เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ตอนที่ 15.2

ตอนที่ 15.2

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 15.2

ตอนที่ 15.2

 องค์จักรพรรดินีพ่ะย่ะค่ะ โครอีธานอังเกนัสขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ 

 ให้เข้ามาได้ 

องค์จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรแลมบลู ราวีนี่ใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งดอกไม้ที่เพิ่งหยิบขึ้นมาพลางเอ่ยอนุญาต

ไม่นานหลังจากนั้น คนสนิทของนาง หรือโครอีธานผู้ดูแลรับผิดชอบกลุ่มการค้าดิวรักก็ย่างกรายเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง

นางต้อนรับเขาทั้งๆ ที่ยังคงไม่ละสายตาไปจากก้านดอกกุหลาบสดใหม่

 องค์จักรพรรดินี กระหม่อมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ 

โครอีธานถอดหมวกออก แนบไว้ที่หน้าอก ด้วยท่าทางดูคุ้นเคยเป็นอย่างดี

 ที่ข้ากำลังรออยู่ไม่ใช่เจ้า แต่เป็นข่าวดีเกี่ยวกับกิจการต่างหาก ไม่รู้หรือไง โครอีธาน? 

 ปะ…เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะมามือเปล่าได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ จักรพรรดินี 

คำพูดเฉียบขาดไร้เยื่อใยของจักรพรรดินี ทำเอาเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มแผ่นหลัง แต่โครอีธานก็ยังคงเอ่ยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พยายามไม่แสดงอาการออกไปได้สำเร็จ

 ลองอ่านนี่ดูสักครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ 

สิ่งที่โครอีธานยื่นออกไปด้วยมือทั้งสองข้างคือ รายงานผลฉบับย่อ

มือขาวเนียนของจักรพรรดินีถอดถุงมือสำหรับใช้จัดแต่งดอกไม้ออก ก่อนจะรับสิ่งนั้นมาถือไว้

โครอีธานเองก็ลอบสังเกตท่าทางของจักรพรรดินี เมื่อเห็นว่าสีหน้าของพระองค์ที่กวาดสายตาอ่านรายงานอย่างรวดเร็วดูแล้วไม่ได้เลวร้ายนัก จึงค่อยยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ

 ตามที่เขียนถวายผ้าทอโคโรอีจะเตรียมพร้อมสำหรับวางขายได้เสร็จสมบูรณ์ในสัปดาห์หน้าพ่ะย่ะค่ะจะเริ่มจัดจำหน่ายโดยใช้ย่านการค้าเซดาคิวนาร์ที่เนืองแน่นไปด้วยร้านตัดเย็บสำหรับชนชั้นสูง… 

 แก้ไขปัญหาเรื่องอุปสงค์และอุปทานของพืชนี่ได้อย่างไรกันล่ะ โครอีธาน? 

ครั้งก่อนที่โครอีธานเดินทางมายังวังของจักรพรรดินี เขาได้รายงานว่ามีปัญหาเรื่องของปริมาณวัตถุดิบที่จัดหาได้จากตะวันออก ตัวเขายังคงจดจำแววตาเย็นชาของจักรพรรดินีเมื่อตอนนั้นได้ไม่ลืมเลยทีเดียว

หลังจากช่วงเวลาที่รู้สึกราวกับนิจนิรันดร์จักรพรรดินีก็ได้เสนอให้เขาลองไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลลอมบาร์เดียดู

พอนึกถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นแล้ว หยาดเหงื่อก็ผุดขึ้นเต็มไปหมด สุดท้ายโครอีธานจึงต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าในเสื้อออกมา

มันคือผ้าเช็ดหน้าที่ตัดเย็บจากผ้าทอโคโรอี

 ได้รับความช่วยเหลือของลอมบาร์เดียตามที่พระองค์รับสั่งพ่ะย่ะค่ะ โล่งอกที่แคลอฮัน ลอมบาร์เดียมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางด้านสิ่งทอเป็นอย่างดี… 

 แคลอฮัน? 

จักรพรรดินีที่กำลังสวมถุงมือสำหรับจัดดอกไม้อีกครั้งหันไปมองโครอีธานเป็นครั้งแรก

 ไม่ใช่เบเจอร์? 

นี่เขาทำอะไรผิดพลาดลงไปอีกอย่างนั้นเหรอ

โครอีธานเริ่มรู้สึกหวาดกลัว ไหล่ผวาสั่นเทา

 ปะ…เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีตั้งใจว่าจะทำงานร่วมกับเบเจอร์ แต่เรื่องนั้น ขะ..เขาแทบไม่รู้เรื่องอันใดเลย… 

 หากเป็นแคลอฮัน งั้นก็หมายถึงบุตรคนเล็กของเจ้าตระกูลรึ 

จักรพรรดิดีเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น เมื่อนึกถึงชื่อแคลอฮันที่มีตำแหน่งอยู่ในซอกหลืบของแผนผังตระกูลลอมบาร์เดีย

 พ่ะย่ะค่ะ! เป็นคนที่รอบรู้มากทีเดียว! ว่ากันตามตรงหากมองเฉพาะมันสมองก็ถือว่าเบเจอร์เทียบไม่ติดเลยพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างพอเบเจอร์ถอนตัวออกไป คนสนิทของเจ้าตระกูลอย่างคนที่ชื่อเครย์ลีบันเองก็ยอมให้ความร่วมมืออย่างกระตือรือร้น งานจึงยิ่งดำเนินไปได้อย่างราบรื่นมากกว่าเดิม 

 ข้าจำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนั้นด้วยหรือไง โครอีธาน? 

เสียงของจักรพรรดินีที่เอ่ยแทรกตัดประโยคของตนทิ้ง แฝงไปด้วยความรำคาญใจเล็กน้อย

 ไม่พ่ะย่ะค่ะ! แน่นอนว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้โปรดมอบให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเองเถอะพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี 

โครอีธานรีบก้มหน้าลงต่ำจักรพรรดินีหยิบดอกไม้กิ่งถัดไปขึ้นมาถือ

 ไม่ใช่เบเจอร์ แต่เป็นแคลอฮัน…น่าสนใจดี 

นึกถึงใบหน้าของรูลลักผู้ที่นางไม่อาจล่วงรู้ถึงความคิดในใจได้ จักรพรรดินีก็แย้มรอยยิ้มแฝงไปด้วยเลศนัย

ปกติแล้วบุตรชายคนโตจะต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูล แต่มันก็ไม่อาจมีใครรับประกันได้ทั้งนั้น

พวกตระกูลชั้นสูงตระกูลใหญ่ ก็มักจะก่อสงครามแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดจนเลือดสาดกันทั้งสิ้น แน่นอนว่าเชื้อพระวงศ์เองก็เป็นเช่นนั้น

ราวีนี่ไม่ถูกใจมันเสียเลย

กริบ

เสียงน่าขนลุกดังขึ้นพร้อมกับกลีบดอกกุหลาบจากกิ่งกุหลาบที่ราวีนี่ถือไว้ถูกตัดแบ่งออกเป็นสองซีก

เพราะเมื่อนึกถึงคนชั้นต่ำที่มีนัยน์ตาสีเดียวกันกับสีแดงสดของดอกกุหลาบขึ้นมา นางก็ไม่อยากจะมองแม้แต่ดอกกุหลาบนี่อีกต่อไปแล้ว

จักรพรรดินีวางกรรไกรตัดดอกไม้ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยถามโครอีธาน

 แคลอฮันมีบุตรหรือไม่ 

 พ่ะย่ะค่ะ มีบุตรสาวชื่อฟีเรนเทียอยู่นางหนึ่ง เคยได้ยินจากแคลอฮันอยู่ว่าใกล้จะอายุครบแปดขวบแล้วพ่ะย่ะค่ะ 

 บุตรสาวอย่างนั้นหรือ แบบนี้นี่เอง ถ้าอายุแปดขวบก็ถือว่าไม่แย่นัก 

 พะ…พ่ะย่ะค่ะ 

โครอีธานพูดตอบออกไปได้เพียงแค่นั้น เพราะเขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจักรพรรดินีทรงต้องการจะทำอะไรกันแน่

 วันนี้อาสทาน่าไปพบบุตรชายของเบเจอร์ที่ลอมบาร์เดียพอดี กลับมาคงต้องลองถามดูเสียหน่อย 

จักรพรรดินีเอ่ยพูดด้วยใบหน้ายิ้มกว้างดั่งดอกไม้บานเมื่อนึกถึงโอรสที่พระองค์รักเป็นอย่างยิ่ง

 ต้องถามดูเสียหน่อยว่าอยากได้เพื่อนเล่นผู้หญิงหรือไม่ 

ริมฝีปากสีแดงสดที่ยกยิ้มกว้างนั่น เป็นสีแดงสดยิ่งกว่าดอกไม้ที่ถูกตัดจนเละ

 เอาละ นี่เรียกว่าการเล่นซ่อนแอบนะ ครั้งนี้ข้าจะเป็นคนหาให้เอง ส่วนพวกเจ้าไปซ่อน 

 ว้าว! เพิ่งเคยเล่นครั้งแรกเลย! น่าสนุก! 

 น่าตื่นเต้นจัง ตื่นเต้น! 

ฟีเรนเทียยกยิ้มด้วยความพอใจพลางมองดูสองแฝดที่กำหมัดกระทืบเท้า

หุหุ เด็กพวกนี้นี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย

 ขอแค่ไม่ออกไปจากอาคารหลัก จะซ่อนที่ไหนก็ได้ทั้งหมดเลย แต่สถานที่ที่ปิดแน่น ห้องที่ไม่มีคน หรือที่อันตรายอย่างบ่อน้ำเหมือนเมื่อครั้งก่อนพวกนั้น ห้ามนะ เข้าใจมั้ย 

 อื้อๆ !  

 เอาละ งั้นจะนับถึงร้อยนะ 

เธอแนบหน้าเข้ากับเสาพลางเอ่ยพูด

 เอาละ หนึ่ง! สอง! สาม! สี่! 

ได้ยินเสียงฝีเท้าสองคู่วิ่งตุบตับไปในทิศทางเดียวกัน กะแล้วเชียวว่าสองแฝดนี่แม้แต่ซ่อนแอบก็ยังซ่อนด้วยกันไม่ยอมแยก

เธอนับเลขต่อไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็คิดว่าคงจะตามหาได้สบายน่าดู

 สิบ! สิบเอ็ด! …แหม ขาจ๋า คราวนี้สบายหน่อยนะ 

ถึงยังไงก็วิ่งไปไกลโน่นแล้ว ไม่มีทางได้ยินเสียงเธออยู่แล้ว

ฟีเรนเทียถูกลากออกมาข้างนอกนี่ ก็เพราะสองแฝดนั่นวิ่งมาหาตั้งแต่เช้าตรู่ งอแงบอกให้ไปเล่นด้วยกัน

พอเธอถามออกไปว่าพวกเจ้าไปเล่นด้วยกันแค่สองคนไม่ได้หรือไง สองคนนั่นก็บอกว่าตอนนี้เล่นแค่สองคนมันไม่สนุกแล้ว ต้องให้เธอไปเล่นด้วยถึงจะสนุก พากันพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดเหมือนกับนกแก้ว

เพราะฉะนั้นการละเล่นที่จะทำให้พวกเด็กๆ ชอบอกชอบใจกันไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็คือการเล่นซ่อนแอบนั่นเอง

 ฮ่า เงียบสงบดีจัง  พอไม่มีเสียงพูดพล่ามไม่หยุด ก็ให้ความรู้สึกสงบสุขได้ขนาดนี้เชียว

เธอตั้งใจว่าจะนั่งพักที่ไหนสักครู่ แล้วค่อยไปตามจับคู่แฝด ก่อนจะเดินหาสถานที่เหมาะสมที่แดดส่องลงมาอย่างอบอุ่น ทว่าสายตากลับเห็นเด็กคนหนึ่งยืนอยู่คนเดียวบนถนนสายที่ใช้เดินไปยังอาคารย่อยซึ่งเงียบห่างจากอาคารหลักที่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาหลายคน เขาเป็นเด็กผู้ชายผิวขาว ผมบลอนด์เข้มเกือบเป็นสีน้ำตาล

 ใครกัน 

ใบหน้าไม่คุ้นเคย อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเบเลซัก

ดูจากท่าทางที่หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ กับเสื้อผ้าที่สวมใส่นั่น ดูแล้วไม่น่าจะเป็นลูกของคนงานเสียด้วยสิ

ฟีเรนเทียเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้น คิดว่าถ้าหากเขาหลงทาง เธอก็จะให้ความช่วยเหลือเขาแต่เด็กนั่นกลับถอดหมวกออกโยนมันลงพื้น แล้วกระทืบด้วยรองเท้า ท่าทางจะหงุดหงิดน่าดู

ท่าทางชั่วร้ายเอาแต่ใจนั่น ดูคุ้นเคยเหมือนไม่ได้เคยทำแค่ครั้งสองครั้ง

เธอหยุดฝีเท้าทั้งๆ ที่ระยะห่างระหว่างเธอกับเด็กคนนั้นตอนนี้ก็ห่างไม่มากแล้ว

ไม่อยากจะเข้าไปใกล้เลย

สัญชาตญาณมันร้องเตือนบอกให้เธอหันหลังเดินกลับไป

ควรจะไปตามหาสองแฝดนั่นได้แล้ว

แต่แล้วในตอนที่เธอคิดเช่นนั้นถึงได้หมุนตัวกลับ

ลมวูบใหญ่พัดผ่านมาจากที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้กลับพัดเข้ามา ทำให้หมวกที่ถูกเด็กคนนั้นกระทืบเท้าใส่ปลิวไกลห่างออกไปบนพื้นหญ้า

เด็กนั่นหันรีหันขวางคล้ายกับตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพบว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้เข้าจนได้

 เจ้าตรงนั้นน่ะ เก็บหมวกนั่นมาซะ 

 หา? 

 หูหนวกหรือไง ข้าสั่งให้เก็บหมวกของข้ามา 

 เหอะ นี่มันอะไรกัน… 

เธอกลั่นกรองคำด่าสาปส่งด้วยความหยาบคายจากความโมโหที่พลุ่งพล่านขึ้นมาให้มันบริสุทธิ์ขึ้นมาระดับหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยพูดออกไป

 เจ้านั่นแหละไปเก็บ ไอ้เด็กนิสัยเหมือนเบเลซักนี่ 

มันคือคำด่าที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เธอซึ่งไม่อาจใช้ถ้อยคำหยาบคายจะนึกออกแล้วไอ้เด็กนี่…

ใบหน้าดูดีของเด็กชายกลับขมวดคิ้วแน่น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงโอหัง

 หากไปเก็บมาตอนนี้ ข้าจะละเว้นเจ้าก็ได้ 

 ไอ้เด็กเหมือนเบเลซักนี่ เห่าอะไรอยู่ได้ 

เธอกอดอกแน่นพลางเอ่ยพูด

 เจ้าเองก็ลองโดนตีด้วยหนังสือสักหลายครั้งหน่อยดีมั้ย นั่นดูจะให้ผลทันใจเหมือนกันนี่นะ 

 ยายอัปลักษณ์นี่พูดจาสามหาวจริงๆ 

นิสัยจองหอง หยาบคายที่ไม่รู้มีรากฐานมาจากไหนนั่น มันเป็นกรรมพันธุ์ที่สืบทอดกันมาของพวกเด็กตระกูลชั้นสูงหรือไง

เบเลซักเองก็ชอบพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นเป๊ะ

เธอไม่ได้พูดไปเฉยๆ แต่ไอ้เด็กนี่นิสัยเหมือนเบเลซักจริงๆ

เดี๋ยวนะ

พอลองมองใบหน้าของเด็กที่ไม่อาจรู้ตัวตนที่แท้จริงได้คนนี้ ลางสังหรณ์ร้ายบางอย่างก็กระแทกเข้าที่หลังศีรษะของเธออย่างจัง

 ระ…หรือว่า… 

 เจ้าชาย! เจ้าชาย อยู่ที่ไหนเพคะ! 

ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนตามหาใครบางคนด้วยความกระวนกระวายใจดังขึ้นจากที่ไกลๆ

 ถะ…ถ้าเป็นเจ้าชายงั้นก็ 

อาณาจักรแห่งนี้มีองค์หญิงอยู่หลายพระองค์ แต่เจ้าชายนั้นมีเพียงแค่สองพระองค์เท่านั้น

และเธอก็รู้จักใบหน้าดูดีนั่นในเวอร์ชั่นโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้อีกหลายปีเป็นอย่างดี

 หรือว่า เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง…? 

เด็กคนนั้นกระตุกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งแทนคำตอบของคำถามของเธอ

 ไปเก็บมา 

จริงด้วย

แฝดวิญญาณของเบเลซักตัวการหลักที่ทำให้ตระกูลของเราพังทลาย

เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง อาสทาน่า เนเรมเฟย์ ดิวเรลลี่

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท