เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ตอนที่ 14.1

ตอนที่ 14.1

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 14.1

ตอนที่ 14.1

บทที่ 14

ผ่านไปได้หลายวันแล้ว หลังจากที่โปรเจ็กต์สร้างรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับท่านพ่อจบลงอย่างลุล่วงด้วยดี

พืชโคโรอีเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในทุกฤดูกาลขอแค่ไม่ใช่ฤดูหนาวก็พอ แต่ช่วงนี้ที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูฝนไปหมาดๆ เป็นช่วงที่ลำต้นจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่สุด ทำให้จู่ๆ ท่านพ่อก็ยุ่งมากขึ้นจนไม่ได้ลืมหูลืมตา ต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ กว่าจะกลับมาก็ดึกดื่น ทำให้เธอมีเวลาอยู่ตามลำพังเพิ่มขึ้นมาก

ท่านพ่อเป็นห่วงเธอมากที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอ แต่สำหรับเธอแล้วการมีอิสระมันช่างเป็นเรื่องดีไร้ความกังวล

อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน เธอมีเรื่องที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องมานั่งอธิบายยุ่งยากให้ท่านพ่อฟัง

เธอกำลังนั่งรออัลเพโอ้อยู่บนขั้นบันไดของคฤหาสน์หลักเงียบสนิทที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเท่าไหร่

 อัลเพโอ้! ทางนี้! 

อัลเพโอ้มองซ้ายมองขวาเมื่อได้ยินเสียงของเธอ ก่อนจะรีบวิ่งมายังตำแหน่งที่พบว่าเธอนั่งอยู่

 คุณหนู! 

ในมือของอัลเพโอ้ที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มถือของชิ้นหนึ่งที่ห่อด้วยผ้าอยู่ด้วย

 อันนี้นี่เอง!  

ไม้แกะสลักที่เธอฝากฝังให้อัลเพโอ้ช่วย มีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าที่เธอคิดไว้มาก ขนาดของมันแทบไม่ได้ลดลงไปจากท่อนซุงที่เธอมอบให้เป็นวัสดุแก่เขาในครั้งแรกเลย

หมายความว่าเขาสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องมีส่วนไหนถูกทิ้งไปเลยสินะ

ถึงแม้จะยังไม่เห็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ แต่เธอก็ตั้งใจเอาแต่ส่งยิ้มออกมาให้เห็น

 ขอข้าดูหน่อยได้มั้ย 

 นะ…แน่นอนครับ!  

อัลเพโอ้วางไม้แกะสลักลงในตำแหน่งที่เหมาะสมเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ก่อนจะเปิดผ้าออกอย่างระมัดระวัง

คงจะใช้ของที่มีอยู่ในบ้านสินะ ผ้าเนื้อหยาบไม่ต่างอะไรจากผ้าที่ทำจากโคโรอีร่วงลงเผยให้เห็นภาพของรูปไม้แกะสลัก

 ว้าว… 

เธอไม่อาจละสายตาออกไปจากรูปไม้แกะสลักได้ครู่ใหญ่

วัสดุเป็นเพียงแค่ท่อนไม้โง่ๆ แท้ ๆ

ท่อนซุงธรรมดาท่อนนั้นได้เกิดใหม่เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งในมือของอัลเพโอ้

ว่าแล้วเชียว เธอคิดถูกแล้วที่ฝากฝังมันไว้กับนักศิลปะอัจฉริยะในอนาคต!

พอเห็นว่าเธอเอาแต่เหม่อมองรูปไม้แกะสลักราวกับจะมองมันให้ทะลุโดยไม่พูดอะไร อัลเพโอ้ก็เริ่มกระวนกระวาย

 หรือว่าไม่ถูกใจครับ 

 หืม? เปล่า! จะไม่ถูกใจได้ยังไง! รูปไม้แกะสลักนี่มันงดงามมากจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่งเลย ขอบใจนะ อัลเพโอ้! 

เธอจับมือข้างขวาของอัลเพโอ้ด้วยมือทั้งสองข้างพลางเอ่ยพูด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยกระถึงได้ค่อยมีรอยยิ้มกว้างเกิดขึ้น

 ขอบคุณที่ให้โอกาสข้านะครับ คุณหนู ข้าอยากจะกล่าวคำนี้จริงๆ 

 ขอบคุณข้าเหรอ คนที่ต้องขอบใจคือข้าต่างหากล่ะ 

เพราะถ้าหากอัลเพโอ้ไม่ตอบรับทำงานแกะสลักแล้วละก็ เธอก็คงไม่สามารถมอบของสิ่งนี้เป็นของขวัญให้แก่ท่านปู่ได้

แต่อัลเพโอ้กลับส่ายหน้าให้กับคำพูดของเธอ

 การจะหาท่อนซุงคุณภาพดีแบบนี้สำหรับข้ามันเป็นเรื่องยากมากครับ การได้ทำงานแกะสลักด้วยวัสดุดีๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากเลยล่ะครับ 

มือหยาบกร้านของอัลเพโอ้ลูบไม้แกะสลัก ราวกับนึกถึงขั้นตอนการทำงานอันแสนสนุก มุมปากของเขาจึงคลี่ยิ้มอ่อนโยน

 และก็อุตส่าห์เชื่อในฝีมือของข้าไม่ใช่เหรอครับ 

สายตาของอัลเพโอ้มองสบกับสายตาของเธอ

 รู้ว่ารูปแกะสลักนี่เป็นรูปของใครสินะ 

คำถามของเธอทำให้อัลเพโอ้ผงะเล็กน้อยเหมือนกับคนถูกล่วงรู้ความลับ แต่ก็ยังพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย

 ท่านพ่อเห็นตอนข้าแกะสลักอยู่ในห้องน่ะครับ ตอนแรกก็ดุเสียยกใหญ่เลย ถามว่าข้ารู้มั้ยว่าท่านนี้คือใคร ถึงกล้าแกะสลักรูปของท่าน 

อา ถ้าหากเป็นพ่อของอัลเพโอ้ก็คงจะรู้จักท่านย่าแน่นอน

 แต่พอทราบว่าคุณหนูเป็นคนสั่งให้ข้าแกะสลักไม้ ท่านก็เข้าใจครับ 

อัลเพโอ้หยิบผ้าที่คลี่ออกกลับไปคลุมไม้แกะสลักอย่างห่วงแหนอีกครั้ง มือของเขาทะนุถนอมมันราวกับกำลังปฏิบัติต่อสมบัติล้ำค่า

 ใช่แล้วล่ะ รูปไม้แกะสลักนี่คือรูปของท่านย่าที่เสียไปแล้ว และรูปไม้แกะสลักที่อัลเพโอ้ช่วยทำให้นี่ ข้าก็จะเอาให้เป็นของขวัญท่านปู่น่ะ 

ปลายนิ้วของอัลเพโอ้ที่กำลังผูกปมผ้าอยู่สั่นระริก

 ว่าแล้วเชียว… 

อัลเพโอ้พยักหน้าหงึกหงักสองครั้ง ก่อนจะเอ่ยพูดกับเธออีกครั้ง

 ขอบคุณครับคุณหนู ที่เชื่อใจกันว่าข้าสามารถทำได้ 

และเธอก็สามารถรับรู้ได้ว่าแววตาของอัลเพโอ้มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป ราวกับคนที่มีจุดมุ่งหมายแน่วแน่เกิดขึ้นมา นัยน์ตาทั้งสองข้างส่องประกายลุกโชน

 ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแค่คอยช่วยงานช่างไม้ที่พ่อทำบ้างเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะทำเป็นอาชีพจริงจังแล้วน่ะครับ ช่วงนี้เองก็กำลังกลุ้มใจอยู่บ่อยๆ 

อัลเพโอ้ยิ้มเขินอายในขณะที่เกาหลังศีรษะแก้เขิน

 ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ต่างก็บอกให้ข้าเลิกทำงานอดิเรกอย่างงานแกะสลัก แล้วมาเรียนรู้การทำงานอย่างเต็มตัวได้แล้ว… 

 เพราะฉะนั้นก็เลยตัดสินใจแล้วเหรอ 

เธอเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

เดิมทีอัลเพโอ้ใช้ชีวิตในฐานะช่างไม้ไปเรื่อยๆ แบบนี้จนกระทั่งอายุเลยวัยสามสิบ ถึงได้รับการยอมรับในฐานะช่างแกะสลัก

ถ้าหากเพราะงานแกะสลักที่เธอมอบหมายให้ทำให้เขาบอกว่า ‘ตอนนี้งานแกะสลักไม้เองก็ได้ลองทำเท่าที่ทำได้แล้ว ถึงเวลาต้องทำงานจริงจังแล้วละครับ’ จะทำยังไงดีล่ะ

หวาดกลัว

แต่ความกังวลของเธอก็จางหายไปพร้อมกับรอยยิ้มสดชื่นของอัลเพโอ้

 ข้าสนุกกับงานแกะสลักมากเลยละครับ คงจะต้องทำงานช่างไม้ต่อจากพ่อไปก่อน แต่วันหยุดก็ตั้งใจว่าจะทำงานแกะสลักต่อไปเรื่อยๆ เหมือนครั้งนี้ เผื่อว่าวันหนึ่งจะได้เป็นช่างแกะสลักเต็มตัวกับเขาบ้าง 

อา ตลอดระยะเวลากว่าสิบห้าปี เขาคิดแบบนี้มาโดยตลอดนี่เอง เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ

ทำงานใช้แรงงานอย่างช่างไม้ วันหยุดก็ยังถือมีดแกะสลักโดยไม่ได้พักผ่อน

มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหากไม่ได้รักการแกะสลักจริงๆ

ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ได้แต่เฝ้ารอวันที่ผลงานของตนจะส่องประกายอยู่เงียบๆ

ช่วงระยะเวลาระหว่างเด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้กับชายหนุ่มคนนั้น สิ้นสุดปลายทางช่วงเวลาอันแสนยากลำบาก เขาจะได้เบ่งบานอย่างงดงามแน่นอนถึงขนาดได้รับพระราชทานนามสกุล ‘จอห์น’ ที่มีความหมายอันงดงามจากองค์จักรพรรดิ จนได้กลายเป็นอัลเพโอ้ จอห์นคนแรก

 นี่ อัลเพโอ้ 

 ครับ คุณหนู 

 ไม่ได้อยากจะทำงานแกะสลักเฉพาะในวันหยุดหรอกใช่มั้ยล่ะ 

 …ครับ? 

 ถ้าต้องทำทุกวันก็ทำได้ใช่มั้ย 

เพราะบางทีอาจจะไม่มีเวลาว่างพอให้นายได้เรียนงานช่างไม้หรอกนะ

เธอยิ้มบอกว่าไม่มีอะไรให้กับอัลเพโอ้ ที่ได้แต่ยืนงงโดยมีเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ผุดขึ้นอยู่เหนือศีรษะ เพราะไม่อาจเข้าใจความหมายของประโยคที่เธอพูดได้

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท