัลลีอูเงยหน้าขึ้นมองพ่อของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยตอบ

 ขะ…ข้ากับพี่เบเลซักก็แค่กำลังเดินผ่านไปเฉยๆ แต่ยาย ไม่สิ ฟีเรนเทียจู่ๆ ก็ลงไม้ลงมือตบตีพวกเราครับ 

แหม ดูที่เจ้าสุนัขนั่นพล่ามสิ

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท