เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 3 บทที่ 127.2

เล่ม 3 บทที่ 127.2

เครย์ลีบันยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาไขว่ห้างอย่างผ่อนคลายพลางพูดว่า

 ไม่ใช่เรื่องงานของร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันหรอกครับ ร้านขายเสื้อผ้าตอนนี้ต่อให้ไม่มีข้า ก็อยู่ได้อย่างมั่นคงปลอดภัยดีแล้ว เพียงแต่เรื่องเขตแดนเชซายู… 

 เรื่องที่ดินทางใต้ที่ได้รับพระราชทานพร้อมเหรียญเกียรติคุณนั่นเอง ได้ยินว่าช่วงนี้ก็เดินทางไปยังเขตแดนเชซายูอยู่บ่อยๆ ใช่มั้ยครับ 

 ครับ มันเป็นสถานที่ที่เงียบสงบและมีอิสระเหมือนอย่างที่ท่านป้าบอกจริงๆ เพียงแต่… 

ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแคลอฮันอีกครั้ง

 ถึงแม้ข้าจะได้รับมอบที่ดินมาไว้ในครอบครอง แต่ดูเหมือนจะเป็นเพราะข้าไม่ได้สนใจมันมาเสียนานมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องของร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันละมั้งครับ สภาพคล่องทางการเงินของเขตแดนเชซายูจึงยังไม่ค่อยดีเลยครับ 

 ย่ำแย่ขนาดไหนถึงได้กังวลมากแบบนี้หรือครับ 

 อา แน่นอนว่าพวกพลเมืองก็ไม่ถึงกับอดอยากหรอกครับ แต่มันก็ค่าเท่านั้นอยู่ดี 

เชซายูเป็นเขตแดนขนาดไม่เล็ก อีกทั้งยังมีพลเมืองอาศัยอยู่นับหมื่น

พูดให้ชัดเจนก็หมายความว่า ชีวิตของคนนับหมื่นเหล่านั้น ในตอนนี้ขึ้นอยู่กับแคลอฮันแล้ว

มันทำให้แคลอฮันที่เพิ่งจะเริ่มดูแลบริหารเขตแดนเชซายูได้ไม่นาน รู้สึกได้ถึงภาระอันใหญ่หลวงที่เกินกว่าจะแบกรับไหว

 ปีที่การเพาะปลูกได้ผลผลิตสูงก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ อย่างไรก็มีอาหารให้กินกันอยู่แล้ว แต่ในปีที่มีภัยแล้งจนผลผลิตไม่ดีนัก มีอีกหลายร้อยชีวิตต้องล้มตายน่ะครับ เพราะทั่วทั้งเขตแดนก็พึ่งพาเพียงแค่เรื่องการเพาะปลูกอย่างเดียว 

 พูดตามตรง เขตแดนที่เลือกปกป้องรักษาชีวิตของสามัญชนในอาณาจักรแห่งนี้ กลับเป็นเรื่องแปลกมากกว่าครับ 

เครย์ลีบันพูดอย่างเลือดเย็น

 ข้าเองก็ทราบครับ แต่ว่า… 

รอยย่นปรากฏขึ้นบนหน้าผากของแคลอฮัน

 ข้าเห็นท่านพ่อบริหารจัดการลอมบาร์เดียมาตลอดทั้งชีวิตครับ ถึงแม้จะไม่ได้หวังให้เชซายูพัฒนาได้เหมือนลอมบาร์เดียในระยะเวลาอันสั้นก็เถอะ แต่อย่างน้อยข้าก็อยากให้มีวิธีที่พอจะทำให้พลเมืองในเชซายูได้ใช้ชีวิตกันอย่างมั่นคงหน่อยน่ะครับ เหมือนอย่างประชาชนของลอมบาร์เดีย 

 …โลภมากเหมือนกันนะครับเนี่ย 

แคลอฮันระเบิดหัวเราะเสียงดังด้วยความเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเครย์ลีบัน

 ฮ่าฮ่า ใช่มั้ยล่ะครับ 

 แต่ก็ในฐานะของคนที่กลายเป็นผู้รับผิดชอบเขตแดนเขตหนึ่ง ก็ถือเป็นความกังวลที่เท่มากเลยนะครับ 

 ขะ ขอบคุณครับ ได้รับคำชมเช่นนั้นจากคุณเครย์ลีบันเลยหรือนี่ 

 …หากใครมาได้ยินเข้า คงได้เข้าใจว่าข้าเป็นพวกเลือดเย็น ไม่รู้จักพูดจาดีๆ กับคนอื่นเขาบ้างหรอกครับ 

แต่แคลอฮันกลับหัวเราะกระอักกระอ่วน หลบเลี่ยงที่จะตอบคำพูดนั่น

เครย์ลีบันจ้องหน้าแคลอฮันที่ทำตัวเช่นนั้นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ

 นอกจากที่ดินกว้างใหญ่ให้ทำการเพาะปลูกแล้ว ผืนดินเชซายูยังมีทรัพย์สินอีกอย่างหนึ่งนะครับ 

 มันคือ…อะไรหรือครับ 

 แม่น้ำยังไงล่ะครับ เขตแดนเชซายูตั้งอยู่ในบริเวณการบรรทุกขนส่งของลุ่มแม่น้ำนกทาร์ที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่หรือครับ 

 อา… 

 และถ้าหากเดินทางผ่านแม่น้ำนกทาร์นั่นลงไปหน่อยละก็ 

 มันจะไปตัดกับแม่น้ำเอลวี่ที่เชื่อมต่อไปจนถึงเขตแดนรูมันทางตะวันออกใช่มั้ยครับ!  

 ใช่แล้วละครับ 

รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเครย์ลีบัน

 ก็เหมือนกับว่าเชซายูเป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคม ที่ช่วยเชื่อมต่อระหว่างภาคกลางกับภาคใต้นั่นแหละครับ ข้าคิดว่ามันมีจุดแกร่งมากพอจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางการค้า ที่สามารถเลี่ยงเส้นทางเดินเขาที่มักจะใช้เดินทางเชื่อมต่อไปจนถึงตะวันออกได้ด้วยครับ 

 ว่าแล้วเชียว คุณเครย์ลีบัน! 

เครย์ลีบันยักไหล่ไม่แยแสคำสรรเสริญของแคลอฮัน

ความหมายของมันคือ ‘เรื่องแค่นี้เอง’

ในตอนนั้นเอง บุตรชายฝาแฝดของชานาเนสก็เข้ามาร่วมโต๊ะของทั้งคู่

 ผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่ทำไมเนี่ย 

 ก็คนมากมายมารวมตัวกันนี่นา คงมาเพื่อแสร้งทำเป็นว่าตัวเองเจ๋งเสียเต็มประดานั่นแหละ 

 พูดเรื่องอะไรกันหรือ คิลลีวู เมโลน 

คำถามของแคลอฮันทำให้สองแฝดแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตอบ

 องค์…จักรพรรดินีมาหาเรื่องเทียอีกแล้วน่ะสิครับ 

 คิดหาทางกดข่มเทียทุกครั้งที่เจอหน้ากันในงานเลี้ยงเลย 

 ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จเสียหน่อย แล้วจะพยายามทำอยู่เรื่อยทำไมเนี่ย 

 ท่านแม่ก็เหมือนกัน เพราะผู้หญิงคนนั้น…เพราะจักรพรรดินีเสด็จมาร่วมงาน ทำให้ท่านแม่รำคาญจนไม่ยอมมาร่วมงานเลี้ยง 

 อึก เกลียดชะมัด 

สีหน้าของแคลอฮันที่ได้ยินบทสนทนาของสองแฝดพลันมืดครึ้มในทันที

บั้นท้ายของเขาขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปแล้วด้วยซ้ำ

 ท่าทางข้าคงจะต้องไปดู… 

 ท่านฟีเรนเทียไม่เป็นอะไรหรอกครับ 

เครย์ลีบันเอ่ยห้ามแคลอฮันเอาไว้

 ไม่ต้องกังวลมากไปหรอกครับ 

น่าเป็นห่วงจักรพรรดินีที่คิดหาเรื่องท่านฟีเรนเทียมากกว่าละมั้ง

เครย์ลีบันลอบหัวเราะอยู่ในใจในขณะที่คิดเช่นนั้น

 ท่านฟีเรนเทียออกจะเฉลียวฉลาดปานนั้น ต่อให้เผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดินี ก็ย่อมผ่านมันไปได้โดยไม่มีการกระทบกระทั่งกันหรอกครับ 

 อย่างนั้นหรือครับ 

แคลอฮันพยักหน้าให้กับคำพูดของเครย์ลีบัน แล้วนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

แคลอฮันอดทนเอาไว้ไม่ไหว เขาลุกขึ้นพรวดจากที่นั่ง

 ยังไงก็คงไม่ได้หรอกครับ 

 ท่านแคลอฮัน 

 ข้าคงต้องไปตรวจเช็กให้แน่ใจเสียหน่อย ว่าเทียเป็นอะไรหรือเปล่า 

 เทียไม่เป็นอะไรครับ 

แต่แล้วก็มีอีกเสียงเอ่ยห้ามแคลอฮันเอาไว้

เป็นเฟเรสที่ถูกรูลลักแย่งเวลาอยู่กับเทียไปนั่นเอง

 …เจ้าชายลำดับที่สอง? 

แคลอฮันถามด้วยเสียงไม่แน่ใจนัก เพราะเขาจำได้แต่เฟเรสในวัยเยาว์

 ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ ท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย 

 กะ…เกือบจำไม่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ 

แคลอฮันตกใจจนพูดตะกุกตะกัก

เฟเรสเปลี่ยนไปมากจนน่าตกใจ

 ข้าเพิ่งไปพบเทียมาน่ะครับ ตอนนี้นางกำลังสนทนาอยู่กับท่านเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้ครับ 

 อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ… 

สีหน้าของแคลอฮันที่นิ่งเกร็งไปด้วยความเป็นห่วงบุตรสาวพลันสดใสขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

ในขณะเดียวกัน เครย์ลีบันที่ยืนอยู่ข้างกายแคลอฮันก็ได้แต่เบิกตากว้าง ไม่อาจละสายตาห่างไปจากเฟเรสได้เลย

เขาทราบดีอยู่แล้วว่า ฟีเรนเทียกับเฟเรสติดต่อหากันทางจดหมายอยู่เป็นประจำ

เพราะอย่างนั้นเขาจึงได้รับข่าวคราวของเจ้าชายลำดับที่สองจากท่านฟีเรนเทียอยู่บ่อยๆ เช่นกัน

เพียงแต่ข่าวสารที่เขาได้รับมีเพียงแค่เรื่องจำพวก ‘สนิทสนมกับใครบ้าง’ หรือไม่ก็ ‘สอบวิชาไหนได้ที่ 1 บ้าง’ เท่านั้น

เวลาล่วงเลยผ่านไป เขาได้เห็นฟีเรนเทียเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่เฟเรสที่เขาจดจำได้ก็เป็นเพียงแค่เด็กตัวน้อยที่จู่ๆ ก็ต้องเดินทางไปยังอะคาเดมีเท่านั้น

แต่เฟเรสที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปได้หกปีคนนี้ กลับอยู่เหนือกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก

‘แรงกดดันมหาศาลนัก’

เครย์ลีบันคิดเช่นนั้นในขณะที่เหม่อมองเฟเรส

ตอนนี้อีกฝ่ายอาจจะกำลังสนทนากับแคลอฮันด้วยท่าทางอ่อนโยนก็จริง แต่ถ้าหากคนเช่นนั้นคิดว่าเขาเป็นศัตรู แล้วใช้สายตาคู่นั้นจับจ้องมาทางนี้ละก็

อึก

เครย์ลีบันถึงกับกลืนน้ำลาย นิ่วหน้าลงโดยไม่รู้ตัว

คนที่มีรังสีในระดับนั้นเท่าที่เขาเคยรู้จักมา มีเพียงแค่รูลลักคนเดียวเท่านั้น

เขาเองก็เคยไปร่วมงานเลี้ยงในวัง เคยได้พบหน้าองค์จักรพรรดิโยบาเนสอยู่หลายครั้งแล้วก็จริง แต่คนพวกนั้นไม่ได้มีแรงกดดันอันรุนแรงเหมือนอย่างเฟเรสเลยสักนิด

ขณะที่คิดเช่นนั้น

เครย์ลีบันก็เผลอสบเข้ากับนัยน์ตาสีแดงของเฟเรส

 ยังคงเหมือนเดิมเลยสินะ 

และเครย์ลีบันก็สามารถอ่านความรู้สึกทั้งหลายแหล่ที่วาบขึ้นมาในนัยน์ตาคู่นั้นเพียงแค่ชั่วเสี้ยววินาที ถึงจะอ่านได้เพียงแค่น้อยนิดก็ตาม

 คุณชายเครย์ลีบัน เพลเลส เจ้าของร้านค้าเพลเลส 

มันเป็นความระแวดระวังที่มากพอจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ผสมผสานกับความรู้สึกสนใจเพียงเล็กน้อย

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท