ตอนที่ 133
เล่นทำหน้าแบบนั้นแล้วเธอจะกล้าบอกให้เขาเลิกส่งของขวัญมาให้ได้ยังไงล่ะเธอได้แต่ลอบถอนหายใจ
พวกเราเดินดูของขวัญด้วยกันทีละชิ้นๆ พลางพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กันไปเรื่อยเปื่อย
เฟเรสอธิบายเกี่ยวกับของขวัญแต่ละอย่างที่เขาส่งมาให้ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ส่วนเธอก็จะถามเรื่องที่อยากรู้บ้างเป็นครั้งคราว
เฟเรส นี่เจ้าไปมาหมดทุกที่แล้วสินะเนี่ย
อื้อ ปิดเทอมทีไรก็ออกเดินทางท่องเที่ยวตลอด
เพราะอย่างนั้นเลยไม่กลับมาเมืองหลวงเหรอ
เฟเรสลังเลไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามของเธอ ก่อนจะเอ่ยตอบ
นั่นเป็นเพราะสัญญาที่ให้ไว้กับจักรพรรดินีน่ะ ข้ารับเงินจากนางแทนเงื่อนไขว่าจะเดินทางไปยังอะคาเดมี และจะไม่กลับมาเมืองหลวงอีกจนกว่าจะเรียนจบ
อ๋า ว่าแล้วเชียว
การจะสร้างกลุ่มการค้าย่อมต้องใช้เงินทุนก็คิดอยู่ว่าจู่ๆ เขาไปเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหน
เพราะฉะนั้นก็เลยออกเดินทางท่องเที่ยวแทน ได้เห็น ได้เรียนรู้อะไรมากมายเลยละเพราะข้าเองก็อยู่แต่ในวังมาตั้งแต่เกิดละมั้งเลยมีหลายสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน
เฟเรสพูดด้วยความขมขื่นเล็กน้อย
ก่อนที่จะได้พบกับเธอ ชีวิตของเฟเรสมีเพียงแค่วังเล็กๆ ที่ผุพังกับป่ารอบๆ เท่านั้น
ถึงแม้หลังจากได้พบกับเธอ และได้ย้ายมายังวังโฟอิรัคแล้ว สถานการณ์ของเด็กหนุ่มจะดีขึ้นมากก็เถอะ แต่ถึงยังไงทิศทางของเฟเรสมีแค่ไปๆ มาๆ ระหว่างเมืองหลวงกับลอมบาร์เดียอยู่ดี
เพราะอย่างนั้นถึงได้กระหายอยากได้ประสบการณ์ อยากเห็น อยากได้ยินเรื่องราวที่มากกว่านั้น
เธอตบไหล่เฟเรสพลางเอ่ยว่า
ทำได้ดีมาก ตอนนี้เจ้าเองก็ไม่ใช่เล่นๆ แล้วสินะเนี่ย รู้จักรีดไถเงินจักรพรรดินีแล้วแบบนี้
เฟเรสหัวเราะตามเธอ
เคยมาใกล้ๆ ลอมบาร์เดียอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่มาพบเทียไม่ได้ มันอันตราย
อันต…ราย?
บางครั้งก็ถูกโจมตีเอาเฉยๆ น่ะ
จักรพรรดินีคิดจะสังหารเจ้าสินะ
เฟเรสพยักหน้า
ใบหน้านั่นนิ่งสงบมากเกินไปแล้ว
เจ้า…!
เธอพูดเสียงดังกึ่งตะโกนด้วยความอึดอัดใจ
ตั้งแต่เด็กแล้วนะ เจ้าเป็นแบบนี้ตลอดเลย! เฟเรส เจ้าต้องรู้จักกลัว ต้องกลัวว่าจะบาดเจ็บ ต้องกลัวว่าจะตายหรือเปล่า ต้องโมโหเพื่อตัวเองบ้างสิ
พอนึกถึงเฟเรสตัวน้อยที่ห้ามไม่ให้เธอช่วยเหลือเขา บอกแต่ว่าเธอจะเป็นอันตรายไปด้วย ทั้งๆ ที่ใบหน้าของตัวเองซีดเผือดไร้สีเลือดจากการติดพิษจนจะตายอยู่แล้ว มันทำให้เธอรู้สึกหดหู่ใจมากจริงๆ
แต่เฟเรสกลับยิ้มจางยามมองใบหน้าเธอ
ยิ้มทำไม
ชอบน่ะ ก็เจ้าเป็นห่วงข้าไม่ใช่หรือ
เฟเรส เรื่องนี้มันเป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ นะ…
ข้ารู้ เฟเรสกล่าวเสียงทุ้มแต่ก็ยังคงพูดด้วยใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอยู่ดี
ไม่ต้องห่วงนะ เทีย ข้าจะมีชีวิตรอด เพราะตอนนั้นเจ้าเป็นคนสั่งให้ข้ามีชีวิต สั่งให้ข้ามีชีวิตรอดต่อไป
นั่นคือประโยคที่เธอเคยพูดเมื่อตอนได้พบเขาในป่า
จำเรื่องพวกนั้นได้ด้วยเหรอเนี่ย
ความรู้สึกตื้นตันใจตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ พร้อมกับจิตวิญญาณสู้รบที่ไม่ได้รู้สึกมุ่งมั่นแบบนี้มาเสียนานพลันลุกโชนขึ้นมา
ต้องรีบๆ ผลักไสจักรพรรดินีกับอาสทาน่าออกไปให้พ้นทางไวๆ เสียแล้ว
เฟเรส
อื้อ?
ต่อไปข้าคงจะยุ่งนิดหน่อย
…อื้อ ได้ยินแล้วละ ว่าเจ้าจะรับผิดชอบกิจการของตระกูลลอมบาร์เดีย
ดูเหมือนข่าวลือจะแพร่ไปไกลจนเฟเรสได้ยินแล้วสินะ
ใช่แล้วละเฟเรส เจ้าเองช่วงนี้ก็ยุ่งสุดๆ เลยไม่ใช่หรือไง
…ข้า?
เฟเรสเอียงคอด้วยความงุนงง
อา ใช่แล้วเรื่องกลุ่มการค้าโมนัคเป็นความลับนี่นะ
มีประชุมใหญ่กับองค์จักรพรรดิ ที่มีสภาขุนนางเข้าร่วมกันทั้งหมดอยู่ไม่ใช่เหรอ ต้องเตรียมตัวสำหรับเรื่องนั้นไง
อ๊ะ อื้อ ก็ใช่
เพราะฉะนั้นต่อไปถ้าจะมาหาก็ติดต่อมาบอกกันก่อน อุตส่าห์สละเวลาอันมีค่าปลีกตัวมา จะปล่อยให้มาเสียเที่ยวได้ยังไง
….อื้อ เข้าใจแล้ว
เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยความหม่นหมอง
ติดต่อมาล่วงหน้าสักหนึ่งสัปดาห์ได้มั้ย
อะไรนะ หนึ่งสัปดาห์
ถ้าสั้นไปงั้นก็…สิบวัน ประมาณนั้นได้หรือเปล่า
หน้าตาของเฟเรสดูจริงจังมาก ท่าทางคงจะถามจากใจจริง
ภาพลักษณ์ใสซื่อนั่นทำเอาเธอเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว
เธอชูมือขึ้นสูง ลูบศีรษะเฟเรสด้วยความเอ็นดูพลางเอ่ยว่า
แค่วันสองวันก็พอแล้ว เจ้านี่นะ ข้าแค่หมายความว่าให้ติดต่อมาก่อนแล้วค่อยมาหา
…โล่งอกไปที
เฟเรสยิ้มพลางพึมพำเสียงแผ่วด้วยความโล่งใจ
* * *