วันต่อมา
เธอถือของว่างกับยาบำรุงที่ท่านปู่ต้องดื่มไปหาท่านที่ห้องนอนตั้งแต่เช้าตรู่
โอ้ว เทียของปู่มาแล้วหรือ!
ท่านปู่รอต้อนรับเธอด้วยความดีใจเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ ท่านปู่
ปู่บอกแล้วไงว่าปู่คนนี้เป็นปกติดี แล้วนี่ที่บาดเจ็บเป็นยังไงบ้างล่ะ เทีย
ข้าเองตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วละค่ะ อีกไม่กี่วันก็ถอดเฝือกออกได้แล้วค่ะ
ค่อยโล่งอกไปทีนะ
ท่านปู่ลูบผมเธอพลางพูดขึ้น
ว่าแต่มาหาแต่เช้าแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือ
ช่วงนี้เธอมาเยี่ยมทุกวันก็จริง แต่ปกติมักจะแวะมาในช่วงกลางวันเสียมากกว่า ท่านปู่เลยถามด้วยความเป็นห่วงว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า
เหตุผลที่เธอลงมือเคลื่อนไหวตั้งแต่เช้านั้นง่ายมาก
เมื่อคืนเครย์ลีบันไปพบชานาเนส และได้แจ้งวิธีแยกเช็คปลอมให้แล้วยังไงล่ะ
จากนิสัยของชานาเนส เรื่องสำคัญอย่างเช็คปลอม นางย่อมไม่มีทางปล่อยให้ล่าช้าไปมากกว่านี้แน่
แต่ยังไงก็ตอบออกไปแบบนั้นไม่ได้นี่นะ
เธอฉีกยิ้ม
ก็แค่วันนี้อยากรีบๆ พบท่านปู่ไวๆ น่ะค่ะ!
อย่างนั้นหรือ ฮ่าฮ่าฮ่า
ท่านปู่ยิ้มกว้าง หัวเราะเสียงดังอีกครั้ง
แต่แล้วในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
ในที่สุดก็มาแล้วสินะ
เธอคิดเช่นนั้น ก่อนจะวิ่งตรงไปเพื่อเปิดประตูออก
ใคร…เห?
ไม่ใช่ชานาเนส
ทันทีที่เธอเปิดประตูออก ก็พบผู้ชายอายุหลากหลายช่วงวัยประมาณหกคนยืนอยู่ตรงหน้า
หืม
พวกเขาเองก็เบิกตากว้าง คงไม่ทันได้คิดเลยว่าจะได้พบกับเธอตรงนี้
คุณหนูฟีเรนเทีย…ไม่ใช่หรือครับ
สวัสดีค่ะ ท่านเจ้าตระกูลทุกท่าน
เธอจับชายกระโปรงทักทายอย่างมีมารยาท
ผู้ที่มาเข้าพบคือเหล่าเจ้าตระกูลจากตระกูลใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดีย
เธอมองเห็นโรมาเชีย ดิลลาร์ด บิดาของเครย์ลีบัน และเจ้าตระกูลเฮย์ลิ่งผู้เป็นบิดาของคาอิลรัส
ว่าแต่ทุกคนแบกอะไรมากันล่ะนั่น ทั้งสองมือถึงได้ถือสัมภาระรุงรังดูหนักชอบกล
อา ว่าแล้วเชียว ชีวิตในสังคมมันเป็นเรื่องลำบากมากสินะ
เธอส่งยิ้มให้เจ้าตระกูลทุกท่านแทนความหมายบอกให้พวกเขาสู้ๆ ในขณะที่พูดไปด้วย
วันนี้ก็เหนื่อยกันตั้งแต่เช้าเลยนะคะ
อา ครับ…คุณหนูก็เช่นกัน…
เจ้าตระกูลเฮย์ลิ่งตอบคำพูดของเธอโดยอัตโนมัติ แต่แล้วเขาก็ได้แต่ยกมือขึ้นเกาหลังศีรษะแกรกๆ ด้วยรู้สึกว่านี่มันมีอะไรแปลกๆ หรือเปล่าเนี่ย
เข้ามาเถอะ
ท่านปู่ยกมือให้สัญญาณในขณะที่กล่าวขึ้น เหล่าเจ้าตระกูลจึงถือข้าวของในมือพากันเดินเข้ามาในห้อง
…นี่อะไรกัน
ท่านปู่สวมชุดคลุมสีน้ำตาลแดงทับลงบนร่าง หยัดกายขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แต่แล้วก็ต้องถามขึ้นด้วยความตกใจ
แต่ละคนนำของบำรุงที่ดีต่อสุขภาพมาให้น่ะครับ
โรมาเชีย ดิลลาร์ด ยิ้มด้วยความเขินอายเล็กน้อย แล้วตอบ
นี่คือน้ำผึ้งจากเพลโทรครับ มันดีต่อระบบทางเดินหายใจมากเลยนะครับ
ข้านำชุดเครื่องนอนชั้นดีมาให้ครับ ถ้าต้องนอนอยู่บนเตียงยังไงเครื่องนอนก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากไม่ใช่หรือครับ
ของข้าเป็นผลไม้หายาก…
เหล่าเจ้าตระกูลต่างแย่งกันแนะนำสิ่งของที่ตนนำมา
ท่านปู่จ้องมองพวกเขาทุกคน ก่อนที่จู่ๆ จะพูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม
หอบหิ้วข้าวของกันมาเยอะขนาดนี้ แสดงว่าอยากจะพูดเรื่องอะไรที่เกริ่นได้ยากสินะ
…
ราวกับโดนแทงถูกจุด บรรดาเจ้าตระกูลต่างก็ปิดปากแน่นในทันที
เธอมองพวกเขา ก่อนจะพูดกับท่านปู่
ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าออกไปรอด้านนอกนะคะ ท่านปู่
โอ้ เอาอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นปู่คนนี้จะรีบพูดคุยให้เสร็จ แล้วเดี๋ยวจะเรียกเจ้าเข้ามาใหม่ก็แล้วกัน
ได้ค่ะ ท่านปู่
ก็แค่แสร้งทำเป็นปลีกตัวให้อย่างคนรู้กาลเทศะเธอกล่าวลาเหล่าเจ้าตระกูลอีกครั้ง แล้วหลบออกไปจากห้องนอน
รู้สึกได้เลยว่าสายตาของพวกเขาทุกคนมองไล่ตามหลังเธอมา จนกระทั่งประตูถูกปิดลง
แต่ในตอนที่ประตูกำลังจะปิดสนิทส่งเสียงดังแกรก เธอก็ใช้ปลายเท้าของตัวเองขวางประตูเอาไว้
เริ่มได้ยินเสียงบทสนทนาภายในห้องดังออกมาจากด้านในห้อง ผ่านช่องประตูที่ถูกเปิดค้างไว้แคบเพียงแค่กระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้นถึงจะลอดผ่านไปได้
อืม แล้วนี่มีเรื่องอะไรกัน
ท่านปู่ถาม
คือว่า เรื่องนั้น…
ใครบางคนเริ่มลังเล
แต่ความลังเลนั้นก็กินเวลาไม่นานนัก
มีเรื่องต้องการรบกวนท่านเจ้าตระกูล ทุกคนก็เลยรวมตัวกันมาเข้าพบครับ
อา เสียงนี้เธอฟังออกอยู่ว่าเสียงใคร
ถึงจะแตกต่าง แต่เสียงก็ยังคล้ายคลึงกับเสียงของเครย์ลีบัน เจ้าของเสียงนั่นคือโรมาเชีย ดิลลาร์ด
เจ้าตระกูลจากตระกูลใต้บังคับบัญชามารวมตัวกันขอร้องอย่างนั้นหรือ…
ท่านปู่พูดด้วยน้ำเสียงเจือความขบขันเล็กน้อย
ได้ ข้าย่อมรับฟังด้วยความจริงใจ ลองพูดมาสิ
…อยากให้ท่านเจ้าตระกูลช่วยทบทวนการตัดสินใจอีกครั้งครับ
คราวนี้เป็นน้ำเสียงที่ฟังดูหนุ่มและหนักแน่นกว่า
เสียงทุ้มหนักแน่น น่าจะเป็นคนจากตระกูลเบรย์ที่มีร่างกายสูงใหญ่
ตัดสินใจเรื่องใด
…ช่วยคิดทบทวนการตัดสินใจเรื่องที่ให้ท่านเบเจอร์เป็นรักษาการเจ้าตระกูลอีกครั้งเถอะครับ