เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – เล่ม 4 บทที่ 145.1

เล่ม 4 บทที่ 145.1

ตอนที่ 145

รถม้าออกเดินทางจากพระราชวัง เพียงไม่นานก็ข้ามผ่านเขตแดนภายใต้การปกครองขององค์จักรพรรดิ และมุ่งหน้าสู่เขตแดนทางเหนือ

เฟเรสเหม่อมองทัศนียภาพนอกหน้าต่างที่เคลื่อนตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

‘อะไรคือเหตุผลที่ร้านค้าเพลเลสรวบรวมต้นทรีบ้าเอาไว้กัน’

คำถามนี้ยังคงค้างเติ่งไม่ยอมหลุดไปจากสมองของเขาในช่วงระยะหลังมานี่

หรือจะรวบรวมไม้พวกนั้นเอาไว้โดยเล็งโครงการพัฒนาตะวันตกของจักรพรรดินีเหมือนกับเขาหรือเปล่า

แต่จะคิดแบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะร้านค้าเพลเลสเพียงแค่กว้านซื้อไม้เอาไว้อย่างเดียว ไม่ได้ขายมันให้อังเกนัสแม้แต่ต้นเดียว

อีกอย่างจากที่ริกนีเต้สืบมาได้ ร้านค้าเพลเลสเริ่มกว้านซื้อไม้ทรีบ้าจากเขตแดนเหนือมาตั้งแต่หนึ่งปีก่อนหน้านี้แล้ว

เริ่มต้นโดยไม่ก่อให้เกิดข่าวลือ ค่อยๆ ซื้อทีละน้อยไม่ให้เป็นที่สังเกต

ร้ายไปกว่านั้นยังลอบซื้อโดยไม่เปิดเผยว่าผู้ซื้อคือร้านค้าเพลเลสอีกด้วย

หลังจากเก็บมันไว้ในโกดังขนาดใหญ่หลายแห่ง เมื่อมีข่าวลือเกี่ยวกับร้านค้าเพลเลสหลุดออกไป พวกเขาก็เปลี่ยนท่าทีในทันที

ราวกับกำลังรอจังหวะนี้อยู่แล้ว ถึงได้ส่งคนจากภาคกลางไปยังเขตเหนือ แล้วเริ่มลงมือกว้านซื้ออย่างเต็มรูปแบบ

และหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะเกิดเหตุดินถล่ม การเคลื่อนไหวทั้งหมดก็หยุดชะงักราวกับโกหก

พวกนั้นหยุดทำการซื้อขาย แล้วเริ่มส่งคนจากร้านค้าเพลเลสกระจายไปทั่วแคมป์ตัดไม้แต่ละแห่งในเขตเหนือ

‘ราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเหตุดินถล่มจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ รูปแบบไหน’

แค่จากรายงานของนักธรณีวิทยาที่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียนำเสนอในการประชุมใหญ่นั่น มันไม่มากพอที่จะคาดการณ์ออกมาได้อย่างแม่นยำขนาดนั้น

‘เครย์ลีบัน เพลเลส’ เจ้าของร้านค้าเพลเลสเขาอยากจะเปิดอกคุยกับคนคนนั้นจริงๆ

อยากถามว่าคนคนนั้นมองโลกใบนี้ด้วยนัยน์ตาแบบไหนกันแน่ ต่อไปวางแผนจะทำอะไรอีกและ ‘ไม่คิดอยากมาเป็นคนของข้าหรือ’

เขารู้ดีว่าเครย์ลีบัน เพลเลสเคยเป็นบุคคลที่สนิทสนมใกล้ชิดกับลอมบาร์เดียแต่หลังจากที่แยกตัวออกมาจากตระกูลลอมบาร์เดียแล้วจัดตั้งร้านค้าเพลเลสขึ้นมา เส้นทางของเครย์ลีบันถือว่าเว้นระยะห่างจากความภักดีที่มีต่อลอมบาร์เดียยิ่ง

เพราะเขาทำได้กระทั่งแย่งชิงเหมืองเพชรไปจากลอมบาร์เดียทั้งดูเหมือนจะไม่ได้สนิทสนมอะไรกับแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย ซึ่งเคยเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมงานกันอยู่ช่วงหนึ่งขนาดนั้น

ตอนที่ลองครุ่นคิดเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนคนนั้นกำลังเดินไปบนเส้นทางอิสระเป็นเอกเทศ

ความสัมพันธ์เบาบางเสียจนช่วงเวลาที่เคยทำงานอยู่ในลอมบาร์เดียจืดจางลงไปเสียจนแทบจะเลือนหาย สายสัมพันธ์ที่หลงเหลืออยู่ระหว่างเครย์ลีบันกับลอมบาร์เดียก็มีแค่

 ฮัดชิ้ว! 

อยู่ๆ ฟีเรนเทียก็จามเสียงดังขึ้นมาพอดี

ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเครย์ลีบัน เพลเลส คนคนเดียวที่เขายอมให้การอบรมสั่งสอนมาเป็นเวลานาน

 ใครนินทาข้าหรือเปล่าเนี่ย 

เสียงบ่นหงุงหงิง เบ้ปากด้วยความไม่พอใจนั่น ทำให้เฟเรสรีบขยับกายทันที

 ห่มนี่สิ 

เฟเรสถอดผ้าคลุมของตัวเองออก ก่อนจะช่วยคลุมมันเอาไว้บนไหล่ของเทีย พลางเอ่ยขึ้นว่า

 ขอบใจนะ เฟเรส 

หญิงสาวใช้ผ้าคลุมของเขาห่อตัวเองเอาไว้จนเหลือแต่ใบหน้าได้รูปโผล่ออกมายิ้มให้เขา

ตึกตักๆ หัวใจเต้นกระหน่ำผิดจังหวะอย่างไม่อาจห้ามใจได้เพียงแค่เพราะรอยยิ้มเดียว มือที่เอื้อมออกไปช่วยกระชับผ้าคลุมให้ถูกกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

เรื่องของร้านค้าเพลเลสที่ยังเหลือค้างอยู่เต็มหัวสมองจนถึงเมื่อครู่นี้ พลันจางหายไปราวกับหิมะละลายเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว

* * *

 ฮัดชิ้ว! 

คันจมูกยุบยิบมาได้สักพักแล้ว สุดท้ายก็จามออกมาจนได้

 ใครนินทาข้าหรือเปล่าเนี่ย 

หรือจะเป็นหวัด แต่หวัดหน้าร้อนเนี่ยนะ ขนาดสุนัขยังไม่เป็นหวัดหน้าร้อนเลยไม่ใช่หรือไง

 ห่มนี่สิ 

เฟเรสถอดเสื้อคลุมที่เขาสวมอยู่ส่งให้เธอ

 ขอบใจนะ เฟเรส 

เธอไม่ปฏิเสธ รับมันมาห่มร่างกายที่เริ่มหนาวขึ้นมาหน่อยๆ ตั้งใจจะอ่านหนังสือไปพลางระหว่างทางแท้ๆ แต่สงสัยคงต้องหลับสักงีบ

จะปล่อยให้เกิดความเสียหายเพราะขบวนเดินทางต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากเธอป่วยไม่ได้หรอก

 ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะนอนมันริมทาง เพราะยังไงก็ต้องรีบเดินทางไปให้ถึงเขตเหนือให้เร็วที่สุด แต่ข้ากลับมีสภาพแบบนี้เสียได้ 

 ถ้าเปลี่ยนทิศทางการเดินทางตอนนี้ละก็ อาจจะเดินทางถึงเขตแดนโบเกลลี่ได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินก็ได้นะ 

เฟเรสรีบพูด

 แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนย้อนกลับไปเสียเวลาอีกหลายวันไม่ใช่เหรอ ข้าไม่เป็นไร แค่หลับสักงีบก็คงดีขึ้นแล้วละ 

 ในบรรดาข้าวของที่พกมาด้วย น่าจะมียาแก้หวัดติดมาด้วย รอสักครู่นะ 

เฟเรสเปิดกล่องใบใหญ่ที่วางอยู่ในมุมหนึ่งของรถม้า

ศีรษะหนักอึ้งจนน่ากลัว ไม่รู้ว่าเป็นหวัดหรือเปล่า

เธอเอนหลังพิงผนังรถม้า เหม่อมองเฟเรสที่กำลังหายาในกล่องด้วยใบหน้าจริงจัง

 เจ้าชายลำดับที่สองเด็กนั่น รู้จักวิธีรับมือกับอารมณ์ของโยบาเนสได้ดีทีเดียว 

หลังกลับมาจากการประชุมใหญ่ ท่านปู่ก็ประเมินเฟเรสออกมาได้แบบนั้น

เงินค่าปรับหนึ่งหมื่นเหรียญทองและแบ่งห้าพันเหรียญทองออกมาใช้เป็นเงินช่วยเหลือเขตแดนเหนือ

เฟเรสช่วยปลอบประโลมความรู้สึกของจักรพรรดิที่ไม่อยากตัดสินโทษอังเกนัสต่อหน้าที่ประชุม ขณะเดียวกันก็ทำให้อังเกนัสต้องสูญเสียเงินก้อนใหญ่จำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทอง

แถมท่าทางที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเขตแดนเหนือนั่น ยังมอบความประทับใจให้กับบรรดาขุนนางทั้งหลาย

การขนส่งเสบียงช่วยเหลือของทางราชวงศ์ไปยังเขตเหนือเป็นเรื่องง่ายก็จริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมหมายถึงเจ้าตัวได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญไปในตัว

ว่าแล้วเชียว ฉลาดจริงๆ

ถึงแม้ท่านปู่จะไม่ค่อยชอบใจในการกระทำของเฟเรส ที่จัดการโทษทัณฑ์ให้จบด้วยรูปแบบของเงินชดเชยก็เถอะ แต่เธอไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก

เพราะสิ่งที่เธอต้องการก็คือ การทำให้จักรพรรดินีไม่อาจซื้อต้นทรีบ้าจากทางเหนือได้อีกต่อไป และทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกนั้นกับไอบันทิ้งแต่จู่ๆ ก็กลับรู้สึกสงสัยขึ้นมา

เธอเอ่ยถามเฟเรสที่ในที่สุดก็หากล่องยาเจอ และกำลังรื้อค้นของในกล่อง

 ทำไมถึงเป็นเงินค่าปรับเหรอ เฟเรส 

แกรก!การเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มหยุดชะงัก ขวดแก้วที่ใส่ยาอยู่ข้างในเกิดเสียงดังกระทบกันเล็กน้อย

 เพราะดูเหมือนว่าช่วงนี้จักรพรรดินีจะใช้เงินไปกับโครงการพัฒนาตะวันตกค่อนข้างมากน่ะ อยากให้ใช้เงินให้หมดก็เลยทำแบบนั้น 

 อืมม ว่าแล้วเชียว เป็นอย่างนั้นนี่เอง 

และคนที่รีดไถดูดเงินไปจากจักรพรรดินีก็คือกลุ่มการค้าโมนัคนั่นแหละ

 ว่าแล้วเชียวเฟเรส เจ้าฉลาดมาก 

การดิ้นรนด้วยตัวเอง ตะเกียกตะกายจากโคลนตมขึ้นไปเป็นองค์รัชทายาทได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้อยู่แล้วนี่นะ

 …ขอบใจ 

เฟเรสยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอายพลางตอบเช่นนั้น ก่อนจะปิดกล่องยาแล้วเอ่ยขึ้นว่า

 ดูเหมือนยาแก้หวัดจะเก็บไว้ที่รถม้าคันอื่น รอก่อนนะ 

เฟเรสเปิดหน้าต่างรถม้าออกทันทีเขาตั้งใจจะเรียกอัศวินมาสั่งให้หยุดขบวน

เธอรีบพูดด้วยความร้อนรน

 ไม่ ยาเอาไว้ค่อยกินทีหลัง… 

 ไม่ได้  เฟเรสส่ายศีรษะยืนกรานอย่างหนักแน่นไม่สมกับเป็นเขาเลย

 ยาต้องรีบกินถึงจะได้ผลดี  และหลังมือของเฟเรสก็ยื่นออกมาทาบลงบนหน้าผากของเธอ

 ตัวร้อนนิดหน่อย  เฟเรสพูดเช่นนั้น แล้วเรียกอัศวินทันที

 มีเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย 

 หยุดขบวน 

คำสั่งของเฟเรสทำให้รถม้าหยุดเคลื่อนตัวทันที

 เพราะข้าแท้ๆ … 

 ยังไงก็ได้เวลาพักพอดี อย่าใส่ใจเลย เทีย ข้าเองก็จะถือโอกาสนี้ไปคุยกับพวกกองกำลังอัศวินเสียหน่อย เดี๋ยวมานะ 

 …ขอบใจ  คราวนี้เป็นฝ่ายเธอบ้างที่ต้องขอบคุณเขา

เฟเรสมองเธอยิ้มๆ เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเปิดประตูรถม้าก้าวออกไปข้างนอก

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

Status: Ongoing

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล 이번 생은 가주가 되겠습니다 I shall master this family 김로아 คิมโรอา เขียน หนทางการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลของหญิงสาวผู้กลับมาชาติมาเกิดใหม่ถึงสองครั้งสองครา เมื่อ ฟีเรนเทีย ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และได้มาเกิดใหม่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรแลมบลู ในฐานะหลานสาวของเจ้าตระกูลที่เกิดจากมารดาสามัญชนทำให้โดนรังเกียจจากคนในตระกูล เมื่อพ่อและปู่ขอเธอตายจากไป เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูล สองปีหลังจากนั้น ตระกูลลอมบาร์เดียก็ล่มสลาย แต่แล้ว เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุอีกครั้งและมีโอกาสได้ย้อนกลับมาเมื่อตอน 7 ขวบ ครั้งนี้เธอจึงตั้งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตและตั้งใจจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้ หนทางแห่งการขึ้นเป็นเจ้าตระกูลจะลำบากยากเย็นเพียงไหน มาเอาใจช่วย ฟีเรนเทียได้ใน “ชาตินี้ข้าจะเป็นเจ้าตระกูล”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท