ตอนที่ 129
ณ สำนักงานของร้านค้าเพลเลส
…ว่ายังไงนะครับ
เครย์ลีบันที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการจัดการงานในช่วงเช้าตกใจจนถึงกับต้องวางปากกาลง ในขณะที่เอ่ยถามกลับไป
เธอพูดให้เขาฟังอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้นิ่งสงบมากที่สุด
เฟเรสเป็นเจ้าของกลุ่มการค้าโมนัคค่ะ
…จริงหรือครับ
เครย์ลีบันหันไปถามเบ๊ตที่นั่งอยู่ข้างเธอ
ครับ ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ ข้าเองก็ตกใจเช่นกัน ถึงได้แจ้งให้ทราบหลังจากตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกหลายครั้งจนแน่ใจครับ
มะ ไม่สิ…จะเป็นไปได้ยังไง…
เครย์ลีบันยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตน เขาพูดอะไรไม่ออกจริงๆ
เธอเข้าใจความรู้สึกนั้นดีเลยละ
ตอนที่เธอได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรก เธอเองก็ตกใจมากเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเธอถามเบ๊ตไปกี่ครั้งแล้วว่าเขาแน่ใจใช่มั้ย เหมือนกับที่เครย์ลีบันกำลังถามอยู่ตอนนี้นี่แหละ
เธอช่วยเติมน้ำให้เครย์ลีบันด้วยความรู้สึกเหมือนเห็นภาพของตัวเองเมื่อคืน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
ดื่มน้ำสักแก้วก่อนนะคะ แล้วใจเย็นๆ ก่อน
ครับ…
เครย์ลีบันดื่มน้ำอึกๆ แต่ก็ยังคงงุนงงตั้งสติไม่ได้อยู่ดี
เขากะพริบตาปริบๆ ด้วยใบหน้าเหม่อลอย ก่อนจะพึมพำเสียงแผ่วราวกับในที่สุดก็ตระหนักเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
เพราะอย่างนั้นถึงได้ระแวงข้าขนาดนั้น ในเมื่อทางเหนือกำลังแข่งขันกับร้านค้าเพลเลสอยู่ตลอด…
มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอคะ
ครับ ที่งานเลี้ยงน่ะครับ ก่อนที่ท่านฟีเรนเทียจะกลับมาร่วมโต๊ะ…
อย่าใส่ใจมากไปเลยค่ะ ถ้าหากเฟเรสคิดระแวงกันจริงๆ เขาคงจะเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ในใจได้อย่างมิดชิดอยู่แล้ว ขนาดที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้เลยละค่ะ
ก็นะ คงเป็นเช่นนั้นแหละครับ…
เครย์ลีบันพยักหน้ายอมรับ เขาได้แต่หัวเราะเยาะตัวเอง
คิดว่าต้องเป็นพ่อค้ามากประสบการณ์แท้ๆ รู้สึกเหมือนโดนใครตีเข้าที่ท้ายทอยเลยครับ…
อา ที่พูดมานั่นก็ถูกต้องแล้วละครับ
เบ๊ตหยิบช็อกโกแลตสำหรับแขกที่วางเตรียมไว้บนโต๊ะใส่ปากหนึ่งชิ้น ก่อนจะเอ่ยว่า
กลุ่มการค้านั่นสร้างขึ้นมาภายใต้ชื่อของพ่อค้าวัยกลางคนนามว่าโนเชียร์ครับ แต่เจ้าของที่แท้จริงคือเจ้าชายลำดับที่สอง
อะไรกัน งั้นก็เหมือนข้ากับเครย์ลีบันเลยสินะคะเนี่ย
อา…
ถึงแม้จะพูดออกไปอย่างสงบ แต่เธอเองก็ตกใจมากเหมือนกัน
เพราะในชีวิตก่อนเธอไม่เคยได้ยินชื่อกลุ่มการค้าโมนัคเลยสักครั้ง
จะว่าไปเจ้าชายลำดับที่สองก็ไม่ธรรมดาเลยนะครับยืมนามคนอื่นสร้างกลุ่มการค้าขึ้นมาแบบนี้ อ๊ะ แน่นอนว่าเทียบกับคุณหนูฟีเรนเทียไม่ได้หรอกนะครับ
เครย์ลีบันกลับมามีท่าทางสงบนิ่งใจเย็นเหมือนทุกวัน เขาเน้นย้ำปลายประโยคที่เอ่ยชมเธอราวกับกลัวเธอจะน้อยใจอย่างไรอย่างนั้น
แต่ถ้าเป็นแบบนี้เจ้าชายลำดับที่หนึ่งก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าชายลำดับที่สองอีกต่อไปแล้วละครับ
ตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกันอยู่แล้วนี่คะ
ไอ้อาสทาน่าบ้านั่นจะไปเทียบอะไรได้
แต่เบื้องหลังเจ้าชายลำดับที่หนึ่งยังมีจักรพรรดินีอยู่ คงไม่ใช่การต่อสู้ที่ง่ายนักหรอกครับ
จักรพรรดินีราวีนี่ไม่ใช่คู่มือที่จัดการได้ง่ายแน่ค่ะ
เรื่องอื่นเธอไม่รู้หรอก แต่ความสามารถทางการเมืองของจักรพรรดินีที่ประเมินจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ หรือรู้ได้ในทันทีว่าคู่ต่อสู้ต้องการอะไรในปราดเดียวนั่น เป็นสิ่งที่เธอเองต้องยอมรับว่านางมีฝีมือจริงๆ
ช่วงนี้จักรพรรดินีดูจะขยันขันแข็งทีเดียวนะคะ
กระทั่งเบ๊ตเองก็ยังเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
ช่วงหลังมานี่ก็เห็นว่าค่อนข้างสนิทสนมกับไอบันทางเหนือมากพอตัวเลยครับ ทั้งยังเรียกตัวทางนั้นให้ไปเข้าเฝ้าที่วังจักรพรรดินีอยู่บ่อยครั้งด้วย
คงคิดจะวางรากฐานสำหรับขึ้นเป็นองค์รัชทายาทนั่นแหละค่ะ
การเลือกตัวเจ้าชายที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ไม่ว่ายังไงก็เป็นอำนาจสิทธิ์ขาดขององค์จักรพรรดิแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีขั้นตอนที่ต้องผ่านการเห็นชอบจากขุนนางประจำอาณาจักรอย่างเป็นทางการเสียก่อนหากจักรพรรดิต้องการจะแต่งตั้งองค์รัชทายาท ขั้นแรกคือจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากทางสภาขุนนางหากเสียงส่วนใหญ่ของสภาขุนนางให้ความเห็นชอบ หลังจากนั้นก็ยังจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากตัวแทนแต่ละภาคทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก และภาคกลางของอาณาจักรอยู่ดี จากนั้นการลงคะแนนเสียงจึงจะถือว่าได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์
ตัวแทนของแต่ละภาคนั้นคือตระกูลที่ครอบครองเขตแดนที่กว้างใหญ่ที่สุดของแต่ละพื้นที่
รูมันจากภาคตะวันออก เซอเชาว์จากภาคใต้ อังเกนัสจากภาคตะวันตก ไอบันจากภาคเหนือ และสุดท้าย ลอมบาร์เดียจากภาคกลาง
ในปัจจุบันเป็นเช่นนั้น
และเนื่องจากระเบียบขั้นตอนเหล่านี้มีอำนาจบังคับทางกฎหมายที่สำคัญถ้าหากวันที่ได้รับการแต่งตั้งไม่อาจบรรลุเงื่อนไขนี้ได้ทั้งหมด ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์ในฐานะองค์รัชทายาทที่ ‘ชอบธรรม’
ถึงแม้เป็นที่แน่นอนว่ากรณีส่วนใหญ่แล้ว พวกขุนนางมักจะเอนเอียงตัดสินใจตามองค์จักรพรรดิก็ตามที
ก่อนอื่นเจ้าชายลำดับที่สองจำเป็นต้องได้รับความนิยมจากทางสภาขุนนางเสียก่อน และในเมื่อองค์จักรพรรดิเองก็ยอมให้เขามีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมใหญ่แล้ว ปัญหาเรื่องนั้นก็คงแก้ไขได้ไม่ยากนะครับ
คำพูดของเครย์ลีบันถูกต้องแล้ว
ในชีวิตก่อนพวกสภาขุนนางเองก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ขวางหน้าเฟเรสเช่นกัน
ปัญหาคือ
กุญแจหลักคงจะเป็นการได้รับความเห็นชอบจากตระกูลตัวแทนของแต่ละภาคสินะครับ
เครย์ลีบันขยับแว่นสายตาพลางเอ่ยว่า
ต่อให้เกลี้ยกล่อมตระกูลอื่นได้ แต่อังเกนัสทางตะวันตกจะทำยังไงได้ล่ะครับ จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์แท้ๆ
เบ๊ตเอียงคอถามด้วยความสงสัย
ในชีวิตก่อนไม่ใช่แค่อังเกนัสจากทางตะวันตกเท่านั้น แต่เฟเรสต้องเผชิญหน้ากับลอมบาร์เดียที่ตั้งตัวอยู่ฝ่ายตรงข้ามเขาด้วย
และสำหรับภาคตะวันตก เฟเรสก็ได้จัดการปัญหาเรื่องนี้ด้วยการลากอังเกนัสลงจากการเป็นตระกูลตัวแทน ส่วนลอมบาร์เดียจากภาคกลางก็โดนข้อหาหลบเลี่ยงภาษีและวางแผนก่อการกบฏ ทำให้ต้องปิดประตูคฤหาสน์โดนล้มล้างทั้งตระกูลยังไงล่ะ
เจ้าเด็กน่ากลัว
พอนึกถึงภาพของเฟเรสในชีวิตก่อนที่มีแต่ความอาฆาตพยาบาทขึ้นมา ไหล่ของเธอก็สั่นเทาไม่หยุด
ทำให้เครย์ลีบันหันมามองเธอด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย
ท่านฟีเรนเทีย
ไม่มีอะไรค่ะเรื่องเฟเรสกับกลุ่มการค้าโมนัคน่ะช่างเถอะ ทางเราล่ะคะ เป็นยังไงกันบ้าง
ถึงแม้กลุ่มการค้าโมนัคจะน่ารำคาญไปบ้าง แต่โล่งอกที่ทางเราก็จัดการซื้อต้นทรีบ้าได้ค่อนข้างมั่นคงแล้วครับ
ดูเหมือนไวโอเล็ตคงจะพยายามอย่างหนักเลยสินะคะเนี่ย
ไม่รู้จักยอมแพ้เลยสักนิด ท่านฟีเรนเทียเองก็ทราบนิสัยของไวโอเล็ตดีไม่ใช่หรือครับ นางยอมตายดีกว่าทำให้ท่านฟีเรนเทียต้องผิดหวัง
คำพูดของเครย์ลีบันทำให้เธอต้องหัวเราะออกมา เพราะมันเป็นเรื่องที่ห้ามปรามไม่ได้เลยจริงๆ
เพราะในบรรดาคนที่เธอรู้จักทั้งหมด ไวโอเล็ตเป็นคนที่ขยันและทุ่มเทมากที่สุดแล้ว
แต่ยังไงก็ต้องรู้จักพักบ้างสิคะตั้งแต่ปีที่แล้วพวกเราก็รวบรวมต้นทรีบ้ามาโดยตลอด ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทกว้านซื้ออีกก็ได้ค่ะ
ถ้างั้นให้แจ้งไวโอเล็ตว่าอะไรดีครับ
จะซื้อต้นทรีบ้าต่อก็ได้ แต่บอกให้นางลดความถี่ในการแข่งขันกับกลุ่มการค้าโมนัคลงนะคะ เพราะยังไงทางนั้นเองก็คงจะมีเรื่องให้ต้องใช้ต้นทรีบ้าน่ะค่ะ
ถึงแม้เธอจะรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่แล้วก็เถอะ แต่เธออยากจะเฝ้ามองดูว่า เฟเรสวางแผนตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปที่ร้านก่อนนะครับ
เบ๊ตกล่าวลาบอกว่าหมดธุระของเขาแล้ว ก่อนจะเดินออกไปจากสำนักงาน
ส่วนเครย์ลีบันกับเธอยังต้องอยู่ประชุมกันต่อ